“มาตรา 7 พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง และให้นายกรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ”
การตรากฎหมายคืนพระราชอำนาจในการสถาปนาพระภิกษุผู้เป็นมหาเถระ ผู้มีจริยาวัตรที่สะอาด ฉลาด สว่าง สงบ น่าเลื่อมใสศรัทธา เป็นที่ยอมรับของพระเจ้าแผ่นดินและมหาชนคนทั้งแผ่นดิน
จึงถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติตามโบราณราชประเพณีที่มีมาแต่เมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยา
ด้วยเพราะพระมหาเถระผู้ถูกสถาปนานอกจากจะทำหน้าที่ปกครองทั่วทั้งสังฆมณฑลแล้ว ยังต้องทรงทำหน้าที่ให้คำปรึกษาในข้ออรรถธรรมและไขปัญหาทั้งทางโลกและทางธรรมที่พระเจ้าแผ่นดินทรงมีพระประสงค์จะให้ทูลถาม
เช่นนี้ผู้ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งพระสังฆราชจึงจำต้องเป็นพระภิกษุที่หมู่บรรพชิตและคฤหัสถ์ให้ความเคารพศรัทธาย่อมรับได้โดยมิมีข้อกังขาใดๆ
จึงจักทำให้งานการถวายคำวินิจฉัยแด่พระเจ้าแผ่นดินสำเร็จประโยชน์ รวมทั้งการวินิจฉัยข้ออรรถธรรมในพระธรรมวินัยพุทธบัญญัติต่างๆ จักต้องแม่นยำเที่ยงตรง
ฉะนั้นการที่รัฐบาลนำรายชื่อสมเด็จอัมพร และมหาเถระรูปอื่นๆ นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายต่อพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงใช้พระราชวินิจฉัยเลือกสรรพระมหาเถระผู้เป็นสัตบุรุษ จึงชอบแล้วด้วยโบราณราชประเพณีและชอบด้วยพระราชอำนาจที่ทรงมี
วันนี้ประเทศไทยมีสมเด็จพระสังฆราชที่สะอาด ฉลาด สว่าง สงบ องค์ที่ ๒๐ จึงถือว่าเป็นมหามงคลอันยิ่งใหญ่ของพุทธบริษัทไทยทั่วโลก
นับว่าไม่เสียแรงที่พวกเราชาวพุทธช่วยกันต่อสู้เรียกร้องถวิลหาพระผู้เป็นสัตบุรุษ ที่งดงามเป็นที่ยอมรับได้ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ พุทธบริษัท ๔ นับว่าเป็นบุญของแผ่นดินไทยยิ่งนัก
พุทธะอิสระหวังว่าปัญหาที่หมักหมมคาราคาซังเน่าเหม็น ที่มีอยู่ในสังฆมณฑลจะถูกรื้อค้นขึ้นมากำจัดให้หมดสิ้นไปด้วยพระบารมีของสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่
เช่นนี้จะถือว่าพวกเราสู้มาไม่เหนื่อยเปล่าแล้ว
พุทธะอิสระ