พระภัททากัจจานาเถรี (พระนางยโสธรา,พระนางพิมพา) ตอนที่ ๘
๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗
ความเดิมตอนที่แล้วจบลงตรงที่ หมู่พระภิกษุสงฆ์นั่งประชุมสนทนากันในเรื่องที่สามเณรราหุลเป็นผู้ขยันหมั่นเพียร อดทนต่อการสดับฟังโอวาท
พระศาสดาทรงทราบวาระจิตแห่งภิกษุทั้งหลาย จึงทรงเสด็จไปประทับนั่งเหนือพุทธอาสน์ ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ราหุลจักเป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษา ในบัดนี้เท่านั้นหามิได้ แม้ในกาลก่อน บังเกิดในกำเนิดเดียรัจฉาน ก็เป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษาเหมือนกัน แล้วทรงนำอดีตนิทานเรื่องติปัลลัตถมิคชาดกมาแสดงต่อเหล่าภิกษุ ดังนี้ว่า
ในอดีตกาล พระเจ้ามคธราชพระองค์หนึ่งครองราชสมบัติอยู่ในพระนครราชคฤห์ ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดมฤค อันหมู่มฤคแวดล้อมอยู่ในป่า.
ครั้งนั้น แม่เนื้อผู้เป็นน้องสาวของพระโพธิสัตว์นั้น นำบุตรน้อยของตนเข้าไป แล้วกล่าวว่า ข้าแต่ท่านพี่ ท่านจงให้หลานของท่านนี้ ศึกษามารยาของเนื้อด้วยเถิด
พระโพธิสัตว์รับคำแล้วกล่าวว่า ดูก่อนพ่อเนื้อน้อย เจ้าจงมาหาเราในเวลาเช้าตรู่เราจักสอนมารยาของเนื้อแก่เจ้า
เนื้อผู้เป็นหลานนั้นมาตรงเวลาที่ลุงบอก เข้าไปหาลุงผู้เป็นพญาเนื้อนั้น แล้วศึกษามารยาของเนื้อในแต่ละเวลามิได้ขาด
วันหนึ่ง เนื้อนั้นเที่ยวไปในป่า ติดบ่วงจึงร้องบอกฝูงเนื้อทั้งหลายที่อยู่ใกล้ๆ ให้รู้ว่าติดบ่วง หมู่เนื้อนั้นต่างพากันหนีไปบอกแก่มารดาของเนื้อหนุ่มนั้นว่า บุตรของท่านติดบ่วงของนายพรานแล้ว
แม่เนื้อนั้นจึงไปยังสำนักของพี่ชายแล้วถามว่า พี่ท่านให้หลานศึกษามารยาของเนื้อแล้วหรือยัง
พระโพธิสัตว์กล่าวว่า เจ้าอย่าได้ตำหนิกรรมอันลามกอะไรๆ ของบุตร เราให้บุตรของเจ้านั้นศึกษามารยาของเนื้อเป็นอย่างดีแล้ว ประเดี๋ยว บุตรของเจ้าก็ละทิ้งบ่วงนั้นแล้วหนีไป แล้วจักกลับมาหาเจ้าเอง
แล้วกล่าวคาถานี้ว่า
ดูก่อนน้องหญิง เรายังเนื้อหลานชายผู้มี ๘ กีบ นอนโดยอาการ ๓ ท่า มีเล่ห์กลมารยาหลายอย่าง ดื่มกินนํ้าในเวลาเที่ยงคืน ให้เล่าเรียนมารยาของเนื้อเป็นอย่างดีแล้ว แม้จักอับจนหนทาง เนื้อหลานชายนั้นก็สามารถกลั้นลมหายใจได้ โดยช่องนาสิกข้างหนึ่งแนบติดอยู่กับพื้นดิน ทำเล่ห์กลลวงนายพราน ด้วยอุบาย ๖ ประการฉะนั้น.
เราให้เนื้อหลานชายของเราเรียนมารยาของเนื้อเป็นอย่างดีแล้ว.
นางเนื้อผู้เป็นมารดาจึงได้ถามว่า ให้เรียนอย่างไร?
เนื้อพระโพธิสัตว์ ตอบว่า ดูก่อนน้องหญิง เราให้เรียนโดยประการที่เนื้อหลานชายหายใจที่พื้นดิน โดยช่องนาสิกข้างหนึ่ง ลวงนายพรานด้วยเล่ห์กล ๖ ประการ.
เล่ห์กล ๖ ประการ คือ โดยการเหยียด ๔ เท้านอนตะแคง ๑ โดยใช้กีบทั้งหลายตะกุยหญ้าและดิ้นทุรนทุราย ๑ โดยทำลิ้นห้อยออกมา ๑ โดยกระทำท้องให้พอง ๑ โดยการปล่อยอุจจาระ ๑ ปัสสาวะ ให้ลาดออกมา ๑ โดยการกลั้นลมหายใจแสร้งว่าได้สิ้นใจตายเสียแล้ว ๑
พระโพธิสัตว์ เมื่อแสดงวิชามารยาที่เนื้อหลานชายเรียนไปเป็นอย่างดีแล้ว จึงปลอบโยนเนื้อผู้น้องสาวให้เบาใจ ด้วยประการอย่างนี้.
ลูกเนื้อหนุ่มนั้นแม้ติดบ่วงก็ไม่วิตกกังวล หลังจากร้องเตือนหมู่เนื้อทั้งหลายแล้วว่า ตนติดบ่วงก็ล้มตัวลง นอนเหยียดเท้าทั้ง ๔ ไปทางด้านข้างที่ถนัดและสบายมาก ณ ภาคพื้นดิน เอากีบทั้งหลายนั่นแหละคุ้ยในที่ที่ใกล้ๆ เท้าทั้ง ๔ ทำดินร่วนและหญ้าให้กระจุยขึ้น ตามด้วยกลุอุบายปล่อยอุจจาระปัสสาวะออกมา ทำให้หัวตกลิ้นห้อย กระทำสรีระให้เปรอะเปื้อนด้วยนํ้าลาย ทำให้ตัวพองขึ้นด้วยการอั้นลม ทำนัยน์ตาทั้งสองให้เหลือก ทำลมให้เดินทางช่องนาสิกล่างที่ติดพื้นดิน กลั้นลมทางช่องนาสิกด้านบน ทำหัวและลำตัวให้แข็ง แสดงอาการประดุจดังเนื้อที่ตายแล้ว.
ฝ่ายแมลงวันหัวเขียวก็ตอมเนื้อนั้น กาทั้งหลายพากันแอบอยู่ในที่นั้นๆ เพื่อจะรอมาจิกกินร่างเนื้อที่ดูประหนึ่งว่าตายแล้ว
ฝ่ายนายพรานเดินมาตรวจดูกับดักบ่วงบาศที่ตนวางไว้ ครั้งเห็นว่ามีเนื้อหนุ่มมาติดบ่วง และตายแล้ว จึงเอามือดีดท้อง คิดว่า เนื้อจักติดบ่วงแต่เช้าตรู่นัก จึงเกิดจะเน่า(ขึ้นมา) จึงแก้เชือกที่ผูกเนื้อนั้นออก คิดว่า บัดนี้ เราจักแล่เนื้อนั้นในที่นี้แหละ เอาแต่เนื้อไป
เช่นนี้แล้วพรานนั้นจึงเริ่มเก็บเอากิ่งไม้และใบไม้มารองร่างกายของเนื้อ เพื่อจะแล่เอาแต่เนื้อไป
ฝ่ายลูกเนื้อเมื่อเห็นนายพรานนั้นเผลอ กำลังสาละวนอยู่กับการเตรียมอุปกรณ์แล่เนื้อ ก็ลุกขึ้นยืนด้วยเท้าทั้ง ๔ สลัดกายเหยียดคอ ถีบกระโจนวิ่งหนีไปโดยเร็ว ประดุจเมฆฝนถูกลมพายุใหญ่พัดขาดไป ฉะนั้น
ฝ่ายพระบรมศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ราหุลเป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษา ในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้เมื่อเกิดเป็นเนื้อหนุ่ม ก็เป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษาเหมือนกัน จนสามารถเอาตัวรอดจากอันตรายได้
ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้ มาสืบต่ออนุสนธิแล้ว จึงทรงประชุมชาดก ว่า
ลูกเนื้อผู้เป็นหลานในครั้งนั้น ได้เป็น พระราหุล ในบัดนี้
ฝ่ายมารดาในครั้งนั้น ได้เป็น ภิกษุณีอุบลวรรณา ในบัดนี้
ส่วนเนื้อผู้เป็นลุงในครั้งนั้น ได้เป็น เราตถาคต แล.
พุทธะอิสระ
——————————————–