ไม่สบาย ขอยุติการเดินก้าวตามรอยพ่อชั่วคราว

0
1039

เขียนเรื่องทำจนตัวตายมาหลายวันแล้ว ขอเขียนเรื่องลงพื้นที่ภาคใต้มาแจ้งให้ท่านทั้งหลายได้ทราบกันต่อนะจ๊ะ

เมื่อเดินทางลงพื้นที่ อ.พะโต๊ะ แต่เช้า เพื่อมอบเงินและสิ่งของให้ผู้ประสบภัยบ้านน้ำท่วมบ้านพัง ซึ่งมีผู้ประสบภัยอยู่ ๙ หลัง

ซึ่งแต่ละหลังต้องเดินทางเข้าไปตามหุบเขา รถวิ่งลัดเลาะไปตามไหล่เขา ขึ้นๆ ลงๆ บางช่วงก็ต้องลุยน้ำข้ามลำธาร สภาพถนนเป็นดินลูกรังขรุขระ ทำให้รถวิ่งเร็วไม่ได้ ถึงกระนั้นฉันก็ยังนั่งหัวสั่นหัวคลอน กว่าจะเข้าไปถึงบ้านแต่ละครั้งก็ต้องใช้เวลาร่วมชั่วโมง

ทำให้อาการปวดหลังเริ่มกำเริบ ทรมาน แต่พอหวนลำพึงนึกถึงพระวิริยะขององค์พระเจ้าอยู่หัว ทำให้มีกำลังใจที่จะลุยต่อไปเพื่อให้ครบ ๙ หลัง จนจบภารกิจของอำเภอนี้

หลังแรกที่เข้าไปมอบของ เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งมีพ่อแม่ลูกและคนงาน รวม ๕ คน เป็นผู้ประสบภัย ได้บอกเล่าเหตุการณ์น้ำท่วมที่พวกเขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด และชี้ให้เราดูขยะและผ้าห่มที่ยังติดค้างอยู่บนยอดไม้เมื่อน้ำลดแล้ว ฉันมองดู คะเนได้ความสูงไม่ต่ำกว่า ๕ เมตร จากพื้นดินที่เราเหยียบยืนอยู่

ฉันถามเธอว่า แล้วคุณเอาชีวิตรอดมาได้อย่างไร เขาเล่าว่า แรกๆ พวกเขาก็ช่วยกันเก็บของอยู่ชั้นล่าง ชั่วโมงต่อมา น้ำมาเร็วและแรง เข้าท่วมอาคารชั้นล่าง พวกเขาจึงทิ้งข้าวของแล้วหนีขึ้นไปอยู่ชั้นสอง

ต่อมาอีกไม่กี่ชั่วโมง น้ำก็ขึ้นมาท่วมชั้นสองอีก พวกเขาจึงปีนหนีขึ้นไปอยู่บนหลังคา ในเวลาต่อมาน้ำก็ท่วมถึงหลังคา พวกเขาจึงว่ายน้ำไปหลบอยู่บนต้นไม้ใกล้ๆ อาคาร โชคดีที่ทุกคนใส่เสื้อชูชีพกันทุกคน พวกเขาจึงรอดตายมาได้

แค่หลังแรกที่ท่านภิรมณ์ ชุมนุม นายอำเภอพะโต๊ะ และหัวหน้าบรรเทาสาธารณภัย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำพาพวกเราไป จึงรู้เห็นถึงอันตรายจากภัยน้ำท่วมที่เกิดขึ้นกับครอบครัวนี้ ทำให้รู้ว่าภัยน้ำท่วมครั้งนี้ช่างหนักหนาสาหัสและมีมวลน้ำมหาศาลมาก

หลังจากมอบเงินและสิ่งของให้เรียบร้อยแล้ว คุณผู้หญิงเจ้าของบ้านแสดงความขอบคุณ ดูสีหน้าแววตาของเขามีริ้วรอบของความปีติสุขจนผู้คนสามารถสัมผัสได้

แล้วจึงออกเดินทางต่อจนครบ ๙ หลัง ต่อด้วย อ.หลังสวนอีก ๘ หลัง กว่าจะจบก็ปาเข้าไปร่วม ๔ โมงเย็น ขอย้อนไปเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

อ.บางสะพาน ต.รอนทอง ในตำบลสุดท้ายที่คณะของเราไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจและมอบของให้ พวกเขาเป็นพี่น้องกันปลูกบ้านอยู่ในพื้นที่ สปก.จำนวน ๕ ไร่ เมื่อพวกเขาถูกน้ำท่วมพัดพาทำลายบ้านทั้ง ๙ หลังหายไปกับน้ำ ไม่เพียงเท่านั้น แม้ที่ดิน สปก. ๕ ไร่ ที่พวกเขาทำกินและอยู่อาศัยก็หายไปกับน้ำ เหลือให้เห็นแค่ลำน้ำที่ไหลขยายมาจนติดถนนลาดยาง

ผู้ประสบภัยเมื่อได้เห็นหน้าฉันก็ร้องไห้ ปากก็พร่ำว่าหลวงปู่อุตส่าห์มาเยี่ยมพวกเรา ในชีวิตนี้ไม่เคยคิดเลยว่าหลวงปู่จะมาถึงที่อยู่ของพวกเรา หลายคนรื้อฟื้นความทรงจำว่าพวกเขาเคยมาปักหลักพักค้างร่วมต่อสู้อยู่กับพวกเราที่เวทีแจ้งวัฒนะ เมื่อทุกคนได้เห็นหน้าฉันจึงดีใจจนน้ำตาไหล ทำเอาเราพลอยน้ำตาคลอเบ้าไปกับพวกเขาด้วย

เมื่อมอบของและเงินเรียบร้อยแล้วจึงออกเดินทางสู่จังหวัดชุมพรต่อไป

นี่คือตัวอย่างเล็กๆ ที่เกิดจากการเดินตามรอยเท้าพ่อสู่ภาคใต้ในครั้งนี้ และสิ่งหนึ่งที่ฉันได้เห็น คือยังมีครอบครัวคนไทยอยู่อีกมากที่ยังไม่มีที่ดินอยู่อาศัยและที่ทำกินเป็นของตัวเอง หากรัฐบาลจะกรุณา สมควรจะจัดหาพื้นที่อยู่อาศัยและที่ทำกินให้แก่พวกเขา ก็จะเป็นอะไรที่สุดยอดสำหรับคนยากจนในประเทศนี้

ลงพื้นที่ภาคใต้ครั้งนี้ฉันไปไม่ถึงนครศรีธรรมราชอย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะเกิดอาการปวดหลังอย่างรุนแรง แถมเป็นไข้ อีกทั้งเงินที่เตรียมไว้ก็ไม่พอที่จะไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัยบ้านพัง เลยต้องเดินทางกลับ อีกทั้งสถานการณ์ของธรรมกายเริ่มที่จะร้อนแรง อาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นได้ จึงต้องรีบเดินทางกลับวัด

สรุปลงใต้ครั้งนี้ได้ช่วยพี่น้องประสบภัยบ้านพังได้แค่ ๒ จังหวัด คือจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดชุมพร ได้ทั้งหมด ๗๐ ครัวเรือน โดยมีรายระเอียดดังนี้

จ.ประจวบคีรีขันธ์ อ.บางสะพาน ประกอบด้วย ต.พงศ์ประศาสน์ ๑๒ หลัง, ต.กำเนิดนพคุณ ๑๑ หลัง, ต.ธงชัย ๑๐ หลัง, ต.ชัยเกษม ๕ หลัง, ต.ร่อนทอง ๑๕ หลัง รวม ๕๓ หลัง

จ.ชุมพร อ.พะโต๊ะ ต.พะโต๊ะ ๙ หลัง, อ.หลังสวน ต.วังตะกอ ๓ หลัง, ต.ท่ามะพลา ๓ หลัง, ต.ปากน้ำหลังสวน ๒ หลัง รวม ๑๗ หลัง

พุทธะอิสระ