สรภังคชาดก (ตอนที่ 9)

0
41

สรภังคชาดก (ตอนที่ ๙)
๑๐ มกราคม ๒๕๖๖

วันนี้มาเล่าต่อในเรื่องชีวประวัติของพระมหากัจจายนะเถระกันต่อ

ความเดิมตอนที่แล้วจบลงตรงที่ อำมาตย์ผู้ทรงธรรมเข้าไปเตือน พระราชาทัณฑกีราช ว่าด้วยอกุศลกรรมที่พระองค์และชาวเมือง ได้กระทำหยามเหยียด เบียดเบียน ต่อมหาฤาษีผู้ไม่มีจิตคิดเบียดเบียน จนเหล่าเทวดาผู้อภิบาลองค์ฤาษีนั้นโกธรแค้น และอีก ๗ วันข้างหน้าจะบันดาลให้ฝนบรรลัยกัลป์ ๗ ประการตกลงมาล้างผลาญนครพาราณสี

แทนที่องค์ราชาทัณฑกีราช จะสะดุ้งกลัวแล้วเชื่อฟัง แต่ด้วยอัสมิมานะกษัตริย์บวกกับความหลงผิด คิดว่าด้วยเพราะการกระทำอกุศลกรรมเช่นนั้น ทำให้พระองค์มีชัยชนะต่อพวกกบฏมาหมาดๆ

แต่อำมาตย์ผู้ทรงธรรมกลับมาบอกว่า นี่เป็นผลของอกุศลกรรมที่พระองค์และชาวเมืองได้ทรงกระทำ

องค์ราชาจึงทรงตรัสขับไล่อำมาตย์ผู้ทรงธรรม

เวลาต่อมาอำมาตย์จึงพาลูกเมียและบริวาร หลีกหนีออกจากนครพาราณสีไปทันที

เมื่อครบ ๗ วัน ขณะที่อยู่ในช่วงฤดูแล้ง แต่ก็ปรากฏฝนตกอย่างหนักตลอด ๗ วัน ๗ คืน จนเกิดน้ำท่วมใหญ่ นำพาเอาขยะและซากศพทั้งคนและสัตว์ลอยเกลื่อนกลาดไปทั่วเมือง

เมื่อพ้นเวลา ๗ วัน ฝนก็หยุดตก แผ่นดินล้วนเกลื่อนกลาดไปด้วยกองขยะและซากศพส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลไปทั่วพระนคร ทำให้มหาชนคนทั้งเมือง ต่างตกอยู่ในความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส

เมื่อฝนหยุดตก ต่อมาฝนเม็ดทรายก็ตกลงมาจนสูงท่วมหัวเข่า ครบ ๗ วัน ผู้คนต่างมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก

เจ็ดวันต่อมาก็บังเกิดฝนบุษผาทิพย์ตกโปรยปรายลงมาดุจดังห่าฝน ทำเอาเด็ก ผู้ใหญ่ หนุ่มสาว ต่างพากันออกมาเที่ยวไล่เก็บดอกไม้ทิพย์นั้น ซึ่งมีกลิ่นหอมตลบอบอวลอยู่เช่นนั้นตลอด ๗ วัน จนผู้คนเกิดอาการคลื่นไส้ วิงเวียน สำรอก อ้วก ออกมาจนหมดไส้หมดพุง บังเกิดความทรมานดุจดังคนเมาเหล้าสุราเมรัยอย่างหนัก สุดแสนจะทรมาน

เมื่อพระราชาและผู้คนในนครพาราณสี ได้รับความทุกขเวทนาครบเจ็ดวัน ก็บังเกิดฝนแก้วแหวนเงินทอง หล่นลงมาจากฟากฟ้า ดุจดังห่าฝน

มหาชนชาวนครพาราณสีเห็นเช่นนั้น ต่างกรูกันออกมาเก็บแก้วแหวนเงินทองเหล่านั้น ทั้งที่ร่างกายยังอ่อนระโหยโรยแรงจากการสูดดมกลิ่นดอกไม้อยู่ตลอด ๗ วัน

หลังจากที่มหาชนทุกคนต่างออกมาเที่ยวไล่เก็บแก้วแหวนเงินทองดังกล่าว ไม่เว้นแม้แต่องค์ราชาทัณฑกีราช

ในบัดดลนั้นท้องฟ้าก็บังเกิดอสุนีบาตฟาด ส่งเสียงกึกก้อง ชวนให้เกิดความสยดสยอง สะดุ้งกลัวยิ่งนัก

แล้วบรรดาศาสตราวุธสารพัดชนิดต่างก็พุ่งตกลงมาจากท้องฟ้าใส่ลำตัว ตัดหัว ตัดแขนขา จนร่างกายขาดสะบัด ดุจดังก้อนเนื้อที่ถูกมีดอันคมกริบสับบดอยู่บนเขียง

ชนเป็นอันมากต่างขาดใจตายในที่นั้น บางพวกก็ยังไม่ถึงตาย เพราะวิ่งหนีได้ทัน แต่ตามลำตัว ก็มีบาดแผลเหวอะหวะ ขาดกะรุ่งกะริ่งดุจดังเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง

ฝนศาสตราวุธตกหล่นลงมาจากฟากฟ้ายังไม่ทันจะหยุด ก็บังเกิดฝนลูกไฟกรด พรั่งพรูตกลงมาเผาผลาญผู้คน บ้านเมืองจนวินาศฉิบหายไปเสียสิ้น

เมื่อทุกชีวิตในนครพาราณสีได้ถึงการวิบัติ ฉิบหายหมดสิ้นแล้ว

บนฟ้าก็บังเกิดฝนทรายละเอียด ซัดสาดพัดมาตกทับถมบนนครพาราณสีจนสูงถึง ๖๐ โยชน์

นครพาราณสี ก็สูญหายไปจากแผ่นดินไปในทันทีจนสิ้นเวลา ๑ พันปี

จบตอนฝนบรรลัยกัลป์ ๗ ประการเอาไว้แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ

พุทธะอิสระ

——————————————–

ลิ้งค์จาก : https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/pfbid034yWehMKi1CbnLiQANw7feQ27DAorjHmW9qBRkS4pFzwD5572s7nM52b8nVJp2Sxhl