นโยบายทำลายชาติแบบนี้ไม่รู้ว่าผลประโยชน์จะไปตกอยู่กับใคร ?

0
5

นโยบายทำลายชาติแบบนี้ไม่รู้ว่าผลประโยชน์จะไปตกอยู่กับใคร ?
๑๕ เมษายน ๒๕๖๘

เด็กๆ ได้เข้ามาสมัครบวชภาคฤดูร้อนกันหลายคน เมื่อเข้าไปอบรมสั่งสอนแล้วทำให้เห็นว่า ความเหลื่อมล้ำ สูงต่ำที่เด็กๆ มีก็คือ การศึกษาและความรู้ ความรับผิดชอบ

เด็กบางคนมีการศึกษาที่ดี (หมายถึงพ่อแม่มีฐานะ) แต่ไม่มีความรู้ ความสามารถในการเอาตัวรอด ไม่รับผิดชอบ ทั้งต่อตนและคนรอบข้าง ก็เพราะพ่อแม่ไม่กวดขัน อ่อนด้อยในการอบรมสั่งสอน เอาแต่ปรนเปรอตามที่ลูกต้องการ

เด็กบางคนไม่ได้โอกาสเข้าถึงการศึกษาที่ดี (หมายถึง พ่อแม่ฐานะไม่ดี) แต่ก็มีความรู้ความสามารถ เอาตัวรอดได้ มีความรับผิดชอบอยู่ในเกณฑ์ พอสอบดูพื้นฐานการดำรงชีวิต ก็พบว่า พ่อแม่ผู้ปกครองกวดขัน เข้มงวด หมั่นอบรมสั่งสอนใช้ทั้งพระเดช พระคุณ จนหล่อหลอมเด็กออกมาเป็นคนมีคุณภาพ แม้จะมีอายุน้อยกว่า แต่ความเพียรพยายาม มุ่งมั่น รับผิดชอบต่อสังคมก็มีไม่น้อยเลย

เด็กบางคนก็ขาดแคลนทั้งพ่อทั้งแม่ ยิ่งไม่ต้องถามว่า การศึกษาจะมีคุณภาพขนาดไหน สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ เด็กสามารถดิ้นรนขวนขวายจนเอาตัวรอดได้ ทั้งที่อายุยังน้อย ทั้งที่ปัจจัยรอบด้านมิได้เอื้อที่จะให้มีความรู้ความสามารถได้เลย

เด็กบางคนก็มีชีวิตอยู่ในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง อยู่ในเมืองใหญ่ แต่สิ่งที่เด็กมีเด็กได้ คือ จบ ป.๖ จักเข้า ม.๑ ในปีนี้ ยังอ่านหนังสือไม่ออก

ถามเด็กว่า แล้วหนูสอบเลื่อนชั้นขึ้นมาได้อย่างไร

เด็กตอบว่า ใช้ความจำ

ฟังแล้วหัวจะปวด อ่านหนังสือไม่ได้ แต่ก็สอบได้จนจะขึ้น ม.๑ ปีนี้แล้ว

ถามเด็กว่า ห้องเรียนหนูมีที่อ่านหนังสือไม่ออกแบบนี้มีอีกมากไหม

เด็กตอบว่า มีอีกหลายคน

เลยถามเด็กว่า แล้วครูก็ให้เลื่อนชั้นได้กระนั้นหรือ

เด็กตอบว่า ให้ครับ

เลยทำให้นึกได้ว่า อ๋อ….นโยบายของบางโรงเรียน เขามีนโยบายออกมาบังคับใช้ในโรงเรียนว่า ห้ามมิให้เด็กซ้ำชั้น เพราะผู้อำนวยการของบางโรงเรียนต้องการสร้างผลงาน เลื่อนวิทยฐานะ นั้นก็แสดงว่า ไม่ว่าเด็กจะอ่านหนังสือออกหรือไม่ ทำเลขบวกลบคูณหารได้หรือไม่ ทำคณิต วิทย์ อังกฤษ ได้หรือไม่ ก็ได้เลื่อนชั้น

แล้วเช่นนี้เด็กๆ จะต้องหิ้วกระเป๋าใส่หนังสือไปทำไม พ่อแม่ต้องขวนขวายหาเงินไปซื้อหนังสือ กระเป๋าใส่หนังสือไปทำไม

เพราะไม่ว่าจะมีหนังสือหรือไม่มีหนังสือ อ่านได้หรืออ่านไม่ได้ สุดท้ายเด็กก็เรียนจบอยู่ดี

ยิ่งคิด ยิ่งเขียน แล้วยิ่งสงสาร ประเทศชาติ ไม่อยากคิดเลยว่า หากแต่ละโรงเรียนผลิตเด็กที่จบการศึกษามา แล้วไม่รู้หนังสือกันมากๆ แล้วบ้านเมืองนี้มันจะอยู่กันอย่างไร

หรือนี่เป็นวิธีการคิดของพวกนักการปกครอง ว่าต้องให้คนในประเทศนี้มันโง่เอาไว้ จะได้จูงจมูกได้ง่ายๆ

นี่ยังไม่รวมถึงสนามสอบธรรมของพระพุทธศาสนา ก็ไม่ต่างอะไรกับการเรียนการสอนของเด็กๆ ในโรงเรียน

ที่เรียนที่สอนก็เพื่อให้มีชื่อว่า ได้เรียนได้สอบจบธรรมศึกษามาแล้ว สอบถามพูดคุยกันว่า สติสัมปชัญญะ เอามาใช้กับชีวิตประจำวันได้อย่างไร ?

เด็กตอบว่า เอาไว้ใช้ในเวลาที่หลงลืม

อุต๊ะ…แม่เจ้าโว๊ย

ถามครูพระผู้คุมสอบ ท่านตอบว่า ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเขามีนโยบายไม่ให้ผู้เรียนสอบตก เพราะมันจะเสียชื่อสนามสอบและสำนักเรียนที่สอน จึงต้องดันๆ ให้มันจบๆ ไป

ไม่เคยคิดเลยว่า แม้แต่สำนักเรียนและสนามสอบธรรม ของพระพุทธศาสนาก็ผลิตมนุษย์มะละกอ ออกมาแข่งกับชาวโลกกับเขาด้วย

เวรกรรม เวรกรรม

พุทธะอิสระ

——————————————–

อ่านย้อนหลัง : https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/pfbid0TPFZ8ZsZcfiTEVibior5cLJaCsBMBosnk6D5tStzdjyDefGWpzQJRkEvLJtdD6Jal

——————————————–

——————————————–

Previous article : https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/pfbid0TPFZ8ZsZcfiTEVibior5cLJaCsBMBosnk6D5tStzdjyDefGWpzQJRkEvLJtdD6Jal