ประวัติพระเขมาเถรี (ตอนที่ ๒)
๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๖
ความเดิมตอนที่แล้ว จบลงตรงที่ พระนางเขมาเทวี ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นนางเทพอัปสรที่สุดแสนจะงดงาม อันพระบรมศาสดาทรงเนรมิตให้เป็นอุทาหรณ์สอนใจแก่พระนางว่า
รูปกายที่พระนางภาคภูมิใจนัก ภาคภูมิใจหนาว่าเลิศเลอ สายสดงดงามที่สุดในแผ่นดินนั้น ยังงดงามสู้นางเทพอัปสรผู้นี้มิได้เลย และแม้แต่รูปนี้จักสายสดงดงามเพียงใด ก็มิอาจคงทนถาวรตลอดกาล ตลาดสมัยไปได้ พร้อมทั้งทรงเนรมิตให้รูปโฉมอันงดงามของนางเทพอัปสรคร่ำครา แก่ชรา จนล้มลงสิ้นใจตายในที่สุด
ทำให้พระนางเขมาเทวีได้พิจารณาตามจนจิตบังเกิดธรรมสังเวช เห็นอนิจจัง ทุกขัง และความไม่มีอยู่จริงอย่างชัดเจน จนบรรลุพระอรหันต์ พร้อมปฏิสัมภิทาญาณ
ธรรมดาผู้อยู่ครองเรือน เมื่อบรรลุพระอรหันต์แล้วจำต้องปรินิพพาน หรือไม่ก็บวชเสียใน วันนั้น เพราะเพศฆราวาส ไม่สามารถจะรองรับความเป็นพระอรหันต์ได้ แต่พระนางรู้ว่าอายุ สังขารของตน ยังสามารถดำรงอยู่ได้ จึงเสด็จกลับพระราชนิเวศน์ ให้พระเจ้าพิมพิสารพระสวามี ทรง อนุญาตการบวชก่อน แม้พระราชาก็ทรงทราบโดยสัญญาณ คืออาการที่พระนางแสดงว่า บรรลุ อริยธรรมแล้ว ทรงพอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง จึงทรงตรัสสั่งให้พระนางประทับบนวอทอง แล้วนำไปอุปสมบทใน สำนักของภิกษุณีสงฆ์
เมื่อพระนางบวชแล้วได้นามว่า “พระเขมาเถรี” เพราะอาศัยเหตุที่พระนางมีปัญญามาก บรรลุพระอรหันต์ผลทั้ง ๆ ที่อยู่ในเพศฆราวาส พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องเธอไว้ในตำแหน่ง เอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลายในฝ่าย ผู้มีปัญญา และทรงแต่งตั้งให้เป็น อัครสาวิกาฝ่าย ขวา
พระนางทรงเป็นผู้ชำนาญในฤทธิ์ และเชี่ยวชาญในทิพโสตธาตุและเจโตปริยญาณ รู้แจ้งชัดในปุพเพนิวาสญาณ ชำระทิพจักษุให้บริสุทธิ์ มีอาสวะทั้งปวงหมดสิ้นภพใหม่ไม่มีอีก ญาณอันบริสุทธิ์ของพระนางเขมาภิกษุณีสงฆ์ ทำให้เธอเชี่ยวชาญในอรรถะธรรมะ นิรุติและปฏิภาณ บังเกิดขึ้นแล้วแก่นาง
ทรงเป็นผู้ฉลาดในวิสุทธิทั้งหลาย คล่องแคล่วในกถาวัตถุ รู้จักนัยแห่งอภิธรรม ถึงความชำนาญในศาสนา
วิชชา ความรู้แจ้ง ความรู้วิเศษของพระนาง มีถึง ๘ ประการคือ
๑. วิปัสสนาญาณ ญาณอันนับเข้าในวิปัสสนา
๒. มโนมยิทธิ ฤทธิ์ทางใจ
๓. อิทธิวิธี แสดงฤทธิ์ต่าง ๆ ได้
๔. ทิพพโสต หูทิพย์
๕. เจโตปริยญาณ รู้จักกำหนดใจผู้อื่นได้
๖. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติได้
๗. พิทพจักขุ ตาทิพย์ (จุตูปปาตญาณ)
๘. อาสวักขยญาณ รู้จักทำอาสวะให้สิ้น
ทีนี้เราท่านทั้งหลายมาตามดูบุพกรรมในอดีตชาติของพระนางเขมาภิกษุณีกันดูว่า ท่านมีความเป็นมาอย่างไร
ในสมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตระ พระเขมาเถรีเกิดในสกุลเศรษฐี ในกรุงหังสวดี ได้ฟังธรรมเทศนา เกิดความเลื่อมใส นิมนต์พระพุทธเจ้าให้เสวยพร้อมด้วยพระสาวกสงฆ์ตลอดสัปดาห์หนึ่ง และได้เห็นพระองค์ทรงตั้งภิกษุณีองค์หนึ่ง ซึ่งอุดมกว่าพวกภิกษุณีฝ่ายที่มีปัญญามากในตำแหน่งเอตทัคคะ พระเขมาเถรีมีความยินดีและปรารถนาตำแหน่งนั้น พระพุทธเจ้าปทุมุตระ ได้ทรงตรัสกับท่านว่า ในสมัยพระศาสดาพระนามว่าโคดม ท่านจะได้เป็นภิกษุณีชื่อเขมา และจักถึงตำแหน่งเอตทัคคะ ดังที่ปรารถนา
ด้วยกรรมที่ทำดีแล้วนั้น และด้วยการตั้งเจตน์จำนงไว้ เมื่อท่านละร่างกายมนุษย์แล้ว ได้ไปจุติในสวรรค์ชั้นต่าง ๆ เกิดในภพใด ๆ ก็ได้เป็นพระอัครมเหสีของพระราชาในภพนั้น ๆ และเมื่อเกิดเป็นมนุษย์ ได้เป็นพระอัครมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิ และเป็นมเหสีของพระเจ้าเอกราช เสวยทิพสมบัติและมนุษย์สมบัติ มีสุขคติในทุกชาติภพ
ในกัปที่ ๙๑ สมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ท่านได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ได้ออกบวชเป็นบรรพชิตอยู่หมื่นปี ประพฤติพรหมจรรย์ ประกอบความเพียร เป็นพหูสูต ฉลาดในปัจจัยการ คล่องแคล่วในจตุราริยสัจ มีปัญญาละเอียด แสดงธรรมไพเราะ ปฏิบัติตามสัตถุศาสน์ ธรรมอันปราณีตนั้นอยู่หมื่นปี
ด้วยผลแห่งพรหมจรรย์ เมื่อจุติจากภพนั้นแล้ว เข้าถึงสวรรค์ชั้นดุสิต เป็นผู้มีศีล เสวยสมบัติในภพนั้นและภพอื่น เกิดในภพใดๆ ก็เป็นผู้มีสมบัติมาก มีทรัพย์มาก มีปัญญา รูปงาม มีบริวารที่เป็นกัลยาณมิตร มีธรรม
ในภัทกัปพระพุทธเจ้าพระนามว่าโกนาคมน์ ท่านเกิดในเมืองพาราณสี มีพี่น้อง ๓ คน ได้ร่วมกันถวายสังฆารามแก่พระมุนีหลายพัน และได้สร้างวิหารอุทิศถวายแด่พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสาวกสงฆ์ ท่านและพี่น้องทั้งหมดจุติจากภพนั้นแล้วไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ถึงความเป็นผู้เลิศด้วยยศ กว่าเทพธิดาและกุลธิดาในมนุษย์โลกทั้งปวง
ในภัทกัปพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ ท่านเกิดเป็นพระธิดาองค์ใหญ่ของเจ้าเมืองนครพาราณสี มีพี่น้องรวม ๗ คน ได้ฟังธรรม ขอบรรพชา แต่พระชนกนาถไม่ทรงอนุญาต พระราชธิดา ๗ องค์ ประพฤติพรหมจรรย์ตั้งแต่เป็นกุมารี ดำรงอยู่ในสุขสมบัติสองหมื่นปี พอใจยินดีในการบำรุงพระพุทธเจ้า บางครั้ง ทรงได้ฟังมหานิพานสูตร พระราชธิดาทั้ง ๗ นั้น ได้มาเกิดเป็นพระเขมาเถรี พระอุบลวรรณาเถรี พระปฏาจาราเถรี พระกุณฑลเกสีเถรี พระกีสาโคตรมีเถรี พระธรรมทินนาเถรี และนางวิสาขาอุบาสิกา
ด้วยเพราะกรรมที่ได้ทำไว้ดีแล้วนั้น และการตั้งสัจจะอธิษฐานไว้ เมื่อละร่างกายมนุษย์แล้ว ได้ไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จวบจนถึงกาลสมัยของพระสมณโคตมพุทธเจ้า
พระนางได้มาเกิดเป็นพระธิดาของพระเจ้ามัททราช และเป็นพระมเหสีพระเจ้าพิมพิสารจนได้บรรลุพระอรหันต์ทั้งที่ยังเป็นฆราวาสวิสัย ด้วยการได้เห็นความไม่เที่ยง ไม่มีอยู่จริง ในรูปกายตนและกายผู้อื่น ดังที่บรรยายมา
ไม่มีอะไรจะอธิบายเพราะเนื้อหาสมบูรณ์ เรียบง่าย เข้าใจไม่ยาก หากลงมือทำ
เจริญธรรม
พุทธะอิสระ
——————————————–