เมื่อคุณสงสัย จะอธิบายให้ฟัง

0
8
วชิระ วชิรธรรมประยุกต์: ******* พระผู้หลักผู้ใหญ่ เขาเรียกคุณว่า ” ไอ้ครึ่งล่างเป็นคน(ยังเสพกามแบบชาวบ้าน) ไอ้ครึ่งบนอ้างเป็นพระ “
แบบคุณนี้ ยังจะกล้าออกความเห็นอีกเหรอ , แบบคุณนี้ มันตัวอะไรเหรอ , เขาเรียกว่า อะไรเหรอ ? และแค่ชื่อก็บาปมหันต์แล้วนะ
จงเห็นแก่พระศาสนา ก็
จงอย่าคิด อย่ากลับไปบวชอีกเลยนะคุณ.
————————————————–
ตอบ วชิระ วชิรธรรมประยุกต์
ไอ้ที่คุณโพสต์ว่า พระผู้หลักผู้ใหญ่ เขาเรียกคุณว่า “ไอ้ครึ่งล่างเป็นคน(ยังเสพกามแบบชาวบ้าน) ไอ้ครึ่งบนอ้างเป็นพระ”
ตอบ หากพวกพระผู้ใหญ่ของคุณใหญ่จริง ทำไมถึงปล่อยให้กรรมการมหาเถร รวมหัวกันกับสำนักพุทธ โกงเงินพระศาสนาไปเป็นสิบๆ ล้านเล่า
แถมเมื่อรู้เรื่องแล้ว ยังทำนิ่งเฉย แม้กรณีคดีธรรมกาย พระผู้ใหญ่ของพวกคุณ ยังเฉยชาต่อปัญหาที่เจ้าลัทธิธรรมกาย บิดเบือนพระธรรมวินัยให้วิปริต
ยังมีอีก พวกพระผู้ใหญ่ของท่าน เขาไม่สำเหนียกเลยหรือว่า ไอ้เณรคำ มันแอบมีเมียมาตั้งแต่เป็นเณร จนมีลูกมีเต้า แถมยังปล่อยให้มันโฆษณาอวดอ้างตัวเองว่าเป็นอรหันต์ หลอกเงินทองชาวบ้านไปมโหฬาร
หาก พุทธะอิสระ ไม่นำเรื่องนี้ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ดีเอสไอ ป่านนี้ชาวบ้านคงได้กราบอรหันต์มีเมียไปอีกนาน
แม้กรณีธรรมกาย พวกพระผู้หลักผู้ใหญ่ของพวกท่าน ไม่ได้สำเหนียกเลยหรือว่า พฤติกรรมของลัทธิธรรมกาย มันบ่อนทำลายหลักพระธรรมวินัย
และพระผู้หลักผู้ใหญ่ของท่าน ไม่ได้รับรู้บ้างเลยหรือว่า กฎหมายคณะสงฆ์ และคำสั่งมหาเถรสมาคม บางคำสั่งมันขัดหรือแย้งต่อหลักพระธรรมวินัย
หรืออยู่แค่เอาตัวรอดไปวันๆ โดยไม่สนใจ ต่อปัญหาที่เกิดในคณะสงฆ์
ถาม ที่ท่านโพสต์ว่า “แบบคุณนี้ ยังจะกล้าออกความเห็นอีกเหรอ”
ตอบ ก็ต้องกล้าสิ เพราะถ้าไม่กล้า คงไม่ออกไปสู้ ไปเสี่ยง เอาหลักฐาน การต้มตุ๋น แหกตาชาวบ้านที่อรหันต์เณรคำมันทำ ไปร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ดอก
หากไม่กล้า คงไม่ไปแจ้งความร้องทุกข์กับ ดีเอสไอ กรณีสมเด็จวัดปากน้ำ ครอบครองรถหรูหนีภาษีดอก
หากไม่กล้า คงไม่รวบรวมรายชื่อประชาชน คัดค้านไม่ให้สมเด็จวัดปากน้ำเป็นพระสังฆราชดอก
หากไม่กล้า คงไม่เอาหลักฐานการทุจริตเงินทอนวัดไปร้องเรียน จับกรรมการมหาเถร และ ผอ.สำนักพุทธ กับพวก ติดคุกกันอยู่ทุกวันนี้ดอก
และหากไม่กล้า คงไม่ล่ารายชื่อแสนกว่ารายชื่อ พร้อมหลักฐานการกระทำผิด ของลัทธิธรรมกาย ไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ จนเจ้าลัทธิขาเน่า หนีหัวซุกหัวซุนอยู่ทุกวันนี้ดอก
และหากไม่กล้า คงไม่ทำให้กรรมการมหาเถร แห่งวัดสัมพันธวงศ์ ผู้กระหายลาภ ยศ รวมหัวกันโกงเงินพระศาสนา และเสพเมถุน หนีไปอยู่ต่างประเทศทุกวันนี้ดอก
และถ้า พุทธะอิสระ ไม่กล้า คงไม่ลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะตำบล เจ้าอาวาส และเลขาศูนย์วิปัสสนาของคณะสงฆ์จังหวัด พร้อมสึกเช้าบวชเย็น เพื่อมาปราบพวกอลัชชีสงฆ์ ที่อาศัยพระศาสนาหากิน ได้อย่างที่เห็นดอก
สำหรับ พุทธะอิสระ แล้ว อดีตก็กล้า ปัจจุบันก็ยังกล้า และหากอนาคต ยังมีพวกอลัชชี เข้ามาทำพระธรรมวินัยวิปริต ย่ำยีพระธรรมวินัย และทำร้ายสถาบัน พุทธะอิสระ ก็พร้อมที่จะกล้าออกหน้ากำจัดมัน อย่างไม่หวาดกลัวใดๆ
ถาม และไอ้ที่ท่านถาม พุทธะอิสระ ว่า “แบบคุณนี้ มันตัวอะไรเหรอ เขาเรียกว่าอะไรเหรอ”
ตอบว่า แล้วแต่ใครมอง ถ้าพวกเดียวกับอลัชชีมอง ก็จะมองว่าเป็นตัวประหลาด แต่ถ้าสุจริตชนมอง เขามองว่า กำลังเสียสละเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ชั่วชีวิตของผม ไม่ได้ฝากเอาไว้ที่ฟองน้ำลายบนปลายลิ้นชาวบ้าน ทั้งยังไม่เคยสนว่า ใครจะมองว่าอย่างไร
ขอเพียงมีลมหายใจ มีชีวิต มีพลัง ใช้พลังสร้างสาระ สารประโยชน์ ให้ประโยชน์ ไม่เฉยชา จนทำให้คนชั่วได้ที คนดีต้องถูกรังแก เช่นนี้คงไม่ใช่ พุทธะอิสระ แน่
ชีวิต พุทธะอิสระ ราคาถูกไม่มีต้นทุน ใครจะมองแบบไหน ก็แล้วแต่ชอบใจมอง
ถาม ท่านโพสต์ว่า “แค่ชื่อก็บาปมหันต์แล้วนะ”
ตอบว่า ดูท่าท่าน น่าจะมีความรู้ แต่กลับไม่มีปัญญาแยกแยะว่า อะไรเป็น สาระ และ อสาระ มองคน มองโลก อย่างมีอคติ ไม่ได้มองที่ประโยชน์ หรือมิใช่ประโยชน์
จะรู้อะไร ก็รู้ให้จริง อย่าเอาแค่รู้จำ แล้วทำไม่ได้
ที่ท่านวชิระโพสต์ว่า “จงเห็นแก่พระศาสนา”
ตอบ ก็ที่ออกไปปราบพวกอลัชชี ที่เกาะกินน้ำเลี้ยงของพระพุทธศาสนา จนต้องมีอัตภาพเช่นนี้ ก็เพราะเห็นแก่พระพุทธศาสนาล่ะ ไม่ใช่ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ แบบพวกท่าน วันๆ คอยแต่จะเอาตัวรอด จะเห็นแก่ตัวกันไปถึงไหน
ถาม ท่านวชิระโพสต์ว่า “จงอย่าคิด อย่ากลับไปบวชอีกเลยนะคุณ”
ตอบ เอาหลักธรรม หลักกฎหมาย ข้อใดมาห้ามผม หรือเอาแค่หลัก กูมีอคติ ที่พวกท่านมีต่อผม
หากผมพ้นจากคดีความจนเสร็จสิ้นแล้ว ผมก็มีสิทธิ์จะกลับมาบวชใหม่ นี่เป็นสิทธิ์ของผม ตามหลักกฎหมาย และพระธรรมวินัย
หรือพวกท่านกลัวว่า ผมจะกลับมาปราบพวกท่าน
กลัวเหรอ หากไม่ชั่วแล้วจะกลัวอะไร?
พุทธะอิสระ
๕ มีนาคม ๒๕๖๔
————————————————–
When you have doubts, I will explain.
March 5, 2021
————————————————–
Vachira Vachirathamprayuk: Senior monks have called you as “someone whose lower half of body is secular (having sexual intercourse like a secular) but the upper half of the body is monk.”
As such, do you still dare to express your views? What are you? What are you called? Just your name (Buddha Isara) is very sinful.
For the sake of Buddhism, do not ever think of returning to monkhood.
————————————————–
Answer to Vachira Vachirathamprayuk
Regarding your post “senior monks have called you as someone whose lower half of body is secular (having sexual intercourse like a secular) but the upper half of the body is monk.”
Answer: If your senior monks were truly senior, why did they let the Supreme Sangha Council conspire with the National Office of Buddhism and embezzle tens million Baht?
When they knew about it, they kept quiet. Even the case of the Dhammakaya, your senior monks were indifferent towards the Dhammakaya Doctrine’s distorting code of monastic discipline.
In addition, your senior monks were not aware at all that “Nenkham” secretly had a wife when he was a novice and had children? They also let Nenkham promote himself as an Arahant. (Pali arahant, in Buddhism, a perfected person, one who has gained insight into the true nature of existence and has achieved nirvana (spiritual enlightenment)). And he gained a huge amount of money from fooling people.
If Buddha Isara had not reported this to the Department of Special Investigation (DSI), people might have been paid respect to Arahant who has wife for a long time.
Even the case of the Dhammakaya, weren’t your senior monks aware that behaviors of the Dhammakaya Doctrine undermine the code of monastic discipline?
And weren’t your senior monks aware that some clauses of the Sangha Act and commands of the Supreme Sangha Council contradict to monastic discipline?
Or do they just save themselves each day and do not pay attention to problems in the monastic community?
Question: Your post “As such, do you still dare to express your views?”
Answer: Of course, I am daring. If I hadn’t dared, I wouldn’t have fought and taken risk by bringing evidence of Nenkham’s people cheating and reporting to the police.
If I I hadn’t dared, I wouldn’t have reported to the DSI regarding Somdej Phra Maha Ratchamangalacharn whose luxury car’s tariff was evaded.
If I hadn’t dared, I wouldn’t have collected names of people to oppose Somdej Phra Maha Ratchamangalacharn’s being the Supreme Patriach.
If I hadn’t dared, I wouldn’t have brought evidence of temple funds embezzlement for reporting to officials which resulted in the arrests of members of the Supreme Sangha Council, Director of the National Office of Buddhism and their group.
If I hadn’t dared, I wouldn’t have collected names of over 100,000 people together with evidence of the Dhammakaya Doctrine’s wrongdoings for reporting to the officials. The cult leader with gangrene legs has fled till now.
And I hadn’t dared, I wouldn’t have made a member of the Supreme Sangha Council of Sampanthawong Temple, who was greedy for fortune and rank, conspired to embezzle temple fund, and had sexual intercourse, flee abroad.
And if Buddha Isara hadn’t dared, I wouldn’t have resigned from the ranks of district priest, abbot, and secretary of the Sangha Provincial Vipassana Meditation Center, left monkhood in the morning and was ordained in the evening. I did that to deal with shameless monks who earn a living from Buddhism as you have seen.
In the past, I was daring, and I am still daring. And if in the future, there are shameless monks who distort and ravage the code of monastic discipline and harm the monarchy, I (Buddha Isara) am daring to openly fight against them without any fear.
Regarding your questions to Buddha Isara, “What are you? What are you called?”
My answer it depends on who view it. A shameless monk may regard me as an eccentric being, but honest people view me as someone who sacrifice for country, religion, and king.
All my life, I never leave my life on other people’s speech and I never care other people’s views on me.
If only I am alive and have energy, I will spend my life and energy to do beneficial things. Being indifferent to see good people harmed by domineering evil people is surely not Buddha Isara.
Buddha Isara’s life is cheap and does not have any cost. So, I do not mind what other people think of me.
Regarding your post “Just your name is very sinful.”
Answer: You seem to have knowledge but not wisdom to differentiate between substantial and vain. You seem to view people and the world with bias. You do not look at their usefulness or uselessness.
To know about anything, one should have an in-depth understanding. Don’t merely remember, but cannot do it.
Sir, and for your posting, “for the sake of Buddhism”.
Answer: My suppressing shameless monks earning a living from Buddhism which gave me current status is because of my concern for Buddhism. I am not indifferent and only care about self-protection like you. Until when you continue to be selfish?
Sir, and for your posting, “please do not think of returning to monkhood.”
After the lawsuit ends, I have right to return to monkhood. This is my own right according to law and monastic discipline.
Or are you afraid that I will come back to deal with you?
Are you afraid? If you do not commit anything bad, what are you scared of?
Buddha Isara