เรามาลองตามดูแผนล้มมหาเถร ของกลุ่มปฏิสังขรณ์ใหม่กันดูหน่อย

0
10
ข้อเรียกร้องของกลุ่มคณะปฏิสังขรณ์ใหม่
ข้อที่ ๕ คืนสิทธิพลเมืองให้แก่พระสงฆ์ เปิดกว้างในการตีความคำสอนทางพุทธศาสนา
วิจารณ์ ทุกวันนี้รัฐธรรมนูญก็ให้สิทธิแก่ลูกไทย คนไทยทุกคนอยู่แล้ว แต่ที่ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ไม่สามารถทำอะไรหลายๆ อย่างที่ประชาชนทั่วไปเขาทำกัน ก็เพราะหลักปฏิบัติตามพระธรรมวินัยที่พระบรมศาสดาทรงบัญญัติ ซึ่งก็มีทั้งข้อห้าม และข้ออนุญาต
โดยข้อเท็จจริง ผู้ที่สมัครใจเข้ามาบวชอยู่ในพระธรรมวินัยนี้ จักต้องรับรู้ถึงหลักปฏิบัติเหล่านี้ และต้องปฏิบัติตามด้วยความเต็มใจ ไม่มีใครไปบังคับให้ใครเข้ามาบวช
เมื่อสมัครใจเข้ามาบวชเอง แล้วจะมาเรียกร้องให้เปลี่ยนนั่น ปรับนี่ อย่างนั้น บวชมีแผนหรือเปล่า
เมืองมีกฎเมือง บ้านมีกฎหมาย พระพุทธศาสนา และทุกศาสนาต่างก็มีกฎ บนโลกใบนี้ ไม่มีใครที่จะอยู่เหนือกฎ
หากต้องการอยู่เหนือกฎเกณฑ์ โดยอ้างคำว่า สิทธิพลเมือง เช่นนั้น ก็สึกออกไปบัญญัติศาสนาอยู่ใหม่ แล้วก็ชักพาเอาพวกที่ต้องการสิทธิเท่าเทียมกับประชาชน ตามกันไปด้วยนะ จะได้ไม่มาสร้างความแตกแยกในศาสนจักรที่เขายึดถือพระธรรมวินัยเป็นหลักปฏิบัติ
ส่วนใคร ไอ้ อี นักบวชคนไหนมันผู้ใดยึดถือหลักประชาธิปไตยเป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง ก็ควรจะถามตัวเองว่าเป็นสาวก ของพระศาสดาองค์ใด
วิจารณ์ในมุมกระสัน ตัณหากลับ
วันนี้พวกนักบวชสามนิ้ว และนักบวชอีแอบ ที่อยู่เบื้องหลังเรียกร้องต้องการสิทธิเท่าเทียมกับประชาชนทั่วไป
ต่อไปก็คงจะเรียกร้องมีเมียได้ มีผัวได้ และก็มีลูกได้
และอีกหน่อยก็คงจะเลือกตั้งได้ ตั้งพรรคการเมืองได้ ลงสมัครเป็น ส.ส. ส.ว. และเล่นการเมืองท้องถิ่นได้
เหล่านี้ คือ ผลที่จะตามมาจากการมีสิทธิตามที่เรียกร้อง
ก็ไม่เข้าใจนะ หากกระสันต้องการสิทธิกันขนาดนี้จะมาบวชอยู่ทำไม
หรือนี่เป็นแค่แผนแทรกซึมที่จะเข้ามาบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาให้อ่อนแอ เพื่อครอบงำ
วิจารณ์ในประเด็นเรียกร้องให้เปิดกว้างในการตีความคำสอนทางพระพุทธศาสนา
นี่มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว
พระธรรมวินัยเกิดจากพระปัญญา อันบริสุทธิ์ ที่ทรงตรัสรู้ธรรมนั้นๆ จึงนำมาอบรมสั่งสอนแก่สรรพสัตว์
มาถึงวันนี้เหล่าสรรพสัตว์ผู้มีสติปัญญาอันต่ำทราม กลับออกมาเรียกร้องว่า ต้องการจะตีความคำสอนทางพระพุทธศาสนา
ข้อเรียกร้องนี้ดูเหมือนจะคล้ายๆ กับลัทธิเพ่งลูกแก้วแถวๆ ปทุมฯ ที่ในอดีตเจ้าลัทธิอลัชชีหนีคดี เคยกล่าวแก่สาวกว่า พระไตรปิฎกบกพร่อง
แม้ที่สุด ก็มีเจ้าสำนักปฏิบัติที่มักอ้างตนเองว่า เป็นคำสอนแท้ๆ ก็กล่าวหาว่า พระไตรปิฎกที่สืบทอดมาจากการทำปฐมสังคายนาที่พระอรหันต์ทั้ง ๕๐๐ รูปหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วบกพร่อง
มาดูข้อเรียกร้องที่ ๖ ของพวกกลุ่มคณะปฏิสังขรณ์ใหม่
ข้อที่ ๖ การปฏิรูป พ.ร.บ.สงฆ์ เป็นบันไดขั้นแรก เมื่อถึงเวลากฎหมายจะถูกยกเลิก และมีการแยกศาสนาออกจากรัฐและการนับถือ
วิจารณ์
พุทธะอิสระ เห็นด้วยในการปฏิรูป พ.ร.บ.คณะสงฆ์
แต่ต้องปฏิรูปให้สอดคล้องต่อหลักพระธรรมวินัย กฎเกณฑ์ กติกา คำสั่ง และกฎหมาย คณะสงฆ์ใด ที่ออกมาแล้ว ทำให้พระธรรมวินัยอ่อนแอ ทำให้พระธรรมวินัยไม่สามารถนำมาใช้กับการปกครองคณะสงฆ์ ตามพุทธประสงค์ที่ทรงตรัสแก่พระอานนท์เอาไว้ว่า
เมื่อเราตถาคตนิพพานแล้ว พระธรรมวินัยจะเป็นศาสดาสอนเธอ
หากระเบียบปฏิบัติใดไม่ว่ามีมาเก่า หรือจะเริ่มมีใหม่ ไปตัดทอน ริดรอน บั่นทอน พระธรรมวินัย
เช่นนั้นถือว่า เป็นอนันตริยกรรม กรรมที่ทำร้ายพระศาสดา ทำลายพระสงฆ์ ทำลายศาสนจักร เช่นนั้นคงต้องสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่ง
วิจารณ์ประเด็นที่ว่า การปฏิรูป พ.ร.บ.สงฆ์ เป็นบันไดขั้นแรก เมื่อถึงเวลากฎหมายจะถูกยกเลิก
แสดงว่าขึ้นต่อไป คือ การใช้หลักสิทธิมนุษย์ชน ประชาธิปไตย ที่องค์กรสิทธิต่างชาติได้ตระเตรียมเอาไว้เสียบแทนแล้วใช่ไหมล่ะ
ดูท่าแล้วนักบวชและคนกลุ่มนี้ เขาเพียรพยายามกันอย่างมาก ที่จะล้มเลิก ล้มล้างสิ่งเก่าๆ ที่บรรพบุรุษได้ยึดถือปกปักษ์รักษามา
แล้วนำสิ่งที่เขาเพ้อฝันเข้ามาเสียบแทน ทั้งที่ก็ยังไม่ได้รู้เลยว่า มันจะให้ผลดีร้ายอย่างไร แต่ก็กล้าที่จะเอาคนทั้งประเทศไปเสี่ยง โดยที่ไม่ถามคนที่เขาอยู่มาก่อนเลยว่า เขายินยอมไหม เขาเห็นด้วยหรือไม่
แล้วมีอะไรเป็นหลักประกันความเสี่ยงนั้น
ไอ้ที่ทุเรศที่สุดคือ พยายามทำให้ศาสนาโดดเดี่ยวด้วยการเรียกร้องให้พระมหากษัตริย์อยู่ห่างจากศาสนจักร แถมข้อสุดท้ายยังจะมาเรียกร้องให้ศาสนาแยกขาดออกจากรัฐและการนับถือ
วิธีคิดทุเรศแบบนี้ มันจะช่วยให้ศาสนามั่นคง เจริญขึ้นตรงไหน
ต่อไปจะมีใครมาอุปถัมภ์ยกย่อง
หรือจะให้ศาสดา เจ้าลัทธิ ๓ นิ้ว มาเป็นผู้อุปถัมภ์แทน
วิธีคิดแบบนี้มันบ่อนทำลายกันชัดๆ อย่างนี้จะไม่ให้ พุทธะอิสระ ออกมาสู้ได้อย่างไร
แผ่นดินที่พ่อกูอยู่ ปู่กูตาย จะไม่ยินยอมให้ใครมาย่ำยี
เข้าใจไหมจ๊ะ
พุทธะอิสระ
๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔
***************************************************
เรามาลองตามดูแผนล้มมหาเถรของกลุ่มปฏิสังขรณ์ใหม่กันดูหน่อย (ข้อเรียกร้อง ๑-๒)
หลังจากที่นำเอาข้อเรียกร้องของกลุ่มคณะปฏิสังขรณ์ใหม่มาวิจารณ์ในมุมของฉัน (ข้อเรียกร้อง ๓-๔)
————————————————–
Let’s look at the Religious Restoration Movement’s plan to abolish the Sangha Supreme Council.
May 11, 2021
The fifth request of the Religious Restoration Movement
Return civil rights to monk and open for interpretation of Buddhist teachings
Nowadays, the constitution gives rights to all Thais. The reasons why Buddhist monks cannot do many things like most common people do because of the code of monastic rules, prescribed by the Lord Buddha, which contains both prohibition and permission.
In fact, those who volunteer to be ordained as monks, must be aware of the monastic discipline and must follow with willingness. No one can force someone to be ordained.
When one volunteer himself to be ordained, why he would call for change of this and that rule? Does he join monkhood with a plan?
Country has laws. Home has rules. Buddhism and every religion have rules. No one is above rules.
If a monk wants to be above rules with excuse of civil right. Why don’t he leave monkhood and establish a new religion, and please also take those who also want equal right as common people with him? Then, there won’t be conflict in Buddhism that priests rely on code of monastic rules.
And whoever or which monks rely on democracy as their principle, they should ask themselves whether they are followers of which prophets.
Let me criticize in another aspect of their desire.
If today the three-finger monks and monks with hidden agenda that call for equal rights as common people, in the future they may call for rights to have spouses and children.
In the future, they may run for election, establish political parties, run for member of parliament, senates, or run for local political positions.
These are outcomes of rights they have called for.
I don’t understand. If they have so much desire like this, why they were ordained as monks?
Or is this just a plan to undermine and weaken Buddhism to dominate.
Look at the request to open Buddhist teachings for broader interpretation, this has gone too crazy.
Code of monastic rules originated from pure wisdom of Lord Buddha who has taught all living creatures.
But today these foolish living creatures call for interpretation of Buddhist teachings.
This request sounds familiar like that of the doctrine which stares at the crystal in Phathumthani area of which its cult leader fled legal lawsuits used to tell his followers that Buddhist Scriptures were defective.
There is leader of religious practice center who often claims that his teachings are authentic and claims that Buddhist Scriptures revised by 500 Arhants after Lord Buddha’s nirvana are defective.
Let’s look at the sixth request of the Religious Restoration Movement
Reform of the Sangha Act will be the first step. When time is right, the law will be abolished. Then, religion will be separated from state. Whether Thai citizen will affirm faith in a religion or not is individual freedom with which the government cannot interfere.
Criticism: Buddha Isara agree with reform of the Sangha Act, but the reform must conform to the code of monastic rules. There are enforced rules, commands, and laws that weakens the code of monastic rules, which made code of monastic rules inapplicable to monastic order governing.
Like the Lord Buddha’s saying to Phra Arnon, Lord Buddha’s closest disciple that, “After my nirvana, code of monastic rules will be your prophet.”
If any rules, whether old or new, undermines the code of monastic rules.
As such, it is regarded as sin with five heaviest punishment, because it harms Lord Buddha, monks, and monastic community. So, I will fight till the death.
Their request that reform of the Sangha Act will be the first step. When time is right, the law will be abolished.
It means that they will use principles of human rights and democracy that international human rights have prepared to use here, right?
It looks like this group of monks and people try so hard to abolish old traditions that our ancestors have protected.
And replace by what they have dreamt of even though they still do not know whether it will bring any good or bad results. However, they dare to have people in the country to risk without asking other people’s willingness.
And what would they guarantee the outcomes?
The most shameful is their effort to distance the king from religions and separate religions from state and worship of people.
How such a shameful thought would bring more stability to religions?
In the future, who will patronage and worship?
Or will it be patronaged by leaders of the three-finger salute doctrine?
This concept is obviously a means to undermine religions. That’s why Buddha Isara has to fight.
This is the country where my father lived in and my grandfather died. I will not let anybody destroy.
Do you understand?
Buddha Isara
***************************************************
Let’s look at the Religious Restoration Movement’s plan to abolish the Sangha Supreme Council. (Requests 1-2)
After Criticizing Requests of the “Religious Restoration Movement” from My Perspectives (Requests 3-4)