ขอใช้สิทธิ์พาดพิงนะจ๊ะ : ที่ว่าไม่ใช้อารมณ์ แล้วท่านมีวิธีการอย่างไร?

0
91

ขอใช้สิทธิ์พาดพิงนะจ๊ะ
๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗

*****************************

Visidh Isratham

ที่ว่าไม่ใช้อารมณ์ แล้วท่านมีวิธีการอย่างไร? หรือว่ารอดูไปเรื่อยๆ ประชาชนเขาทนไม่ไหวที่ไม่มีใครจัดการอะไร เมื่อท่านออกมาห้ามปรามได้ก็ต้องมีข้อเสนอที่มีประสิทธิผล เพราะการออกมาพูดแบบนี้ใครๆก็พูดได้มันไม่มีอะไรซับซ้อน วิธีการต่างหากที่ประชาชนเขาอยากทราบ ท่านเสนอหรือชี้ทางออกสิครับ คนอีกฝั่งเขาไม่ใช่พระอิฐพระปูน

*****************************

อธิบาย

ขอขอบคุณนะที่สู้อุตส่าห์เสียเวลาเข้ามาติดตามบทความอันไร้ค่า ทั้งยังสู้อุตส่าห์เข้ามาเขียนคอมเมนต์วิจารณ์บทความของพุทธะอิสระ แต่ดูท่าคุณคงจะยังไม่เข้าใจวิธีทำงานของพุทธะอิสระ ทั้งยังไม่เคยได้รับรู้ว่า พุทธะอิสระกำลังทำอะไรอยู่

ทีนี้ก็จักขออธิบายขยายสิ่งที่คุณคอมเมนต์มาโดยที่ยังไม่เข้าใจ เผื่อว่าคุณน่าจะพอเข้าใจได้มากขึ้น จักได้นำไปอธิบายต่อลูกศิษย์ลูกหา และคนใกล้ชิดของคุณให้ได้รับรู้

การที่คุณถามมาว่า ฉันมีวิธีการอย่างไร

ตอบว่า

ทำไมพุทธะอิสระจะต้องอธิบายถึงวิธีที่จะทำและต้องทำ ให้คนอื่นได้รับรู้ด้วย อย่างเช่น ก่อนหน้านี้พุทธะอิสระได้ส่งทนายอั้นไปยื่นเรื่องต่ออัยการสูงสุด ในกรณีคดีล้มล้างการปกครองของพรรคก้าวไกล

พุทธะอิสระก็มิได้ออกมาโพทนา อธิบายให้ใครๆ รับรู้นี่

ต่อมาเมื่ออัยการไม่ยอมดำเนินการ ตามระเบียบปฏิบัติ ทั้งยังพยายามเกลี้ยกล่อมไม่ให้ทนายอั้นเอาเรื่องนี้ไม่สู่การพิจารณาของศาล

พุทธะอิสระก็ให้ทนายอั้นนำเรื่องไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญตามระเบียบที่กำหนดว่า เมื่อพึ่งอัยการไม่ได้ ศาลก็อนุญาตให้ยื่นร้องทุกข์ได้ด้วยตนเอง

พุทธะอิสระก็มิได้ออกมาบอกใครๆ เลยว่า มีปัญหาต่อวิธีปฏิบัติอย่างไร

เมื่อศาลรับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว

พุทธะอิสระยังกำชับให้ทนายอั้นเก็บรวบรวมหลักฐานและพฤติกรรมของพรรคก้าวไกลทุกคน ทุกโอกาส ในหลายปีที่ผ่านมา ส่งมอบต่อศาลให้พิจารณา เพื่อประมวลพฤติกรรมของผู้ถูกร้องให้ศาลได้เห็นว่า ผู้ถูกร้องมีพฤติกรรมล้มล้างการปกครองอย่างไร

พุทธะอิสระก็ไม่เคยออกมาแถลงให้ใครต่อใครได้รับรู้เลยนี่

และด้วยหลักการทำงานดังกล่าว จึงนำมาถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พิพากษาว่า ผู้ถูกร้องและพรรคก้าวไกลล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังที่ทุกคนรับรู้ไปทั่วประเทศแล้ว

และล่าสุด แต่ยังไม่สิ้นสุดการล่า พุทธะอิสระก็กำชับให้ทนายอั้น นำเอาหลักฐานร้อยกว่าหน้ากระดาษ และคำวินิจฉัยไปยื่นให้ กกต. เพื่อยุบพรรคก้าวไกลตามด้วย ปปช. เพื่อพิจารณาพฤติกรรม สส. ของพรรคก้าวไกล ๔๔ คน เข้าข่ายความผิดละเมิดจริยธรรมของนักการเมืองอย่างร้ายแรง

และจะตามมาด้วยอีกหลายความผิด หลายคดี ที่พลพรรคก้าวไกล ได้กระทำผิดกฎหมาย

สิ่งเหล่านี้พุทธะอิสระ ก็มิได้ออกมาโพทนาบอกใครใคร และไม่ได้หิวแสง (ที่วัดก็มีแสงมากพออยู่แล้ว)

– และที่คุณปรารภว่า หรือว่ารอดูไปเรื่อยๆ

อธิบายว่า ฉันก็ไม่ได้รอดูไปเรื่อยๆ นะคุณ แต่ทำไมพุทธะอิสระต้องไปบอกให้ใครๆ รู้ด้วยหรือว่ากำลังทำอะไรอยู่

– ส่วนที่คุณเขียนว่า ประชาชนเขาทนไม่ไหว ที่ไม่มีใครจัดการอะไร

อธิบายว่า ก็ไม่เห็นต้องทนนี่คุณ เหมือนที่พุทธะอิสระไม่เคยทน แต่ทำโดยไม่ต้องโพทนา และก็ไม่ต้องให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับรู้ มันมีวิธีทำอันเลิศอีกมากมายหลายร้อยอย่าง ที่เราไม่ต้องเปลืองตัว ไม่ต้องตกเป็นเบี้ยให้ใครต่อใครมาปั่นหัวหรือหลอกใช้

– ส่วนที่คุณปรารภมาว่า เมื่อท่านออกมาห้ามปรามได้ก็ต้องมีข้อเสนอที่มีประสิทธิผล

อธิบายว่า ที่พุทธะอิสระออกมาห้ามปรามก็ด้วยความเป็นห่วงทุกคนที่รู้สึกเดือดร้อน ต่อพฤติกรรมของคนชั่ว คนเลว จึงอยากแสดงออกว่า เขาไม่ยอมและพร้อมที่จะตอบโต้

ซึ่งก็ไม่ผิด แต่มันก็แค่ไปสร้างความรำคาญ และเป็นการเตือนให้ฝ่ายตรงข้ามได้ระวังตัว เพื่อหยุดยั้งต่อการทำชั่วให้มากขึ้น มันก็เท่ากับผู้ที่ออกไปชุมนุม ได้ช่วยส่งสัญญาณเตือนคนชั่วว่า ระวังนะอย่าผลีผลาม ขืนบุ่มบ่ามทำชั่วไปจะมีคนจ้องเก็บหลักฐานอยู่นะ

นี่ก็ยิ่งทำให้พุทธะอิสระหรือใครๆ ที่เขามีแผนที่จะดำเนินการ ทำงานได้ยากยิ่งขึ้น

– ส่วนที่คุณปรารถมาว่า การออกมาพูดของฉันแบบนี้ใครๆ ก็พูดได้

อธิบายว่า ก็น่าจะใช่นะคุณ ใครๆ ก็พูดได้ แต่ใครๆ ที่พูดหรือเอาแต่พูด กลับทำไม่ได้ เช่นนี้คงไม่ใช่พุทธะอิสระ เพราะสิ่งที่พุทธะอิสระทำในช่วงเวลาที่ผ่านมา เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า
พุทธะอิสระทำได้มากกว่าพูดเสมอ

– ส่วนที่คุณปรารภมาว่า วิธีการต่างหากที่ประชาชนเขาอยากทราบ

อธิบายว่า ทำไมฉันต้องเปิดเผยวิธีการให้ฝ่ายตรงข้ามรับรู้ด้วยหรือ หากเป็นเช่นนั้น ไม่สู้อยู่เฉยๆ ไม่ต้องลำบาก จะไม่ดีกว่าหรือ

– และคำปรารภสุดท้ายของคุณมีมาว่า ท่านเสนอหรือชี้ทางออกสิครับ คนเขาไม่ใช่พระอิฐพระปูน

อธิบายว่า คุณน่าจะหมายถึง คนที่รู้สึกอึดอัด ขัดเคืองต่อพฤติกรรมชั่วช้า เอาเปรียบ เห็นแก่ตัวของพวกกระหายอำนาจและลิ่วล้อที่กระทำ ย่ำยีต่อความรู้สึกของคนทั้งชาติ

อยากบอกคุณ เรา ท่านทั้งหลายว่า ทนไม่ได้ก็ต้องทน ต่อให้อึดอัด ขัดเคืองขนาดไหน ก็ต้องทน รอโอกาส ดุจดังน้ำที่ยิ่งร้อน ยิ่งเดือด ยิ่งมีแรงดันมากจนสามารถระเบิดทำลายได้แม้แต่ปราการเหล็กที่แข็งแรงได้

แต่การออกมาเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ทั้งที่ยังอึดอัดไม่พอ ยังเดือดร้อนไม่พอ ยังถูกบีบคั้นผลักดันไม่พอ มันก็ไม่ต่างอะไรกับไปเจาะรูระบายให้อากาศและความร้อนภายในมันระบาย ผ่อนคลายเท่านั้นเอง

ทั้งที่ความไม่เท่าเทียม ไม่เป็นธรรม และความบีบคั้นที่ปรากฎอยู่ทุกวันนี้ ประชาชนคนดีๆ ทั่วไปไม่ได้เป็นคนทำ คนสร้าง แล้วทำไมเราต้องเป็นคนแก้ไข มันต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐแก้ไข ไม่ใช่พวกเรา

เมื่อรัฐไม่ทำ ไม่แก้ไข เช่นนั้นประชาชนอย่างพวกเราที่พอจะทำได้ คือ อดทน รอโอกาส รอจังหวะ รอเวลาจนถึงจุดเดือด เมื่อนั้นฉันคุณ เรา ท่านทั้งหลาย จึงค่อยเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

ไม่ใช่เอะอะอะไรก็เคลื่อนไหว กดดัน สุดท้ายสิ่งที่ได้ คือ ความว่างเปล่า คุณอยู่ในโลกมานาน ก็คงจะรู้ว่า ผลไม้บางชนิดหากยังไม่แก่ แล้วไปบ่มให้มันสุก นอกจากจะเปรี้ยวแล้ว ยังไม่สำเร็จประโยชน์ที่ต้องการอีกด้วย

เช่นนี้จึงควรพูดได้ว่า เสียของ เสียเวลา เสียโอกาสและน่าเสียดายจริงๆ

พุทธะอิสระ

——————————————–

ลิ้งค์จาก : https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/pfbid0DEqtJUxuUifLM5Xqdj7eVBH8uotGH9M9GUawdiuED6DVmg8RKCh9coCaiTwu7Dfrl