กรรมการมหาเถร และสำนักงานพระพุทธศาสนา เห็นคนแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์แล้ว คิดอย่างไร?

ศาลอุทธรณ์คดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้เหตุผลสรุปว่า

จำเลยเป็นพระผู้ใหญ่สามารถตรวจสอบที่มาของงบประมาณได้ไม่ยาก ไม่เชื่อว่าจะไม่รู้ว่าเงินดังกล่าวมีที่มาไม่สุจริต

กรณีทุจริตเงินงบประมาณ เขารู้อยู่แก่ใจว่ามันผิด ทั้งแพ่ง ทั้งอาญา และพระธรรมวินัย กลับมาบวชอีกไม่ได้ แต่พอยอดชายหน้าอย่างหนา ก็ยังตีเนียนกลับมาห่มจีวรเป็นสงฆ์ อยู่จนทุกวันนี้

ทั้งที่คำสั่งของมหาเถรสมาคม ได้มีคำสั่งย้ำมาหลายครั้งแล้วว่า

๑. หลักพระธรรมวินัย สละสมณเพศด้วยการเปล่งวาจา ลาสิกขา และถอดจีวรออก เรียกว่า”สึกเอง” กับขาดจากความเป็นพระเพราะอาบัติหนัก คือ “ครุกาบัติ”ได้แก่ปาราชิก ๔ ประกอบด้วย ฆ่าคนลักทรัพย์เสพเมถุนอวดอุตริมนุสธรรม ถ้ากระทำอย่างใดอย่างหนึ่งใน ๔ อย่างนี้ ถือว่าขาดจากความเป็นพระ ณ ขณะที่กระทำการนั้นๆ เลย (ขาดโดยอัตโนมัติ)

๒. หลักกฎหมายตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๓๕ มี ๒ มาตราที่เกี่ยวข้อง คือ มาตรา ๒๙ ถูกจับในคดีอาญาแล้วพนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้ประกันตัว ก็ให้สละสมณเพศเสียก่อนจะนำตัวเข้าห้องขัง กับมาตรา ๓๐ เมื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลให้จำคุกกักขัง หรือขังพระภิกษุ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดำเนินการให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศ

เห็นกันอย่างนี้แล้ว มหาเถร สำนักพุทธ จะทำอย่างไร?

หรือจะรอให้ พุทธะอิสระ ไปแจ้งความในฐานความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๑๕๗

แบบนี้เขาเรียกว่า ๒ มาตรฐานหรือเปล่า?

ได้ยินว่า นายเอื้อน นี้ แอบห่มผ้าเหลืองมาเป็นปีแล้ว ก็ไม่เห็นมีใครดำเนินการใดๆ

ให้เวลา ๑ อาทิตย์ หากยังไม่มีใครทำอะไร

เดี๋ยว พุทธะอิสระ จะจัดให้

พุทธะอิสระ

๓ มีนาคม ๒๕๖๔

————————————————-

What did the Sangha Supreme Council of Thailand and the National Office of Buddhism think when seeing people wearing monk robe?

March 3, 2021

The Lower Court earlier sentenced the defendant a one-year prison term, but the sentence was reduced to eight months, suspended for one year. He was also fined 8,000 baht.

The Appeal Court for Corruption and Misconduct Cases upheld an eight-month jail term, suspended for one year.

The Appeal Court concluded that the defendant was a senior monk who could easily check the source of budget. Therefore, it was unbelievable that he was unaware of the corrupted source of fund.

He knew well that embezzlement of temple fund violated civil law, criminal law, and the Buddhist monastic discipline. Once violating, he could not return to monkhood. But because he had a thick face, he blended in and wore monk robe till now.

Though the Sangha Supreme Council of Thailand repeatedly issued orders a few times as follows.

1.​ According to the Buddhist monastic discipline, leaving monkhood can be done via uttering, leaving the Buddhist monkhood, and taking off monk robe. This is called “voluntary departure from the monkhood”. However, Buddhist monk who commit the gravest transgression of the rules: killing human beings, theft, having sexual intercourse, boasting about untrue spiritual attainment. Committing either one of the four means automatic departure from monkhood while taking that action.

2.​ According to the Sangha Act of 1962 and its second amendment in 1992, there were two relevant sections: Section 29 when a monk is arrested in a criminal charge and is not granted bail, he must leave his monkhood before imprisonment, Section 30 when court sentences imprisonment for a monk, that monk must leave his monkhood.

After seeing this, what the Sangha Supreme Council of Thailand and the National Office of Buddhism are going to do?

Or wait for Buddha Isara to report them for dishonestly exercising or omitting to exercise any of his functions according to Section 157.

Is this called double standard?

I have heard he (Auen) has worn monk robe for almost a year, but no one has taken any action.

I give a week. If nobody does anything, Buddha Isara will.

Buddha Isara