พระสิงคาลมาตาเถรี (ตอนที่ ๒)
๒๕ มีนาคม ๒๕๖๗
ความเดิมตอนที่แล้วจบลงตรงที่ พระบรมศาสดาทรงได้ทอดพระเนตรเห็นสิงคาลกคฤหบดีบุตรประคองอัญชลีนอบน้อมทิศทั้งหลายตามคำสั่งของบิดาที่ตายไปแล้ว เพื่อให้โภคทรัพย์ที่มีอยู่ยั่งยืน มั่นคง
พระบรมศาสดาจึงทรงตรัสว่า ดูกรคฤหบดีบุตร ในพระธรรมวินัยของเราตถาคต เขาจักไม่นอบน้อมทิศ ๖ กันอย่างนี้
สิงคาลกคฤหบดีบุตรจึงขอให้พระบรมศาสดาประทานโอวาสแก่ตน
พระบรมศาสดาจึงทรงตรัสว่า ดูกรคฤหบดีบุตร ถ้าอย่างนั้น ท่านจงฟัง ตั้งใจฟังให้ดี เราจักขยายความให้เธอฟัง
สิงคาลกคฤหบดีบุตร ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสสอนว่า ดูกรคฤหบดีบุตร อริยสาวกละกรรมกิเลสทั้ง ๔ ได้แล้ว ไม่ทำบาปกรรมโดยฐานะ ๔ และไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ อริยสาวกนั้นเป็นผู้ปราศจากกรรมอันลามก ๑๔ อย่างนี้แล้ว ย่อมเป็นผู้ปกปิดทิศ อันได้แก่ ความเห็นผิดประพฤติผิดจากสิ่งที่ควรเห็น ควรประพฤติ ๖ ย่อมปฏิบัติเพื่อชำนะโลกทั้งสอง และเป็นอันอริยสาวกนั้นปรารภแล้ว ทั้งโลกนี้และโลกหน้า เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก อริยสาวกนั้นย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ฯ
*******************
ดูกรคฤหบดีบุตร ทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ ได้แก่
การดื่มน้ำเมาคือสุราอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท มีโทษ ๖ ประการ คือ ความเสื่อมทรัพย์ ก่อการทะเลาะวิวาท เป็นบ่อเกิดแห่งโรค เป็นเหตุเสียชื่อเสียง เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย และเป็นเหตุทอนกำลังปัญญา
การเที่ยวกลางคืน มีโทษ ๖ ประการ คือ ได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่คุ้มครองและไม่รักษาตัวเอง บุตรภรรยา ทรัพย์สมบัติ เป็นที่ระแวงของคนอื่น มีคำพูดอันไม่เป็นจริงในที่นั้นๆ และเหตุแห่งทุกข์เป็นอันมากย่อมแวดล้อม
การดูมหรสพ มีโทษ ๖ ประการ คือ รำ ขับร้อง ประโคม เสภา เพลง หรือเถิดเทิงที่ไหนไปที่นั่น
การเล่นการพนัน มีโทษ ๖ ประการ คือ ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป มีความเสื่อมทรัพย์ในปัจจุบัน เมื่อไปพูดในที่ประชุมจะฟังไม่ขึ้น ถูกมิตรหมิ่นประมาท และไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง เพราะเห็นว่าชายหรือหญิงนักเลงเล่นการพนันไม่สามารถจะเลี้ยงภรรยาได้
การคบคนชั่วเป็นมิตร มีโทษ ๖ ประการ คือ นำให้เป็นนักเลงการพนัน นักเลงเจ้าชู้ นักเลงเหล้า เป็นคนลวงผู้อื่นด้วยของปลอม เป็นคนโกงเขาซึ่งหน้า และเป็นคนหัวไม้
ความเกียจคร้าน ๖ ประการ คือ ไม่ยอมทำงาน โดยมักอ้างว่าหนาว ร้อน เวลาเย็นแล้ว ยังเช้าอยู่ หิว หรือกระหาย ดังนั้นเมื่อผลัดเพี้ยนการงานอยู่อย่างนี้ โภคะที่ยังไม่เกิดก็ไม่เกิดขึ้น ส่วนที่เกิดขึ้นแล้วก็ถึงความสิ้นไป)
*******************
เป็นผู้ปราศจากกรรมอันลามก 14 อันได้แก่
1. ให้ละกรรมกิเลสทั้ง 4 คือ ศีลข้อที่ 1 ถึง ศีลข้อที่ 4 ซึ่งประกอบด้วย:การฆ่า, การลักขโมย ,เจ้าชู้ ประพฤติผิดในกาม ,พูดเท็จ ส่อเสียด คำหยาบเพ้อเจ้อ
2. ไม่ทำบาปกรรมโดยฐานะ 4 หรือ อคติ 4 คือ ไม่ทำชั่ว 4 ประการ ซึ่งประกอบด้วย: รัก/ชอบใจ (ส่งผลให้ลำเอียง / คอรัปชั่น) , โกรธ/ชัง (ส่งผลให้กลั่นแกล้ง) ,หลง/โง่งมงาย (ส่งผลให้มีหลายมาตรฐาน) , กลัวภัย (ส่งผลให้เอาตัวรอด/ เห็นแก่ตัว)
3. ไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ 6 หรือ อบายมุข 6 ประกอบด้วย :
ดื่มน้ำเมา สุรา เมรัยสิ่งเสพติดทั้งปวง , ไปในที่ที่ไม่ควรไป /ไปในเวลาที่ไม่สมควร , ปล่อยจิตใจให้หมกมุ่นเรื่องบันเทิงเริงรมย์ , เล่นการพนัน , คบคนชั่วเป็นมิตร ซึ่งจะทำให้เราชั่วตามไปด้วย , เป็นผู้เกียจคร้าน ทำให้ไม่สามารถแสวงหาทรัพย์มาได้โดยสุจริต ทรัพย์ที่มีอยู่ก็ร่อยหรอหมดไป
******************************************
กรรมกิเลส ๔ เป็นไฉน ที่อริยสาวกละได้แล้ว ดูกรคฤหบดีบุตร กรรมกิเลส คือ ปาณาติบาต ๑ อทินนาทาน ๑ กาเมสุมิจฉาจาร ๑ มุสาวาท ๑ กรรมกิเลส ๔ เหล่านี้ ที่อริยสาวกนั้นละได้แล้ว ฯ
พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
ปาณาติบาต อทินนาทาน มุสาวาท และการคบหาภรรยาผู้อื่น เรากล่าวว่าเป็นกรรมกิเลส บัณฑิตไม่สรรเสริญ ฯ
อริยสาวกไม่กระทำบาปกรรมโดยฐานะ ๔ เป็นไฉน ปุถุชนถึงฉันทาคติ ความลำเอียงเพราะรัก ย่อมทำกรรมอันลามก ถึงโทสาคติ ลำเอียงเพราะโกรธ ย่อมทำกรรมอันลามก ถึงโมหาคติ ลำเอียงเพราะความหลง ย่อมทำกรรมอันลามก ถึงภยาคติ ลำเอียงเพราะกลัว ย่อมทำกรรมอันลามก ฯ
ดูกรคฤหบดีบุตร ส่วนอริยสาวกย่อมไม่ถึงฉันทาคติ ย่อมไม่ถึงโทสาคติย่อมไม่ถึงโมหาคติ ย่อมไม่ถึงภยาคติ ท่านย่อมไม่ทำกรรมอันลามกโดยฐานะใดๆเลย
พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
ผู้ใดประพฤติล่วงธรรม เพราะความรัก ความชัง ความกลัว ความหลง ยศของผู้นั้นย่อมเสื่อม ดังดวงจันทร์ในข้างแรม
ผู้ใดไม่ประพฤติล่วงธรรมเพราะความรัก ความชัง ความกลัว ความหลง ยศย่อมเจริญแก่ผู้นั้น ดุจดวงจันทร์ในข้างขึ้น ฯ
อริยสาวกย่อมไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ดูกรคฤหบดีบุตร การประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑
การประกอบเนืองๆ ซึ่งการเที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในกลางคืน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑
การเที่ยวดูมหรสพเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑
การประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑
การประกอบเนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑
การประกอบเนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้าน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ ฯ
ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือ สุรา เมรัย และสิ่งเสพติดทั้งปวง อันเป็นที่ตั้งแห่งความเสื่อมแห่งโภคะ และความมัวเมาประมาท ๖ ประการนี้ คือ
ความเสื่อมทรัพย์อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง ๑
ก่อการทะเลาะวิวาท ๑
เป็นบ่อเกิดแห่งโรค ๑
เป็นเหตุเสียชื่อเสียง ๑
เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย ๑
มีบทที่ ๖ คือ เป็นเหตุทอนกำลังปัญญา ๑
ดูกรคฤหบดีบุตร โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือ สุรา เมรัย และสิ่งเสพติดทั้งปวง อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเหล่านี้แล ฯ
ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการเที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในกลางคืนมี ๖ ประการ คือ
ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาตัว ๑
ไม่คุ้มครอง ไม่รักษาบุตรภรรยา ๑
ไม่คุ้มครอง ไม่รักษาทรัพย์สมบัติ ๑
เป็นที่ระแวงของคนอื่น ๑
คำพูดอันไม่เป็นจริงในที่นั้นๆ ย่อมปรากฏในผู้นั้น ๑
อันเหตุแห่งทุกข์เป็นอันมากแวดล้อม ๑
ดูกรคฤหบดีบุตร โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการเที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในเวลากลางคืนมีอยู่ ๖ ประการดังกล่าวมานี้แล ฯ
ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการเที่ยวดูมหรสพ ๖ ประการเหล่านี้คือ
รำที่ไหนไปที่นั่น ๑
ขับร้องที่ไหนไปที่นั่น ๑
ประโคมที่ไหนไปที่นั่น ๑
เสภาที่ไหนไปที่นั่น ๑
เพลงที่ไหนไปที่นั่น ๑
เถิดเทิงที่ไหนไปที่นั่น ๑
ดูกรคฤหบดีบุตรโทษ ๖ ประการในการเที่ยวดูมหรสพเหล่านี้มีดังกล่าวมานี้แล ฯ
ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ๖ ประการเหล่านี้ คือ
ผู้ชนะย่อมก่อเวร ๑
ผู้แพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป ๑
ความเสื่อมทรัพย์ในปัจจุบัน ๑
ถ้อยคำของคนเล่นการพนัน ไม่เป็นที่น่าเชื่อถือของผู้ใด ๑
ถูกชนทั้งหลายดูหมิ่น ๑
ไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย เพราะเห็นว่า ชายหรือหญิงที่เป็นนักเลงเล่นการพนันไม่สามารถจะเลี้ยงบุตร ภรรยา หรือสามีได้
แม้ที่สุดเป็นหญิงที่เล่นการพนันก็เช่นกัน ไม่มีใครต้องการเอาไปทำภรรยา
ดูกรคฤหบดีบุตร โทษ ๖ ประการ ดังกล่าวมานี้ ถือเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตร ๖ ประการมีดังนี้ คือ
นำให้เป็นนักเลงการพนัน ๑
นำให้เป็นนักเลงเจ้าชู้ ๑
นำให้เป็นนักเลงเหล้า ๑
นำให้เป็นคนลวงผู้อื่นด้วยของปลอม ๑
นำให้เป็นคนโกงเขาซึ่งหน้า ๑
นำให้เป็นคนหัวไม้ ๑
ดูกรคฤหบดีบุตร โทษ ๖ ประการ จักเกิดขึ้นแก่ผู้ที่คบคนชั่วเป็นมิตร มีดังกล่าวมานี้แล ฯ
ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้านมี ๖ ประการดังนี้ คือ
มักให้อ้างว่าหนาวนัก แล้วไม่ทำการงาน ๑
มักให้อ้างว่าร้อนนัก แล้วไม่ทำการงาน ๑
มักให้อ้างว่าเวลาเย็นแล้ว แล้วไม่ทำการงาน ๑
มักให้อ้างว่ายังเช้าอยู่ แล้วไม่ทำการงาน ๑
มักให้อ้างว่าหิวนัก แล้วไม่ทำการงาน ๑
มักให้อ้างว่าระหายนัก แล้วไม่ทำการงาน ๑
เมื่อเขามากไปด้วยการอ้างเลศ บ่ายเบี่ยง ผลัดเพี้ยนต่อการงานอยู่อย่างนี้ โภคะที่ยังไม่เกิดก็ไม่เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้วก็ถึงความสิ้นไป ดูกรคฤหบดีบุตร โทษ ๖ ที่จักเกิดขึ้นแก่ผู้เกียจคร้านมีดังนี้แล ฯ
จบเอาไว้แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ เดียวหัวจะปวด เพราะดูจะตรงกับผู้ศึกษาแยะเหลือเกิน
เจริญธรรม
พุทธะอิสระ
——————————————–