บทความ
ขออนุญาตอธิบายให้ท่านพระครูวิรัตธรรมโชติ เจ้าคณะอำเภอเมืองสงขลา ได้เข้าใจ
๑๔ มีนาคม ๒๕๕๙
เรามาดูลีลาของผู้ที่อ้างตนว่า ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์ภาคใต้ดูบ้าง
………………………………………..…………..
เตือนรัฐบาลยึดกติกามารยาทเสนอตั้งสังฆราช | เดลินิวส์
พระครูวิรัตธรรมโชติเจ้าคณะอำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา กล่าวว่า มหาเถรสมาคม(มส.) เป็นองค์กรปกครองสูงสุดของคณะสงฆ์ พระเถระที่เป็นกรรมการทุกรูปล้วนมีคุณวุฒิ วัยวุฒิ และประสบการณ์ ซึ่งหลายรูปบวชมาตั้งแต่เป็นสามเณร กว่าจะได้เป็นมหาเปรียญ เป็นเจ้าอาวาส เป็นกรรมการมหาเถรสมาคมท่านต้องผ่านงานมาเยอะมาก หากไม่ให้ความเคารพต่อองค์กรสูงสุดของคณะสงฆ์ก็ถือว่าไม่มีความปรารถนาดีต่อพระพุทธศาสนาและประเทศชาติ การที่ มส.ออกมติอะไรมาท่านยึดความถูกต้องไม่ได้เอาความถูกใจไม่ได้เอาพวกเป็นเกณฑ์ ตนจึงขอให้กำลังใจและสนับสนุนกิจการของมส.ส่วนพวกที่มีปัญหาตนมองว่าคือพวกที่มีอคติไม่ยอมรับกฎ กติกา และมารยาท หากคนมีอคติพยายามล้มการปกครองคณะสงฆ์ ตนก็พร้อมออกมาปกป้องเชื่อว่าชาวพุทธทั้งหลายจะไม่ยอมให้มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเช่นกัน
(ขอบคุณข่าวจากเดลินิวส์ และ TBCNEWS.ORG
https://www.dailynews.co.th/education/385141
………………………………………..…………..
ไม่มีใครเขาปฏิเสธอำนาจหน้าที่ของมหาเถรสมาคมดอก
เพราะเขารู้ว่ามหาเถรสมาคมเป็นองค์กรปกครองสูงสุดในสังฆมณฑลจริง
สังคมเขาจึงแปลกใจว่า
ตามที่บัญญัติไว้ใน พรบ.ปกครองคณะสงฆ์ เรื่องอำนาจหน้าที่ของกรรมการมหาเถรสมาคม
มาตรา ๑๕ ตรี มหาเถรสมาคมมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑) ปกครองคณะสงฆ์ให้เป็นไปโดยเรียบร้อยดีงาม
(๒) ปกครองและกำหนดการบรรพชาสามเณร
(๓) ควบคุมและส่งเสริมการศาสนศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การเผยแผ่ การสาธารณูปการ และการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์
(๔) รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา
(๕) ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น
เมื่อมหาเถรมีอำนาจหน้าที่ปกป้องพระธรรมวินัย
อีกทั้งยังบวชมานาน ผ่านงานมีประสบการณ์มาเยอะ
แล้วทำไมมหาเถรถึงปล่อยให้ธรรมกายบิดเบือนพระธรรมวินัย ย่ำยีพระไตรปิฎก อวดอุตริมนุสธรรม ยักยอกทรัพย์สินวัด และออกเรี่ยไรไปทั่วประเทศ ด้วยการขายสวรรค์ ขายบุญ สร้างความวิปริตทำให้ชาวบ้านหลงงมงาย ศรัทธาผิดๆ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นการเรี่ยไร ผิดกฎหมาย แล้วมหาเถรทำอะไรบ้าง
หนำซ้ำยังนำศาสนาไปรับใช้นักการเมือง และเป็นหัวคะแนนให้พรรคการเมืองด้วย
แม้สมเด็จพระสังฆราชยังทรงโจทก์ธัมมชโยด้วยอาบัติปาราชิก
ถามจริงเถิด เรื่องพวกนี้พระครูไม่รู้เรื่องอะไรเลยหรือ
แล้วมหาเถรสมาคมทำอะไรกับปัญหาเหล่านี้บ้าง
นอกจากจะไม่ทำอะไรเลยแล้วยังปกป้องอลัชชีชั่วอีกต่างหาก หรือพระครูไม่รู้สึกว่ามหาเถรปกป้องคนชั่วอยู่
ผมว่าท่านพระครูควรจะหาข้อมูลให้มากกว่านี้แล้วจึงออกมาพูด
หูมีสองข้าง ฟังความให้รอบด้าน
แล้วใช้หัวที่มีอยู่ตรงกลางหู ใคร่ควรพิจารณา ดูตามหลักพระธรรมวินัย
จะได้รู้ว่าใครผิดใครถูก
หรือพระครูเจ้าคณะอำเภอสงขลาเห็นเงิน เห็นอามิสที่ธรรมกายยัดเยียดให้มา เลยไม่สนใจว่าถูกต้องชอบธรรมหรือไม่
ไม่เห็นพระธรรมวินัยสำคัญเหมือนมหาเถรอีกคน
หากเป็นเช่นนี้สังฆมณฑลนี้จะเหลืออะไร
ส่วนที่ท่านพระครูบอกว่ามหาเถรออกมติอะไรมา ยึดความถูกต้อง แน่ใจหรือท่านพระครู ว่ามหาเถรสมาคมออกมติถูกต้องมาจริงๆ
ท่านพระครูบวชมานานควรจะรู้ว่าอธิกรณ์หรือเรื่องราวที่สงฆ์ทำไม่ถูกต้องสามารถรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ได้โดยไม่ต้องอาบัติ
แต่มหาเถรสมาคมกลับมีมติว่า กรณีอธิกรณ์ที่สมเด็จพระสังฆราชทรงโจทก์ธัมมชโยด้วยอาบัติปาราชิกถึง ๒ สิกขาบทยุติลงแล้ว ด้วยเพราะคำสั่งของอัยการถอนฟ้อง
แสดงว่ามหาเถรเห็นคำสั่งของอัยการสำคัญกว่าคำสั่งของพระพุทธเจ้า
มหาเถรสมาคมนอกจากจะไม่ชำระอธิกรณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่สงฆ์ให้หมดจดตามหลักอริยวินัยแล้ว
ยังอ้างส่งเดชแบบข้างๆ คูๆ ว่าอธิกรณ์จบไปแล้ว ไม่สามารถรื้อฟื้นมาใหม่ได้ จะเป็นอาบัติปาจิตตีย์
ทั้งที่หากเปิดพระไตรปิฎกฉบับเดียวกันไปอีกหน้าหนึ่งก็จะพบบทภาชนีย์ว่า
…กรรมเป็นธรรม ภิกษุสำคัญว่ากรรมไม่เป็นธรรม ฟื้น ไม่ต้องอาบัติ…
…กรรมไม่เป็นธรรม ภิกษุสำคัญว่ากรรมไม่เป็นธรรม ฟื้น ไม่ต้องอาบัติ…
ไม่รู้ว่าท่านพระครูเจ้าคณะอำเภอเคยเปิดอ่านบ้างหรือเปล่า
และที่ท่านพระครูบอกว่าพวกเรามีอคติไม่ยอมรับกฎกติกาและมารยาท
ขอถามท่านพระครูว่า ใครกันแน่ที่มีอคติ
หัวหน้ามหาเถรปกป้องอลัชชีธัมมชโย ทั้งที่มีความประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง เพียงเพราะหัวหน้ามหาเถรเป็นอุปัชฌาย์ อลัชชีชั่วจึงลอยนวลทำชั่วได้อยู่จนทุกวันนี้ เช่นนี้เรียกว่ามีอคติไหม
ใครกันแน่ที่ไม่รักษากฎ กติกา
มหาเถรมีอำนาจหน้าที่ปกครองและรักษาพระธรรมวินัย ได้เคยทำหน้าที่บ้างไหม
…ส่วนเรื่องมารยาท…
พวกเราทำไมต้องมีมารยาทแก่ผู้ที่รู้เห็นเป็นใจแก่พวกย่ำยีพระธรรมวินัยด้วยกระนั้นหรือ
มันจะไม่เป็นการเกรงใจมหาโจรดอกหรือ
ที่ท่านพระครูบอกว่าจะพร้อมออกมาปกป้องคณะสงฆ์
สรุปแล้ว ท่านพระครูบวชเพราะคณะสงฆ์ดอกหรือ
ไม่ใช่บวชเพื่อพระธรรมวินัยละหรือ
ถ้าเช่นนั้น พระครูคงจะต้องเจอศึกหนักแล้วหล่ะ
พุทธะอิสระ
___________________________________________________________________________________________
Let me explain to Phra Kru Wirat Thammachote, Ecclesiastical Muang District Officer, Songkhla for his understanding
14 March 2016
Let’s look at the style of the person who claimed to be in the Buddhism and Buddhist Monks Protection Center of the Southern region.
………………………………………..…………..
Warning the Government to Maintain the Convention of Supreme Patriarch Appointment | Daily News
Phra Kru Wirat Thammachote, Ecclesiastical Muang District Officer, Songkhla province stated that the Sangha Supreme Council (SSC) is the highest governing organization of Buddhist monks. All elder monks that are a committee member have sufficient qualifications, age and experience. Many monks have been ordained since when they were novices. Until they could become Pali scholars, abbots and SSC committee members, they had to have done a lot of work. The lack of respect for the monks’ highest organization is regarded as the lack of good wishes for Buddhism and the country. Whatever resolutions the SSC issues are based on righteousness, not on satisfaction or alliance. He therefore would like to encourage and support the SSC’s undertaking. He sees the people who have problems as those who have biases and do not accept rules, conventions and good manners. If biased people try to overthrow the monks’ governing organization, he would be ready to come out to defend the SSC. He also believes that Buddhists would not allow this to happen.
(Thank you for the news from Daily News and fromTBCNEWS.ORG
https://www.dailynews.co.th/education/385141)
………………………………………..…………..
Nobody is refusing the authority of the SSC because they know that the SSC is in fact the monks’ highest governing organization.
According to the Sangha Act Section 15 ter., the Sangha Supreme Council’s authority is as follows:
(1) Governing the monks to ensure they are good and orderly
(2) Governing and scheduling the ordination of novices
(3) Supervising and supporting monks’ religious education, welfare schooling and public assistance
(4) Nurturing Buddhism’s Dhamma and Vinaya principles
(5) Performing other duties as regulated in this Act or other laws.
This is why the society is surprised. Since the SSC has the authority to protect Dhamma and Vinaya and the monks in the SSC have been ordained for a long time, have done a lot of work and have a lot of experience, why is the SSC letting Dhammakaya distort Dhamma and Vinaya, destroy the Tripitaka, boast and lie about a high spiritual attainment, steal the temple’s assets, create anomalies, misguide people, solicit donations all over the country by selling heaven and merits, even when knowing that soliciting donations is illegal? What is the SSC doing about these?
Moreover, Dhammajayo used the religion to serve the politicians and was a campaigner for a political party.
Even the Supreme Patriarch accused Dhammajayo of committing the gravest transgression of the rules.
Seriously, doesn’t Phra Kru know anything about these?
What is the SSC doing with all these problems?
In addition to not doing anything, the SSC is also protecting the sham monk. Or doesn’t Phra Kru feel that the SSC is protecting bad people?
I think that Phra Kru should seek more information before coming out to make a statement.
You have two ears. Listen to all sides.
And use the head that’s between your ears to analyze and consider according to Dhamma and Vinaya principles, so that you know who’s right and who’s wrong.
Or is Phra Kru, Ecclesiastical Muang District Officer, Songkhla seeing money and other enticements until he is not interested whether it’s righteous or moral.
Similar to the SSC, he also does not see the significance of Dhamma and Vinaya.
If it’s like this, what would be left of the monk order?
Regarding what the Phra Kru said about how the SSC’s resolutions are based on righteousness, are you sure, Phra Kru, that the SSC really issued the resolutions righteously?
Phra Kru has been ordained for a long time, so he should know that the allegations or matters that monks did not deal with correctly can be brought back without an infringement.
However, the SSC issued the resolution that the 2 allegations by the Supreme Patriarch toward Dhammajayo are over because the attorney had withdrawn the case.
It demonstrates that the SSC thinks the attorney’s commands are more important than the Buddha’s commands.
Not only did the SSC not cleanly settle the allegations among monks in a way that follows Vinaya, but it also claimed, without merit, that the allegations are over and cannot be revived without an infringement, even though if you open the same Tripitaka to another page, you would find a passage that says,
… If the action was justified, but the monk thought it was unjustified, the revival of the allegations does not break the discipline…
… If the action was unjustified, and the monk thought it was unjustified, the revival of the allegations does not break the discipline…
I don’t know whether Phra Kru has ever opened and read it.
Regarding what Phra Kru said that we’re biased and do not accept rules, conventions and good manners, I would like to ask Phra Kru who actually is biased?
The SSC chief protects sham monk Dhammajayo even when his behaviors are extremely evil only because the SSC chief is the sham monk’s preceptor, thus the sham monk is still free to do bad things until today. Is this called a bias?
Who actually does not accept rules and conventions?
The SSC has the authority to govern and defend Dhamma and Vinaya. Have they ever performed these duties?
Regarding good manners…
Why must we have good manners for those who conspire with the people who destroy Dhamma and Vinaya?
Wouldn’t it be like being considerate to thieves?
Phra Kru said that he’s ready to come out and defend the monks’ governing organization, so in summary, is Phra Kru ordained because of the monks’ governing organization? Wasn’t he ordained for Dhamma and Vinaya?
If so, Phra Kru will face a heavy conflict.
Buddha Isara
