มีคนมาถามว่าพักนี้ทำไมไม่เห็นหลวงปู่พูดหรือเขียนถึงการปฏิรูปวงการคณะสงฆ์ และกิจการพระพุทธศาสนาเลย หรือล้มเลิกความตั้งใจเสียแล้ว
ขอตอบว่า คนอย่าพุทธะอิสระไม่ใช่เป็นคนลืมง่าย อะไรที่ตั้งใจทำ ก็จะลงมือทำจนกว่าจะเห็นผล
แต่เหตุที่ยังไม่พูดในเวลานี้ก็เพราะได้เคยไปยื่นเรื่องรียกร้องให้คุณมีชัย ฤชุพันธ์ และรองประธานสภา สนช. แล้ว
อีกทั้งในช่วงเวลานี้ยังอยู่ในระหว่างต่อสู้อยู่กับลัทธิกบฏผีบุญอย่างเข้มข้น จึงยังไม่มีเวลาพูดในเรื่องปฏิรูป ส่วนเรื่องที่พุทธะอิสระเห็นว่าควรจะมีการปฏิรูปนั้น มีสาระสำคัญที่ส่งให้สภาปฏิรูปดังนี้
– ขอให้มีการปฏิรูปคณะสงฆ์และกิจการพระพุทธศาสนา
– ขอให้มีการกระจายอำนาจจากมหาเถรสมาคม ลงสู่คณะสงฆ์ภูมิภาค ด้วยการเลือกตั้งสังฆสภา สังฆมนตรี และคณะวินัยธร คณะธรรมธร
– ขอให้มีการบริหารจัดการศาสนสมบัติกลาง อย่างโปร่งใส เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่วัดทุกวัดทั่วประเทศ อย่างเท่าเทียม เป็นธรรมทั่วถึง
– อำนาจและหน้าที่ของมหาเถรสมาคมที่ครอบคลุมทั้งตุลาการ บริหาร และนิติบัญญัตินั้น ควรต้องกระจายไปให้สังฆสภา และสังฆมนตรี คณะวินัยธรและธรรมธร ส่วนนโยบายให้เป็นหน้าที่ของมหาเถรสมาคม
– เรื่องการศึกษาของคณะสงฆ์ ควรจะมีการปฏิรูป ให้มีการศึกษาทั้งด้านปริยัติและปฏิบัติ ในหลักของพระไตรปิฎก ให้ควบคู่กันไป ตั้งแต่นักธรรมตรี โท เอก จนถึงเปรียญธรรม และปริญญา จนแตกฉาน สามารถนำมาอบรมสั่งสอนพุทธบริษัทได้อย่างซื่อตรง
– รัฐควรจะต้องสนับสนุนงบประมาณในการบูรณปฏิสังขรณ์ ซ่อมสร้างศาสนสถาน ศาสนสมบัติ และศาสนทาญาติ อย่างเหมาะสม ทั่วถึง เพียงพอ จักได้ไม่เป็นข้ออ้างของวัดต่างๆ ที่ต้องจัดกิจกรรมหาเงินในทางที่ผิดหลักธรรมวินัย
– กำหนดบทลงโทษแก่ผู้บิดเบือนย่ำยีพระธรรมวินัย ให้มีโทษทั้งทางแพ่งและอาญา
– กำหนดบทลงโทษแก่เจ้าคณะสังฆาธิการทุกระดับชั้น ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ให้มีอัตราโทษเท่ากับ ป.วิ.อาญา มาตรา ๑๕๗
การปฏิรูปคณะสงฆ์และกิจการพระพุทธศาสนาเหล่านี้จำเป็นต้องเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจ ร่วมใจ และแก้กฎหมายกฎระเบียบมหาเถรสมาคม และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปกครองคณะสงฆ์ ให้เอื้อต่อขบวนการปฏิรูป
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เวทีแจ้งวัฒนะมุ่งหวังให้เป็นจริง ด้วยเชื่อว่าความงดงามตามหลักพระธรรมวินัยของคณะสงฆ์ไทยก็จักเกิดขึ้นในแผ่นดินนี้ได้อย่างยั่งยืนยาวนาน
พุทธะอิสระ