บทความ
พฤติกรรม ดั่งกับพวกตะกละไม่สนใจว่าพุทธบริษัทจะยอมรับหรือไม่
๖ มกราคม ๒๕๕๙
พฤติกรรมของมหาเถร และสำนักพุทธฯ พร้อมคณะเลขานุการผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
รีบร้อนที่จะเสนอชื่อ ลูกพี่สมเด็จช่วง ช่วงๆให้รัฐบาลนำขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๒๐
แถมนาย พนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักพุทธฯ ดันออกมายืนยันว่าจะต้องเสนอชื่อตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม ๓๕ อันบัญญัติไว้ว่า จะต้องเป็นสมเด็จราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดทางสมณศักดิ์เท่านั้น
สรุปว่าใครจะชอบใครจะชังก็เชิญ กูจะต้องเป็นพระสังฆราชาให้ได้ เพราะกูมีสิทธิตามกฎหมาย
งานนี้หากรัฐบาลคิดปฏิเสธ ก็อาจถูกนำมาขยายผลเป็นเกมทางการเมืองเพื่อรุมกระหน่ำซ้ำเติมรัฐบาล
แต่ยังไงกฎหมายก็ยังเปิดช่องให้เลือกว่า พ.ร.บ.คณะสงฆ์มาตรา ๗ ท้ายๆ มาตราบัญญัติไว้ว่า
ในกรณีที่สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุด โดยสมณศักดิ์ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม เสนอสมเด็จพระราชาคณะรูปอื่น ผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ตามลำดับและสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ขึ้นทูลเกล้าเพื่อสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช
ด้วยบทบัญญัติของกฎหมายนี้ ท่านนายกก็อาจจะใช้อำนาจตามมาตรา ๔๔ นำรายชื่อพระมหาเถระผู้มีความ สะอาด ฉลาด สว่าง สงบ นำขึ้นทูลเกล้าถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้ง
เพราะท่านนายกมีอำนาจพิเศษอยู่ในสถานะรัฏฐาธิปัตย์ คือผู้ปกครองทั้งอาณาจักรและศาสนจักรอยู่แล้ว
เช่นนี้ ก็น่าจะผ่าทางตันดับวิกฤตศรัทธาที่จะเกิดขึ้นในพระพุทธศาสนาได้ในอนาคต
แต่ถ้าหากจับพลัดจับผลู สมเด็จช่วง ช่วงๆ ได้เป็นสมเด็จพระสังฆราชจริงๆ
พุทธะอิสระขอประกาศเอาไว้ตรงนี้เลยว่า หากสมเด็จช่วง อุปัชฌาย์อลัชชีธัมมชโย มาเป็นพระสังฆราช ก็อย่ามาบังคับใช้กฏหมายคณะสงฆ์แก่พุทธะอิสระ อย่ามาแสดงอำนาจบังคับบัญชาหรือปกครองพุทธะอิสระ เว้นเสียแต่จะนำกฏหมายและอำนาจนั้นไปบังคับใช้กับอลัชชีธัมมชโย และพวกเดียรถีย์ทั้งหลายให้ได้ก่อน ไม่เช่นนั้นก็อย่าหวังเลยว่าจะมาปกครองพุทธะอิสระ เดี๋ยวจะถูกข้อหาเลือกปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ
อันที่จริง ก็เป็นข้อหาที่สำนักพุทธฯ และกรรมการมหาเถร ก็ต้องโดนอยู่แล้วในอนาคต หากไม่จัดการกับอลัชชีธัมมชโย
พุทธะอิสระ