ถามมา ตอบไป
๓๑ มกราคม ๒๕๖๕
ทำไมท่านไม่เขียนวิจารณ์ประเด็นทิดไพรวัลย์ ออกมาแขวนเอฟซีที่เข้าไปโพสต์ตำหนิพฤติกรรมของทิดไพรวัลย์ที่เปลี่ยนไป
ก่อนที่จะสึกร้องห่มร้องไห้ บอกว่า จะออกไปดูแลแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็ง ทั้งยังประกาศเรี่ยไร แต่พอสึกออกมาเห็นโพสต์รูปคู่กับเพื่อนใจชายเกาหลีทุกวี่ทุกวัน ท่านไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือ
ตอบ :
จะให้ฉันไปรู้สึกอะไร
มันไม่ใช้เรื่องของฉัน
คุณจะมุ่งหวังอะไรกับคนที่กำลังลุ่มหลงในกาม
คนบวชมาตั้งแต่เล็กไม่เคยเห็น ไม่เคยสัมผัส ความอลังการของรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส และรสชาติแห่งความสุข
พอสึกออกมาเจอะเจอความอลังการของมายาการ ของกิเลสตัณหา ก็เกิดอุปาทานยึดถือ ตัวกู ของกูยิ่งใหญ่ ใครจะมาแตะไม่ได้ มันก็มาจากมูลเหตุดังกล่าวมานี้แหละ
หากจะโทษ ก็ต้องโทษที่ไม่เคยนำเอาสิ่งที่เรียนรู้มาปฏิบัติ จนเป็นที่พึงของตนได้
จึงกลายเป็นความลุ่มหลงจน หู ตา ปัญญาพร่ามัว ดังพระพุทธธรรมคำ เตือนขององค์พระบรมศาสดาทรงตรัสว่า
เอถ ปสฺสถิมํ โลกํ จิตฺตํ ราชรถูปมํ
ยตฺถ พาลา วิสีทนฺติ นตฺถิ สงฺโค วิชานตํ
ท่านทั้งหลาย จงมาดูโลกนี้อันตระการดุจราชรถ
ที่พวกคนเขลาหมกอยู่ แต่ผู้รู้หาข้องอยู่ไม่
แม้ทิดไพรวัลย์จะบวชเรียนมาจนได้เปรียญธรรม ๙
ได้ปริญญาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทจาก คณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ขณะนี้ก็กำลังเรียนปริญญาเอกสาขาวิชาสันติศึกษามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยอยู่ด้วยกระมั่ง
แต่ก็เรียนเพื่อสอบไม่ได้เรียนเพื่อปฏิบัติพระสัทธรรมความรู้ที่ร่ำเรียนมา จึงไม่สามารถนำมาใช้กับชีวิตประจำวันเมื่อเกิดปัญหา
ที่คุณเข้าใจผิดคิดไปว่า มหาไพรวัลย์เปลี่ยนไป แท้จริงแล้วมหาไพรวัลย์ ไม่ได้เปลี่ยนไปดอก
สิ่งที่คุณเห็นนี่แหละ คือ ตัวตนแท้จริงของเขาที่มีมาแต่เดิม เหมือนดังที่เขาพูดเขาบอก
ที่ผ่านมาคุณเห็นเขาเลยคิดเอาว่า การเคยเป็นนักบวช เป็นเปรียญ ๙ จะต้องดีเลิศ เป็นที่พึ่งทางสติปัญญา ให้แก่ผู้อื่นได้แท้จริงแล้วปุถุชน ยังไงก็ยังเป็นปุถุชน
ไม่ว่าจะห่มผ้าเหลือง หรือนุ่งผ้าลาย หากไปยุ่งกับโลกธรรมทั้ง ๘ เข้า ผลลัพธ์ก็จะต้องเป็นเช่นนี้ทุกคน
อีกทั้งวันนี้ไม่มีเครื่องทรงผ้าเหลืองห่มกายแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งแกล้งแสดงให้ดูดี
สังคมถึงได้เห็นความแตกต่างที่เคยคาดหวังเอาไว้ ในตัวมหาไพรวัลย์ อย่างชนิดหน้ามือเป็นหลังคาบ้านอย่างที่เห็น
อย่าคิดมาก คนผู้อาศัยโลกธรรมอยู่ มันก็เป็นอย่างนี้แหละ
อย่าหวังอะไรกับปุถุชนมากนักเลยคุณ
เดียวจะผิดหวังแล้วมันจะเป็นทุกข์
พุทธะอิสระ
——————————————–
Question and Answer
January 31, 2022
How come you have never criticized Thitpraiwan or the former Phra Maha Praiwan Worawan’s changing behaviors? Before leaving monkhood, he cried and
said that he would leave the monkhood to take care of his mother. His mother has got cancer. He also asked for donations. After leaving monkhood, people have
seen his pictures with a Korean boyfriend every day. Don’t you feel anything?
Answer :
What should I feel?
It is none of my business.
What do you expect from a person who is obsessed with sensual pleasures?
He was ordained when he was little. He had never touched the marvel of sight, taste, smell, sound, touch, and taste of happiness.
After leaving monkhood, he encountered the marvel of illusion, defilements, and desires. Attachments and egoism occurred. Then, he feels that nobody may violate his enormous self.
We should blame his inability to rely on his knowledge.
That’s why he is overwhelmed by infatuation, and his ears and his eyes become blind. Like the Lord Buddha once uttered a warning.
All of you, please look at this world, so glorious like a royal chariot That the fool is obsessed with; but neither do the wise.
Although Thitpraiwan graduated with the highest level of Buddhist Dharma (the ninth level) and obtained the Master's degrees in Buddhist Studies from the
Mahachulalongkornrajavidyalaya University and in Laws from the Ramkamhaeng University, and he is also studying the Ph.D. in Peace Studies of the
Mahachulalongkornrajavidyalaya University, he only studies for examinations, not for practice. Therefore, he cannot apply them to his daily life, when encountering any problem.
You have misunderstood that Maha Praiwan has changed. He has not changed.
What you are seeing is his true self, like he said.
You think that being a priest who graduated with the highest level of Buddhist Dharma, must be excellent and dependable for other people. However, a layman
is still a layman.
Wearing a monk wardrobe or colored clothing, if a person is still involved with the eight worldly conditions, he would always end up like this.
Moreover, today he no longer wears a monk robe. So, he doesn’t have to pretend and maintain a good image.
Consequently, society has seen completely different aspects in Mahapraiwan from what they expect.
Don’t think too much. People who rely on worldly conditions are just like this.
Don’t expect too much from a layperson.
Otherwise, you will be disappointed and unhappy.
Buddha Isara