ฝันไปหรือเปล่าเด็กน้อย
๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖
มีคนถามมาว่า พรรคก้าวไกลจะเล่นบทยื้อเวลาเพื่อให้ สว. สิ้นสภาพตามรัฐธรรมนูญที่กำหนด แล้วค่อยรวมแปดพรรค จัดตั้งรัฐบาล
จึงอยากบอกว่า เป็นความฝันของเด็กน้อยที่ไม่รู้ประสาอะไรเลย ไม่รู้แม้กระทั้งว่า ตัวเองยังมีคดีติดอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญถึง ๒ คดี
หรือรู้ แต่คิดว่า ใครก็ทำอะไรกูไม่ได้ เพราะกูมีพลังด้อมส้มคอยหนุนหลังอยู่
อยากบอกพรรคเด็กน้อยว่า ต่อให้พยายามยื้อเวลาเพื่อรอให้ สว. สิ้นสภาพ แต่ความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชน ที่วันคืนผ่านพ้นไปโดยไม่มีอะไรคืบหน้าจากผู้ที่อาสาเข้ามาแก้ปัญหาให้แก่พวกเขา แต่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล โดยไม่สนใจความทุกข์ยากเดือดร้อนของประเทศชาติ
ไหนจะเกิดจากไม่มีรัฐบาลเสนอขออนุมัติงบประมาณ จากรัฐสภาที่ยังไม่สามารถมีรัฐบาลได้
ไหนพวกนักลงทุนจะชะลอการลงทุน เพราะไม่มั่นใจในนโยบาย
นักท่องเที่ยวไม่มั่นใจต่อนโยบายของรัฐบาลและสวัสดิภาพของการเข้ามาในเมืองไทย
ภาคแรงงานและผู้ประกอบการ ก็ยืนอยู่บนความไม่แน่นอน ไม่รู้ว่าจะปลดคนงานออกเมื่อไหร่ ส่วนคนงานก็ไม่รู้ว่าจะตกงานหรือไม่
การจับจ่ายใช้สอยก็ต้องกะเหม็ดกะแหม่ มัธยัสถ์ ประหยัด ไม่กล้าซื้อ ไม่กล้าจ่าย มีแต่คนขายของ แต่ไม่มีคนซื้อของ
ทุกอย่างที่มันควรจะขับเคลื่อนไปข้างหน้ากลับต้องมาสะดุด หยุดอยู่กับความเห็นแก่ตัวของพวกนักการเมือง และพรรคการเมือง ที่จะจัดตั้งรัฐบาล
นี่แหละธรรมชาติ สันดานของพวกเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของคน ๑๔ ล้านเสียง
ใครที่ไปเลือกมันเข้ามาจะรับผิดชอบอย่างไร
ทีนี้ลองหันมาดูว่า ความเพ้อฝันที่พรรคก้าวไกลจะพยายามยื้อเวลาจนกว่า สว. จะหมดอายุตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้
แล้วแปดพรรคเดิมที่ทำเอ็มโอยู ค่อยร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลมันทำได้จริงหรือไม่
พรรคเด็กน้อยคงจะลืมไปแล้วว่า เมื่อถึงเวลาที่ สว. หมดอายุการทำหน้าที่ไปแล้วนั้น พวกตนจะอยู่ในสภากันหรือเปล่า
เพราะนอกจากคดีถือหุ้นสื่อแล้ว ยังมีคดีที่มีโทษหนักกว่าอีก ๑ คดี ที่ค้างอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ คือ คดีร่วมกันล้มล้างการปกครอง ซึ่งมีโทษหนักถึงกับติดคุกและยุบพรรค ตัดสิทธิ์การเล่นการเมือง ๑๐ ปี
แล้วเช่นนี้จะไม่เรียกว่า มโน เห็นแก่ประโยชน์ตัวเองแล้วจะเรียกว่าอะไร
คนที่ขยันคิดแต่เรื่องชั่วๆ ก็จักมองไม่เห็นต้นสายปลายเหตุที่ตนทำเอาไว้ วันๆ ก็ร่ำร้อง เพ้อฝัน แต่ผลรับที่ตนอยากได้ เหมือนกับเด็กที่ร่ำร้องอยากได้ของเล่น
พอไม่ได้ดังใจก็ฟูมฟาย โวยวาย โทษนั่นโทษนี่แต่ไม่เคยโทษตนเองเลย
คนพวกนี้ไม่รู้ว่าพ่อแม่เขาสอนกันมาอย่างไร
พุทธะอิสระ
——————————————–