มาจากคัมภีร์เก่าแก่ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เรียกว่า อาถรรพเวท เป็นหนึ่งใน ๔ คัมภีร์สำคัญของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู คือ
ฤคเวท ส่วนใหญ่จะเป็นบทสวดสรรเสริญ อ้อนวอนผู้เป็นเจ้า
ยชุรเวท เป็นบทร้อยกรองบทร้อยแก้ว สำหรับบวงสรวงในการขับเป็นยันตระพิธี
สามเวท เป็นบทสวดขับกล่อมเทพเจ้าและถวายน้ำสรงเทพ
อาถรรพเวท เป็นมนต์คาถา อาคม เสกของขลัง ขับไล่เสนียดจัญไร ขับไล่อัปมงคลต่างๆ พร้อมทั้งการสาปแช่งให้เกิดวิบัติฉิบหายแก่อริราชศัตรู
เช่นนี้ไสยเวท ไสยศาสตร์ มนต์ดำ คาถาอาคม ของขลัง คาถาสะกด สาปแช่ง ปล่อยคุณไสย ทำให้เกิดเสนียดจัญไรแก่ศัตรู และคำทำนายทายทัก ล้วนแต่เกิดมาจากคัมภีร์อาถรรพเวททั้งนั้น
นอกจากสิ่งที่กล่าวมานี้แล้ว ความรู้ในคัมภีร์อาถรรพเวท ยังได้แทรกซึมเข้าไปในหมู่ของสังคมพุทธศาสนา นิกายมหายาน ตันตระ ปอนปะ และอื่นๆ ที่แพร่หลายอยู่ในทิเบต จีน เวียดนาม ไต้หวัน ญี่ปุ่น มอญ ขอม มลายู และอีกหลายประเทศในยุโรป
นอกจากอาถรรพเวทจะเป็นต้นกำเนิดของ ไสยเวท ไสยศาสตร์ มนต์ดำ คาถาอาคม เครื่องรางของขลังแล้ว
ยังมีความเชื่อที่อยู่นอกเหนือคัมภีร์อาถรรพเวทอยู่อีกหลากหลาย เช่นลัทธิบูชาภูติ เช่น วูดู ของชาวแอฟริกัน และพวกชนพื้นเมือง ชนเผ่าอินเดียนแดงของทวีปอเมริกา โดยมีหลักปฏิบัติคือ การเลี้ยงผี เอาไว้ใช้งานตามแต่ตนเองจะใช้
ลัทธินี้แม้แต่ในพม่า มอญ ลาว เขมร และไทย ก็ยังได้รับการถ่ายทอดต่อๆ กันมาจนถึงยุคปัจจุบัน เช่น กรณีผีปอบ ผีกระหัง ผีโป่ง ผีป่า ปู่เจ้า เสือสมิง เป็นต้น
เหล่านี้คือ ลัทธิบูชาภูติ (เลี้ยงผี) ซึ่งอยู่นอกคัมภีร์ อาถรรพเวททั้งนั้น แต่ก็ยังอยู่ในหมวดของ ไสยเวท ไสยศาสตร์ มนต์ดำ คาถาอาคม ของขลัง ทำนายทายทัก สาปแช่ง ทั้งนั้น
และผู้ที่รอบรู้เชี่ยวชาญ ชำนาญ ต่อการทำยันตระพิธีดังกล่าว จะมีคำเรียกขานว่า พ่อหมอ แม่หมอ เช่น หมอดู หมอมนต์ หมอผี เป็นต้น
แต่ไม่ว่าคัมภีร์อาถรรพเวท จะเก่าแก่ ศักดิ์สิทธิ์วิเศษ แค่ไหน หากผู้นำเอาไปใช้ ไม่มีจิตตานุภาพ ก็ไม่ต่างอะไรกับการตบมือข้างเดียวในอาการ หาได้เกิดประโยชน์โพดผลใดๆ ตามที่ผู้กระทำต้องการไม่
พุทธะอิสระ
๑๕ มีนาคม ๒๕๖๔
————————————————–
Where did occultism, black magic, incantation, amulets, fortune telling, and cursing come from? (Part 1)
March 15, 2021
They originated from the ancient scripture of Bramanism and Hinduism, called the Atharvaveda. It is one of four major Vedic scriptures of Bramanism and Hinduism as follows.
The Rigveda contains hymns that worship and praise deities.
The Yajurveda consists of prose mantras that were said by a priest while performing ritual actions.
The Samaveda is the Veda of melodies and chants.
The Atharvaveda is a Vedic-era collection of spells, prayers, charms, and hymns, for driving away misfortune and curse enemies.
As such, occultism, black magic, incantation, amulets, cursing which causes disaster to enemies, and fortune telling all came from the Atharvaveda.
In addition, knowledge of the Atharvaveda permeated into Mahayana Buddhism, Tantric Buddhism, Bonism, and other doctrines which are widespread in Tibet, China, Vietnam, Taiwan, Japan, Mon, Khmer, Malay, and several European countries.
The Atharvaveda is the origin of occultism, black magic, incantation, and amulets.
There were various beliefs outside the Atharvaveda such as the Vodun of African and Native American Indian that kept and used spirits.
People in Myanmar, Mon, Laos, Khmer, Thai have been inherited this doctrine till today such as ogre, evil spirit, sylvan spirit, forest spirit, satyr, tiger-man, and so on.
These are doctrine of raising spirits which is outside the Atharvaveda. However, they are all as part of occultism, black magic, incantation, amulets, fortune telling, and cursing.
Those who are well-versed, proficient, and skillful in performing ritual actions are for example fortune tellers, warlocks, and shamans.
No matter how ancient and sacred the Atharvaveda is. If the person who uses it has no willpower, it is like doing things one-sided which will not yield any desired effects.
Buddha Isara