วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนแปดของปีนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
เป็นวันอาสาฬหบูชาเวียนมาบรรจบครบอีกวาระหนึ่ง
เป็นวันที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ทรงแสดงปฐมเทศนา ธรรมจักรกัปวัตนสูตร แด่พระปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ คือ
โกณทัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ อัสสชิ
จนเป็นเหตุให้พระอัญญาโกณทัญญะบังเกิดดวงตาเห็นธรรม
ถือเป็นวันที่บังเกิดพระสังฆรัตนะองค์แรกของโลก
เป็นวันที่พระรัตนตรัยครบ ๓ องค์ คือ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ
ใจความสำคัญของปฐมเทศนาธรรมจักรกัปวัตนสูตร ที่องค์พระบรมศาสดาทรงแสดงคือ
ทรงห้ามข้อปฏิบัติที่ไม่ยังให้เกิดประโยชน์ ๒ อย่าง
– การทำตนให้หมกมุ่นมักมากในกามคุณ (เรียกว่ากามสุขขัลลิกานุโยค)
– การทรมานตนให้ลำบาก เช่น การอดอาหาร การประพฤติตบะที่เป็นการทำร้ายตนเอง ทำร้ายคนอื่น)
ข้อปฏิบัติทั้งสองอย่างนี้ องค์พระบรมศาสดาทรงห้ามเด็ดขาด
แล้วทรงตรัสสอนสิ่งที่ควรปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น ๘ อย่าง เรียกว่ามัชฌิมาปฏิปทา ทางสายกลางที่ไม่ตึงไป ไม่หย่อนไป อันได้แก่
๑. ความเห็นชอบ เห็นว่าสัตว์โลกเป็นไปตามกกรม เห็นว่าสรรพสิ่งในโลกล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และต้องดับไป ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเห็นในอริยสัจทั้ง ๔ (เหล่านี้เรียกว่าผู้มีสัมมาทิฏฐิ)
๒. ดำริชอบ คือการดำริออกจากกาม ดำริที่จะไม่พยาบาท ดำริที่จะไม่เบียดเบียน (เรียกว่าสัมมาสังกัปปะ)
๓. เจรจาชอบ คือการไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่พูดคำหยาบ พูดแต่เรื่องจริง พูดแล้วผู้ฟังเกิดปัญญา (เรียกว่าสัมมาวาจา)
๔. ประพฤติชอบหรือการงานชอบ มีความประพฤติหรือการงานที่ปราศจากโทษ ละกายวาจาทุจริต ประพฤติกายวาจาสุจริต ไม่เบียดเบียนตนและคนอื่น (เรียกว่าสัมมากัมมันตะ)
๕. เลี้ยงชีวิตชอบ หาเลี้ยงชีวิตโดยถูกต้องตามธรรมนองคลองธรรม ไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ทำอาชีพใดที่เป็นเหตุให้ละเมิดศีลธรรม (เช่นนี้เรียกว่าสัมมาอาชีวะ)
๖. เพียรชอบ ได้แก่ เพียรระวังบาปอกุศลที่ยังไม่เกิด มิให้เกิดขึ้น เพียรละอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว เพียรทำกุศลที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้น เพียรรักษากุศลที่เกิดขึ้นแล้ว มิให้เสื่อมไป (เหล่านี้เรียกว่า สัมมาวายามะ)
๗. ระลึกชอบ คือการมีสติระลึกในกาย ในเวทนา ในจิต และในธรรม (เรียกว่าสัมมาสติ)
๘. ตั้งใจชอบ คือการตั้งใจไว้ในองค์ฌานทั้ง ๔ ได้แก่ ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน
เมื่อปฏิบัติตามมรรคาปฏิปทาแล้วจึงเกิดปัญญาเห็นทุกขอริยสัจ ว่าสิ่งที่เผ็ดร้อนทรมานทนได้ยากยิ่ง ซึ่งมีอยู่ใน ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ ล้วนเป็นทุกข์ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องรู้ให้แจ่มชัด
สมุทัยคือต้นเหตุแห่งการเกิดทุกข์ทั้งปวง อันได้แก่ อวิชชา ความไม่รู้ ตัณหา ความทะยานอยาก อุปาทาน ความยึดถือ
นิโรธ คือกระบวนการความดับแห่งทุกข์ทั้งปวง
มรรควิถีนี้เป็นข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ได้จริงดังกล่าวมาแล้ว
รวมความว่า จะมีปัญญาเห็นทุกข์ได้ ก็ต้องอาศัยองค์มรรคทั้ง ๘ ประการ
จะรู้เหตุแห่งการเกิดทุกข์ได้ก็ต้องอาศัยองค์มรรคทั้ง ๘ ประการ
จะละทุกข์ วางทุกข์ได้ ก็ต้องดับทุกข์ได้ ก็ต้องอาศัยองค์มรรคทั้ง ๘ ประการ
และจะเข้าใจอย่างลึกซึ้งแจ่มชัดในองค์มรรคทั้ง ๘ ได้ก็ต้องลงมือปฏิบัติตามมรรควิถี ทั้งกาย วาจา ใจ อย่างสุดชีวิต
จึงจักสามารถหลุดพ้นจากความเผ็ดร้อนทุรนทุรายทั้งปวงได้
หวังว่าดิถีเพ็ญเดือนแปดปีนี้ ท่านทั้งหลายคงจักได้เริ่มลงมือศึกษาฝึกหัดปฏิบัติ ตามหลักพระพุทธธรรม ปฐมเทศนา “ธรรมจักรกัปวัตนสูตร” กันอย่างจริงๆ จังๆ เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา และนำพาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นเทอญ
พุทธะอิสระ