บทความ
แถกกันไป แถกันไป เดี๋ยวก็ติดขี้แห้งตาย
๒๘ มกราคม ๒๕๕๙
ดีเอสไอ เชิญตัวฉันไปให้ปากคำเพิ่มเติมเป็นวันที่สอง
เป้าประสงค์ในการไปครั้งนี้ เพื่อคัดกรอง เอาประเด็นที่สำคัญๆ ใน ๑๗ ประเด็น และสามารถรวบรวมพยานหลักฐาน ส่งฟ้องได้เลย (ขอสงวนเอาไว้เป็นความลับ)
ส่วนประเด็นที่ต้องใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานในทางคดี จากหลายหน่วยงาน และมีโทษซ้ำซ้อน กับประเด็นที่คัดเอาไว้
บางประเด็นตัวจำเลยก็ฆ่าตัวตายไปแล้ว เช่น กรณีเจ้าคุณเสนาะ เป็นต้น
ดีเอสไอ ก็ขอฉันให้ถอน เพื่อความรวดเร็วในการดำเนินคดี
เช่นเดียวกับกรณีที่ฉันไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ กับธมฺมชโยเอาไว้ที่โรงพักประทุมธานี
ฉันได้แจ้งความเอาไว้สามประเด็น เช่น แต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ หลอกลวงประชาชน และช่อโกงทรัพย์
ฉันก็ต้องให้ทนายไปแจ้งความจำนงถอนคดีหลอกลวง และช่อโกงออกจาก สารบบคดีเสียก่อน เพราะตามกฎหมายแล้ว ผู้ที่แจ้งความร้องทุกข์เท่านั้น จึงจะมีสิทธิถอนแจ้งความได้
แม้ตัวเจ้าหน้าที่เอง ก็ไม่สามารถถอนเรื่องที่รับแจ้งความเอาไว้ได้ นอกเสียจากต้องขอหมายศาล
เช่นกรณีขัดขวางการเลือกตั้ง ฉันก็ต้องให้ทนายร้องขอต่อศาลเพื่อเพิกถอน
ส่วนพวกที่ออกมาแถกแถไปว่า ดีเอสไอถอนคดีที่พุทธะอิสระไปแจ้งความแล้ว
ขอทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่า
เวลาคนไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อดีเอสไอ ดีเอสไอก็จะรับเรื่องเอาไว้ แล้วนำเข้าสู่คณะกรรมการพิจารณาว่ามีเรื่องไหนเข้าข่ายอยู่ในอำนาจหน้าที่ที่จะสืบสวนได้บ้าง
หากคดีไหนไม่อยู่ในอำนาจ เจ้าพนักงานก็จะเชิญตัวผู้ที่ไปแจ้งความร้องทุกข์ ว่าเรื่องนี้แม้จะเป็นความผิด แต่ไม่อยู่ในอำนาจในการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอ จัดเป็นคดีปกติ ผู้แจ้งความสามารถนำเรื่องไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับเจ้าพนักงานสืบสวนสอบสวนปกติได้
แต่ถ้าเรื่องใดอยู่ในอำนาจของดีเอสไอ เจ้าหน้าที่ก็จะนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่อง เพื่อพิจารณาและนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการชุดใหญ่ เพื่อพิจารณาเห็นชอบ หรือไม่ก็นำเรื่องเสนอให้อธิบดีเซ็นอนุมัติให้สืบสวนสอบสวนต่อได้เลย เพราะคดีมีมูลและอยู่ในอำนาจ
ทั้ง ๑๗ ประเด็น ที่ฉันนำไปแจ้งความ ก็ไม่ได้อยู่ในอำนาจของดีเอสไอทั้งหมด เช่น กรณีแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ ฉันจึงต้องไปแจ้งต่อโรงพักประทุมธานี แต่คดีรถหรู และคดีสหกรณ์เคดิตยูเนี่ยน อยู่ในอำนาจของดีเอสไอ จึงรับคดีเอาไว้ เพื่อทำการสืบสวนสอบสวนดังกล่าว
รวมความแล้ว มี ๓ คดีที่ฉันไปแจ้งความดีเอสไอ และดีเอสไอรับทั้ง ๓ คดีไว้พิจารณา คือ
๑ คดีสหกรณ์เคดิตยูเนี่ยน ฐานฉ้อโกงประชาชน
๒ คดีรถจดประกอบของนายน้ำฝน และสมเด็จช่วง ซึ่งผิด พรบ.ศุลกากร
๓ คดีที่มหาเถรสมาคม สำนักพุทธฯ และ ผ.อ.สำนักพุทธฯ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มีด้วยกันทั้งสิ้น ๑๗ ประเด็น มี ๒ ประเด็นที่อยู่ในอำนาจของ ดีเอสไอ คือ
๓.๑ ประเด็นที่มหาเถรสมาคม สำนักพุทธฯ และ ผ.อ.สำนักพุทธฯ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ปฏิบัติตามพระวินิจฉัยของสมเด็จพระสังฆราชฯ
๓.๒ ประเด็นธมฺมชโยบิดเบือนคำสอนของพระพุทธศาสนาในสื่อออนไลน์ ซี่ง เป็นความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ
ส่วนประเด็นอื่นๆ มีความซ้ำซ้อนและอยู่ในอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานอื่น และบางประเด็นพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ดีเอสไอจึงไม่รับไว้พิจารณา
แต่ถ้าประเด็นใดมีหลักฐานใหม่ที่เพียงพอ ก็สามารถยื่นให้ดีเอสไอนำประเด็นดังกล่าวนั้นกลับมาพิจารณาใหม่ได้
จึงแจ้งมาเพื่อให้เข้าใจตรงกัน จักได้ไม่สับสน
ส่วนพวกที่ออกมาดิ้นทุรนทุรายโดยวาย เพื่อลดความน่าเชื่อถือของฉัน นั้นก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหาและพวกที่สามารถแสดงออกได้
แต่ถ้าหากเกินเลยกว่าเหตุ และไปทำลายหลักฐาน หรือใส่ร้าย อาจโดนข้อหาละเมิด หรือขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ได้นะจ๊ะ ขอบอก
พุทธะอิสระ