ประวัติพระภิกษุณีอุบลวรรณาเถรี (ตอนที่ ๕)
๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
ตอนที่แล้วจบลงตรงที่ พระราชโอรสทั้ง ๕๐๐ พระองค์ของพระนางปทุมวดีกับพระราชาพาราณสี ได้เห็นกลีบดอกบัวอันเป็นสังขารที่ไม่มีวิญญาณครอบครอง ได้หลุดร่วง และเหี่ยวเฉาลง
พระกุมารทั้ง ๕๐๐ บังเกิดความคิดขึ้นว่า นี่ขนาดสังขารไม่มีวิญญาณครอง ยังถึงความเสื่อมโทรมและหลุดร่วง สาอะไรกับสังขารที่มีวิญญาณครองอย่างพวกเราจักคงทน ยั่งยืน ถาวรไปอีกสักกี่วัน เราทั้งหลายคงหนีไม่พ้นจากความเสื่อมโทรม ล้มตาย ไปดุจดังดอกบัวเหล่านี้
คิดดังนี้แล้ว พระกุมารทั้ง ๕๐๐ จึงพร้อมใจกันขึ้นไปนั่งบนดอกบัวใหญ่ แล้วบำเพ็ญเพียรทางจิตจนบรรลุญาณวิเศษ สำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
ขณะที่พระชันษา ๑๖ ปี แล้วจึงเหาะไปอาศัยอยู่ ณ ภูเขานันทมูลกะ
ฝ่ายพระนางปทุมวดีเทวี ทรงโศกเศร้าพระทัยว่า เรามีบุตรมากมายตั้ง ๕๐๐ คน อยู่ๆ ก็กลายเป็นคนไร้บุตรไปเสียแล้ว ด้วยความเศร้าโศกนั้นเอง พระนางจึงตรอมใจจนเสด็จทิวงคตไปบังเกิดในสถานที่ของกรรมกรหาเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้าง ในหมู่บ้านใกล้ประตูกรุงราชคฤห์
ต่อมานางได้มีสามี อยู่มาวันหนึ่งนางได้นำข้าวยาคูไปนาเพื่อให้สามี เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ๘ องค์ ซึ่งในอดีตชาติเป็นพระราชบุตรของนาง กำลังเหาะมาเพื่อรับภัตตาหาร จึงรีบรุดไปบอกสามีว่า นายเจ้าขา ดูพระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นสิ เรานิมนต์ท่านมาฉันอาหารในเรือนของเราดีไหม
สามีกล่าวว่า ธรรมดาพวกสมณะเหล่านี้ ย่อมสัญจรไปอย่างนี้ แม้ในที่อื่นท่านก็ไป พวกสมณะเหล่านี้ ไม่ใช่พระปัจเจกพุทธเจ้าดอกจ้ะ น้องหญิง
พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๘ พระองค์นั้น ก็เหาะลงมาในที่ไม่ไกล จากที่คนทั้งสองกำลังพูดกัน
หญิงคนนั้นจึงถวายโภชนะ ในส่วนของตนแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นแล้วนิมนต์ว่า
พรุ่งนี้ขอท่านทั้ง ๘ องค์ โปรดรับภิกษาหารของข้าพเจ้าอีกนะเจ้าคะ
พระปัจเจกพุทธเจ้ากล่าวว่า ได้เจริญธรรม อุบาสิกา เช่นนั้นภัตตาหารของท่าน คงจะต้องจัดเตรียมเอาไว้เท่ากับวันนี้ พร้อมอาสนะ ๘ ที่ ถ้าวันรุ่งพรุ่งนี้หากท่านเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์อื่น ๆ ก็พึงทำจิตใจของท่านให้เลื่อมใสไว้เถิดอุบาสิกา
วันรุ่งขึ้น หญิงคนนั้นจึงตระเตรียมอาหารในส่วนของตน พร้อมปูลานอาสนะไว้ ๘ ที่ สำหรับพระปัจเจกพุทธเจ้า ๘ องค์แล้วก็นั่งเฝ้ารอคอย
พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๘ ที่ได้รับนิมนต์ จึงกลับมาแจ้งแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๕๐๐ รูป นั้นว่า ท่านผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย วันนี้เราท่านทั้งหลายอย่าไปจาริกหาภัตตาหารในที่อื่นเลย ขอนิมนต์ทั้งหมดจงไปช่วยกันทำการสงเคราะห์อดีตมารดาของพวกเรากันเถิด
พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นฟังคำของพระปัจเจกพุทธเจ้า ๘ องค์นั้นแล้วจึงพร้อมใจกันทุกองค์ เหาะไปปรากฏกายอยู่ใกล้ประตูเรือนของอดีตมารดา
เมื่อนางเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้ามากันถึง ๕๐๐ องค์เช่นนั้น ก็มิได้หวั่นไหว เพราะได้ฟังคำสอนของพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๘ มาเมื่อวานแล้ว
นางจึงเอ่ยปากนิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นทุกองค์ให้เข้าเข้าไปยังเรือนที่สุดแสนจะเล็กและคับแคบ แต่ด้วยบุญฤทธิ์ของพระปัจเจกพุทธเจ้า เรือนของนางและอาสนะ บริขารพลันได้ขยาย กว้างใหญ่ สามารถให้พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๕๐๐ ได้เข้าไปนั่งได้อย่างสะดวกสบาย
เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหมดนั่งเรียบร้อยแล้ว หญิงนั้นจึงนำภัตตาหาร ถวายเครื่องสักการะที่ตนจัดเตรียมเอาไว้สำหรับพระปัจเจกพุทธเจ้าแค่ ๘ องค์ มาถวาย แต่ด้วยบุญฤทธิ์ของพระปัจเจกพุทธเจ้า อาหารนั้นกลับเพิ่มพูนจนเพียงพอแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า ๕๐๐ องค์
ต่อมา นางจึงนำดอกบัวขาบ ๘ กำ มาวางไว้แทบเท้าพระปัจเจกพุทธเจ้าที่ตนนิมนต์มาแต่แรก พร้อมกล่าวตั้งสัจจะอธิษฐานขึ้นว่า พระคุณเจ้าข้า ขอวรรณะแห่งสรีระของข้าพเจ้า จงเป็นเหมือนวรรณะข้างในของดอกบัวขาบเหล่านี้ ในสถานที่ข้าพเจ้าเกิดแล้วเกิดเล่าด้วยเถิดเจ้าคะ
พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย กระทำอนุโมทนาแก่มารดาแล้ว ก็พากันไปยังภูเขาคันธมาทน์
ส่วนนางก็กระทำกุศลเช่นนี้อยู่จนตลอดชีวิต เมื่อถึงกาลกริยาจุติจากมนุษยโลก แล้วก็บังเกิดในเทวโลก ในพุทธุปบาทกาลนี้ ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น
จวบจนเมื่อถึงพุทธกาลขององค์พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดม นางจึงมาเกิดเป็นนางอุบลวรรณาบุตรของเศรษฐี อาศัยอยู่ในนครสาวัตถี และด้วยแรงอธิษฐาน ที่นางตั้งความปรารถนาไว้แต่อดีตชาติ ที่นางได้ตั้งสัจจะอธิษฐานไว้ว่าจะเกิดกี่ภพกี่ชาติ ก็ขอให้ผิวของนางเหมือนดังสีของดอกบัวขาบ ต่อหน้าพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๕๐๐ ด้วยเหตุนั้นนางจึงมีผิวดังดอกบัวขาบมาจนถึงชาติปัจจุบัน
พระชาดกเรื่องนี้สอนอะไรแก่พวกท่านบ้าง เตรียมหาคำตอบเอาไว้ตอบในรายการคลับเฮาส์ที่จะมาถึงนี้
เจริญธรรม
พุทธะอิสระ
——————————————–