สามเณรสุมนะ (ตอนที่ 1)

0
47

สามเณรสุมนะ (ตอนที่ ๑)
๓ ตุลาคม ๒๕๖๖

วันหนึ่งท่านพระอนุรุทธเถระได้เข้าสมาธิเล็งดูโลกธาตุพันหนึ่งได้ด้วยทิพยจักษุ ระลึกได้ซึ่งบุพเพนิวาสานุสติ เมื่อครั้งในอดีตชาติกาลก่อน เราเป็นผู้มีชื่อว่า อันนภาระ เป็นผู้ยากจน เป็นคนขนหญ้า ได้ไปอาศัย สุมนะเศรษฐี ผู้มียศ ผู้ยิ่งใหญ่ในกรุงพาราณสี

สุมนะเศรษฐีจึงได้มอบเงินให้เรา เลี้ยงชีวิต ครั้งหนึ่งเราได้อาหารถวายบิณฑบาตแก่ พระอุปริฏฐะปัจเจกพุทธเจ้า สุมนะเศรษฐีได้ขออนุโมทนาบุญกับเรา

ท่านเลยคิดถึงเพื่อนเก่า สุมนะเศรษฐี เพื่อนรักที่ตายจากกันไปบัดนี้ไปเกิดที่ไหน ก็เล็งเห็นด้วยทิพยจักษุพบว่าสุมนะเศรษฐีเพื่อนเก่า บัดนี้ตามมาเกิดทันกันแล้วแต่อายุยังน้อยอยู่

ได้มาเกิดในตระกูลของโยมอุปัฏฐากของเราที่ชื่อว่า มหามุณฑะ ในมุณฑนิคม อาศัยปลูกเรือนอยู่ที่เชิงเขาที่มีไฟไหม้ทุกปี อุบาสกที่เป็นโยมอุปัฎฐากมีลูกอยู่ ๒ คน ตนโตชื่อ มหาสุมนะ คนที่ ๒ ซึ่งเป็นเพื่อนเราได้มาเกิดเป็นน้องคนเล็กนามว่า จูฬสุมนะ

ท่านพระอนุรุทธเถระ จึงคิดว่า “เมื่อเราไปในที่นั้น, อุปการะจะมีหรือไม่มีหนอ?” ท่านใคร่ครวญอยู่จึงได้เห็นว่า “เมื่อเราไปในบ้านโยมอุปัฏฐากที่นั้น จูฬสุมนะ ผู้มีอายุ ๗ ขวบจักออกบวชติดตามเรา และจักบรรลุพระอรหันต์ในเวลาปลงผมเสร็จนั่นเอง:”

เมื่อใกล้เข้าพรรษา ท่านเลยเดินทางไปหาโยมอุปัฏฐากคนนั้น มหามุณฑะอุบาสก ก็ดีใจที่เห็นพระคุณเจ้าอนุรุทธเถระ ผู้คุ้นเคยกันมาหา ก็เลยสั่งให้ลูกชายคนโตว่า เจ้าจงไปรับบาตรของพระคุณเจ้ามา พ่อจะเตรียมอาสนะไว้ให้ท่านฉัน

พอท่านพระอนุรุทธเถระมา อุบาสกก็วิงวอน ขอร้องให้พระเถระจำพรรษาอยู่อาศัยในคูหาใกล้ๆ บ้าน พระเถระรับคำด้วยเห็นว่า ท่านจักมีโอกาสอบรมสั่งสอน ชี้นำกรรมฐานให้แก่โยมอุปัฏฐาก และจูฬสุมนะเพื่อนเก่า

พอวันออกพรรษา ถึงวันปวารณาอุบาสกก็นำไตรจีวร อาหาร วัตถุ น้ำอ้อย น้ำมัน ข้าวสาร มาวางไว้ใกล้เท้าพระเถระ แล้วกล่าวว่าขอพระผู้เป็นเจ้าจงอนุเคราะห์แก่ข้าพเจ้าและครอบครัวด้วยการรับ วัสสาวาสิกทานนี้ด้วยเถิด เพื่อประโยชน์ เพื่อความผาสุกแก่พวกข้าพเจ้าสิ้นกาลนาน

พระเถระเมื่อเห็นดังนั้นแล้วจึงกล่าวว่า

“อย่าเลยอุบาสก ความต้องการด้วยวัตถุนี้ของฉัน ไม่มีแล้วประโยชน์อันใดเล่าที่เราจักรับของที่ไม่ต้องการ”

อุบาสกจึงกล่าวว่า

“ท่านผู้เจริญ นี่ชื่อว่าวัสสาวาสิกลาภ (คือลาภอันเกิดแก่ผู้อยู่จำพรรษา) ขอพระผู้เป็นเจ้าจงรับวัตถุนั้นไว้เถิด”

พระเถระ. อย่าเลย อุบาสก.

อุบาสกนั้นจึงคะยั้นคะยอ อ้อนวอนว่า

“ท่านไม่ยอมรับวัสสาวาสิกลาภเหล่านี้ เพราะเหตุใดเล่า? ขอรับ”

พระเถระ. ดูก่อนอุบาสก เราจักรับทานของท่านมาทำอะไร แม้สามเณรผู้เป็นกับปิยการก (อยู่กับเรา) ในสำนักก็ไม่มี.

อุบาสกเมื่อได้ฟังเช่นนั้นจึงกล่าวขึ้นด้วยความเลื่อมใสว่า

“ท่านผู้เจริญ ถ้าอย่างนั้น มหาสุมนะผู้เป็นบุตรชายคนโตของกระผมจักออกบวชเป็นสามเณรอยู่ในสำนักของพระคุณเจ้า จักได้คอยรับใช้ตามแต่พระคุณเจ้าจักใช้สอย”

พระเถระ. ดูกรอุบาสก ความต้องการสามเณรเอาไว้รับใช้ของฉัน ก็ไม่มี.

อุบาสกพอได้ฟังดังนั้นจึงได้กล่าวว่า. ท่านผู้เจริญ ถ้าอย่างนั้น ข้าพเจ้าจะยกบุตรชายคนเล็ก จูฬสุมนะ ถวายให้บวชในสำนักของท่าน.

พระเถระพอได้ฟังเช่นนั้นจึงพิจารณาเห็นว่า จูฬสุมนะกุมารนี้มีอุปนิสัยเป็นอรหันต์ เมื่อได้ออกบวชเช่นนั้น เราจักสงเคราะห์ เอื้อประโยชน์แก่จูฬสุมนะนี้

พระเถระจึงกล่าวว่า. “ดีละ” แล้วให้จูฬสุมนะบวช.

ท่านก็ได้จัดการเอาน้ำมาลูบผมและสอนสามเณร จูฬสุมนะ (แปลว่า สุมนะคนเล็ก) เป็นเด็กที่มีบุญได้สั่งสมบุญเก่ามาดีข้ามภพข้ามชาติ เพราะฉะนั้นเวลาบวชเพียงใบมีดโกนจรดปลายเส้นผม สามารถพิจารณาเห็นแจ้งถึงความไม่เที่ยงของสังขาร แล้วบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน พอปลงผมเสร็จก็บรรลุอรหันตผลทันที

พระเถระอยู่ในที่นั้นกับจูฬสุมนสามเณรนั้นประมาณกึ่งเดือนแล้ว ลาพวกญาติโยมอุปัฏฐาก โดยกล่าวว่า “พวกฉันจักเดินทางไปเฝ้าพระศาสดา” ดังนี้แล้วจึงพาเณรจูฬสุมนะ เหาะไปทางอากาศ ลงที่กระท่อมอันตั้งอยู่ในป่า ในหิมวันตประเทศ.

กาลต่อมาวันหนึ่ง ขณะที่ท่านพระอนุรุทธเถระกำลังเดินจงกรม โรคลมเสียดแทงท้องก็เกิดขึ้นกับท่าน

ครั้งนั้น สามเณรจูฬสุมนะ เห็นท่านลำบาก จึงเรียนถามว่า “ท่านขอรับ โรคอะไร? มาทำร้ายเสียดแทงท่าน.”

พระเถระจึงตอบว่า. ลมเสียดท้องเกิดแก่ฉันแล้ว.

สามเณร. แม้ในกาลอื่น ลมเสียดท้องเคยเกิดขึ้นหรือ ขอรับ.

พระเถระ. เคย เคยเกิดลมเสียดแทงเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง

สามเณร. ความสบายจักเกิดขึ้นได้ด้วยเพราะเหตุไรเล่า? ขอรับ.

พระเถระจึงกล่าวว่า. เมื่อฉันได้น้ำดื่มจากสระอโนดาต, ความสบายย่อมมีสามเณร.

สามเณรจึงกล่าวว่า. ท่านขอรับ ถ้ากระนั้น กระผมจะไปนำน้ำนั้นมาถวาย.

พระเถระ. เธอจักอาจนำน้ำนั้นมาได้หรือ? สามเณร.

สามเณร. อาจอยู่ ขอรับ.

พระเถระ. ถ้ากระนั้น นาคราชชื่อปันนกะ ในสระอโนดาตเป็นผู้คุ้นเคยกับฉัน. เธอจงบอกแก่นาคราชตนนั้น แล้วนำคันโทน้ำดื่มไปนำน้ำนั้นมาเพื่อประโยชน์แก่การประกอบยาเถิด.

สามเณรจูฬสุมนะ เธอจึงรับว่า “ดีละ” พร้อมทั้งไหว้พระอนุรุทธเถระผู้เป็นอุปัชฌายะ แล้วจึงเหาะขึ้นสู่เวหาสได้ไปสิ้นระยะทาง ๕๐๐ โยชน์ จึงมาถึงสระอโนดาต ณ ป่าหิมวันต์ประเทศ.

วันนั้น พญานาคราช นามว่า ปันนกะนาคราช กำลังเล่นน้ำกับเหล่านาคบริวารอยู่ พอได้เห็นสุมนะสามเณรยืนอยู่ในอากาศเหนือศีรษะของตนก็โกรธมาก แล้วคิดว่า

“สมณะน้อยผู้นี้เหาะมาทางอากาศ ทำให้ฝุ่นที่เท้าตกลงมาบนศีรษะของเรา ท่านคงจะมาที่นี่เพราะต้องการน้ำในสระอโนดาตนี้เป็นแน่ แต่เราจะไม่ยอมให้น้ำอย่างเด็ดขาด”

คิดดังนั้นแล้วพญานาคราชก็ขยายตัวแผ่พังพานนอนปิดบังสระอโนดาตซึ่งกว้างใหญ่ถึง ๕๐ โยชน์ เสียจนมิดดุจบุคคลปิดหม้อข้าวด้วยถาดใหญ่ฉะนั้น.

จบเอาไว้แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ ปวดตาไว้ต่อวันหน้า

สนุกหละซิ โปรดติดตามตอนต่อไป

พุทธะอิสระ

——————————————–

ลิ้งค์จาก : https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/pfbid02N5wrvgGCNdinLfDQK4qzEX9vkCUCCfHNUgG6QptM3Dkk8yAJepLyNGRiBCEoB7dNl