ประวัติพระกุมารกัสสปะ (ตอนที่ ๖)
๑๖ มีนาคม ๒๕๖๖
ความเดิมตอนที่แล้ว
พรหมสุธาวาส ซึ่งอดีตเคยเป็นเพื่อนผู้ร่วมปฏิบัติธรรมกับกุมารกัสสปะมาก่อน ได้เหาะลงมาผูกปัญหา ๑๕ ข้อ ให้กุมารกัสสปะไปทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยรู้ว่าหากกุมารกุสสปะตั้งใจฟังคำตรัสตอบปัญหาจากพระบรมศาสดา จักต้องบรรลุอรหันต์ได้เป็นแน่น
ตอนที่แล้วพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตอบปัญหาให้แก่พระกุมารกัสสปะไปแล้ว ๓ ข้อ คือ อะไรชื่อว่าจอมปลวก อะไรชื่อว่ากลางคืนเป็นควัน อะไรชื่อว่ากลางวันเป็นไฟ
วันนี้เรามาต่อคำถามข้อที่ ๔ ว่า
ภันเตภะคะวา ข้าแต่องค์พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ อะไรชื่อว่าพราหมณ์ พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสตอบว่า พราหมณ์ หมายถึง ผู้ที่ชำระเสียได้ซึ่งบาปทางกาย อันได้แก่ พิธีลอยบาป ล้างบาปในแม่น้ำคงคา ที่พวกนักบวชพราหมณ์เขาทำกัน
แม้เราตถาคตก็ได้ชื่อว่า พราหมณ์ ด้วยการสำรอกบาปอันเป็นอกุศล และกุศลให้สิ้นไปทั้งทางกาย ทางวาขา และทางใจ โดยมิเหลือเชื้อ เช่นนี้จึงได้ชื่อว่า พราหมณ์
ข้าแต่องค์พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ อะไรชื่อว่าสุเมธ
พระพุทธองค์ทรงตรัสตอบว่า ดูกรภิกษุคำว่า สุเมธ หมายถึง ภิกษุผู้ที่กำลังขวนขวาย ศึกษาในศีล สมาธิ ปัญญา
แล้วอะไรชื่อว่า จอบ เล่าพระพุทธเจ้าข้า
ดูกรภิกษุ คำว่า จอบ หมายถึง ปัญญาเป็นเครื่องขุด เครื่องถากรากเหง้าอุปกิเลสทั้งปวงจนไม่เหลือเชื้อ
ข้าแต่องค์พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ข้าพระองค์ขอทูลถามว่า อะไรชื่อว่า ขุด
ดูกรภิกษุ คำว่า ขุด หมายถึง ความเพียรในที่ ๔ สถาน คือ
เพียรพิจารณาในกาย
เพียรพิจารณาในเวทนา
เพียรพิจารณาในจิต
เพียรพิจารณาในธรรม
ให้เห็นสภาพตามความเป็นจริงว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีอยู่จริง เช่นนี้ชื่อว่า ขุด
ภันเตภะคะวา ข้าแต่องค์พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ อะไรชื่อว่า ลูกสลัก พระพุทธเจ้าข้า
ดูกรภิกษุ คำว่า ลูกสลัก หมายถึง อวิชชา ความไม่รู้ตามความจริง เหตุเพราะความไม่รู้เช่นนี้จึงสกัดกั้นการเข้าถึงความจริงอันประเสริฐ ดุจดังสลักประตู กลอนประตูที่ลงกลอนลั่นดาน ลงสลัก ปิดกั้นมิให้เข้าถึงวิชชา ความรู้ตามความเป็นจริง เช่นนี้ชื่อว่า ลูกสลัก
ข้าแต่องค์พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ อะไรชื่อว่า อึ่งอ่าง เล่าพระพุทธเจ้าข้า
ดูกรภิกษุคำว่า อึ่งอ่าง หมายถึง ความถือโกรธ ความผูกโกรธ มีลักษณะทำให้จิตมีความยึดมั่น ถือตัว ถือตน ทระนง ลำพองตนดุจดังอึ่งอ่าง
แล้วอะไรเล่าชื่อว่า ทาง ๒ แพร่ง พระพุทธเจ้าข้า
ดูกรภิกษุ ทาง ๒ แพร่ง หมายถึง ความลังเล สงสัย ไม่ปลงใจเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ ดุจดังบุคคลเดินทางมาพบทาง ๒ แพร่ง จึงไม่รู้ว่า จักเดินไปในเส้นทางไหน นี้จึงชื่อว่า ทาง ๒ แพร่ง
ข้าแต่องค์พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ อะไรชื่อว่า กระบอกน้ำ พะรพุทธเจ้าข้า
ดูกรภิกษุ คำว่า กระบอกน้ำ หมายถึง เครื่องสกัดกั้นความดีทั้ง ๕ อย่าง อันได้แก่
ความพึงพอใจในกามคุณ
ความคิดปองร้าย
ความหดหู่ง่วงงุน
ความฟุ้งซ่านรำคาญใจ
ความลังเลสงสัย
บุคคลผู้ตกอยู่ในเครื่องกางกั้นทั้ง ๕ ที่เรียกว่า นิวรณ์ ย่อมมิอาจเข้าถึงกุศลธรรมอันรุ่งเรืองได้ ดุจดังกระบอกน้ำที่กักขังน้ำมิให้ไหลซึมได้ฉะนั้น
จบแค่นี้ก่อนนะจ๊ะ
พุทธะอิสระ
——————————————–