พระมหานามเถระ (ตอนที่ ๒)
๑๑ กันยายน ๒๕๖๖
ความเดิมตอนที่แล้ว จบลงตรงที่ องค์พระบรมศาสดาทรงเสด็จโปรดปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ อันมีท่านโกณฑัญญะ ภัททิยะ วัปปะ มหานามะ และอัสสชิ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี
แรกๆ ท่านปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ต่างก็พากันไม่เชื่อถือในพระบรมศาสดา จึงทรงตรัสเตือนให้พวกทั้ง ๕ ได้รู้ว่า พระองค์ท่านไม่เคยได้ทรงตรัสไว้ในอดีตเลยว่า ได้ทรงบรรลุอมฤตธรรม พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ซึ่งทรงตรัสรู้เองโดยชอบแล้ว ทรงเพิ่งจะมากล่าวไว้ในที่นี้เป็นครั้งแรก และพวกแรกที่ได้เคยสดับ ก็คือ พวกปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ นี้นี่เอง
พวกปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ พอได้สดับดังนั้นจึงระลึกได้ว่า
จริงดังที่ทรงตรัสพระองค์มิได้ทรงเคยตรัสคำดังกล่าวนี้มาก่อนเลย
ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ จึงเกิดศรัทธาปสาทะแสดงความนอบน้อมยอมรับพระธรรมเทศนา
ครั้นแล้ว พระผู้มีพระภาคจึงได้ทรงตรัสแสดง พระปฐมเทศนาประกาศพระสัจธรรม ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร แก่พราหมณ์ปัญจวัคคีย์ ครั้นเมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสพระธรรมเทศนาจบลง ดวงตาเห็นธรรม อันปราศจากธุลีปราศจากมลทิน ได้เกิดขึ้นแก่ท่านพระโกณฑัญญะว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวล ล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา จนเป็นเหตุให้อัญญาโกณฑัญญะพราหมณ์ ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน ในวันอาสาฬหปุรณมี เพ็ญกลางเดือน ๘ นั่นเอง
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทราบด้วยพระญาณว่า ท่านโกณฑัญญะ ได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันแล้ว จึงได้ทรงเปล่งพระอุทานว่า โกณฑัญญะ ได้รู้แล้วหนอ, โกณฑัญญะได้รู้แล้วหนอ (อญฺญาสิ วต โภ โกณฺฑญฺโญ, อญฺญาสิ วต โภ โกณฺฑญฺโญ) เพราะเหตุนั้น คำว่า อัญญาโกณฑัญญะนี้ จึงได้เป็นชื่อของท่านตั้งแต่นั้นมา
เมื่อท่านพระอัญญาโกณฑัญญะ ได้บรรลุธรรม ดำรงอยู่ในโสดาปัตติมรรคแล้ว จึงได้ทูลขอบรรพชาต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ซึ่งสมเด็จพระบรมศาสดาก็ประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา โดยตรัสว่า เธอจงเป็นภิกษุมาเถิด ดังนี้ แล้วตรัสต่อไปว่าธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว เธอจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด
เช่นนี้จึง ถือว่าโลกมี พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ครบองค์สาม เรียกว่า รัตนตรัย เป็นครั้งแรก
ในวันต่อมา เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงประทานโอวาทสั่งสอนด้วยธรรมีกถา ทรงให้พระภัททิยเถระตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล.และประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นเอหิภิกษุรูปที่ ๒ ในวันแรม ๑ ค่ำ
ในวันแรม ๒ ค่ำ ทรงแสดงธรรมให้พระวัปปเถระได้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล และประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นเอหิภิกษุรูปที่ ๓
ในวันแรม ๓ ค่ำ ทรงแสดงธรรมอันเป็นเหตุให้พระมหานามเถระตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล และประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นเอหิภิกษุรูปที่ ๔
ในวันแรม ๔ ค่ำ ทรงแสดงธรรมอันเป็นเหตุให้พระอัสสชิเถระตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล.และประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นเอหิภิกษุรูปที่ ๕
กาลต่อมาในวันแรม ๕ ค่ำ ทรงเทศนาอนัตตลักขณสูตร อันเป็นเหตุยังให้พระปัญจวัคคีย์ทั้งหมดตั้งอยู่ในพระอรหัตด้วย ครั้งนั้น มีพระอรหันต์เกิดขึ้นในโลก ๖ องค์
เมื่อพระองค์ทรงส่งสาวกไปประกาศพระศาสนา ในตอนปฐมโพธิกาล ท่านพระมหานามะ เป็นองค์หนึ่งที่อยู่ในจำนวนนั้นที่ช่วยเป็นกำลังสำคัญในการประกาศพระศาสนาให้แผ่ขยายกระจายไปในสถานที่ต่าง ๆ ยังให้บรรดากุลบุตรได้เกิดความเชื่อและความเสื่อมใสในพระรัตนตรัยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ครั้งหนึ่งพระมหานามเถระ ได้จาริกไปยังนครมัจฉิกาสัณฑะ จิตตคฤหบดี เห็นพระเถระแล้วเกิดความเลื่อมใสในวัตรปฏิบัติของท่าน จึงตรงเข้าไปช่วยรับบาตรแล้วนิมนต์มายังเรือน ทำการถวายภัตตาหาร เมื่อท่านฉันเสร็จแล้ว ก็นำพระมหานามเถระไปยังสวนชื่ออัมพาฏกวัน ซึ่งเป็นของจิตตคฤหบดี ทำการสร้างกุฏิถวายพระเถระ ณ ที่สวนนั้น และนิมนต์ขอให้ท่านอาศัยอยู่เพื่อรับบิณฑบาตในเรือนตนเป็นนิตย์
พระเถระเห็นอุปนิสัยที่มีมาในอดีตชาติของจิตตคฤหบดีนั้น ว่าในสมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสปะ เขาได้เกิดเป็นนายพรานเนื้อ เคยได้รับกรรมฐานมีอาการ ๓๒ เป็นอารมณ์ จากพระเถระรูปหนึ่งมาก่อน พระมหานามเถระท่านจึงเจาะจงแสดงเฉพาะ สฬายตนวิภังค์ (ว่าด้วยอายตนะ ๖ ตามแนวไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) เท่านั้น ไม่ช้านัก จิตตคฤหบดีก็บรรลุโสดาปัตติผล เพราะได้พิจารณาเห็นสังขารอันเป็นทุกข์ดังกล่าว
ต่อมาท่านคฤหบดีได้สร้างวิหารใหญ่ในอุทยาน ถวายสงฆ์ แด่หมู่พระสงฆ์อารามชื่อว่าอัมพาตการาม ตามชื่อสวน สำหรับพวกภิกษุผู้มาจากทิศทั้งปวง โดยมีพระสุธรรมเถระเป็นเจ้าอาวาส
วันที่จิตตคฤหบดีสร้างวัดเสร็จแล้วกล่าวคำถวายวัดนั้น เกิดแผ่นดินไหวใหญ่กระทั่งถึงน้ำที่รองรับแผ่นดิน เป็นอัศจรรย์ยิ่งนัก เป็นนิมิตหมายให้รู้ว่า
“บัดนี้ พระพุทธศาสนาตั้งมั่นแล้วในเมืองมัจฉิกาสณฑ์ได้เป็นครั้งแรกแล้ว”
(ท่านพระมหานามะ ได้ดำรงอายุสังขารอยู่พอสมควร แล้วดับขันธปรินิพพานในสถานที่อันเร้นลับแห่งหนึ่ง)
จบประวัติพระมหานามเถระ ๑ ในปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ นับเป็นพระอรหันต์กลุ่มแรกในโลก
คุณูปการของพระอรหันต์ในยุคแรกๆ ท่านต้องรับหน้าที่ช่วยกันเผยแผ่พระธรรมวินัยอย่างทุ่มเท จนยังให้บังเกิดพุทธบริษัททั้ง ๔ ขึ้นมากมาย
นี่คือภาระหน้าที่ของหมู่ภิกษุสงฆ์สาวกแห่งองค์พระบรมศาสดาอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เจริญธรรม
พุทธะอิสระ
——————————————–