ส่งน้ำใจช่วยภัยน้ำท่วมภาคใต้

0
1198

ไม่ได้ไปเต็นท์หมายเลข ๙ เสียหลายวัน เพราะต้องออกเดินทางนำข้าวสารอาหารแห้งมาช่วยพี่น้องชาวใต้ที่ประสบภัยน้ำหลากเอ่อล้น จนท่วมที่อยู่อาศัยและเรือกสวนไร่นา

ด้วยสภาพพื้นที่ตั้งของบ้านเรือนที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่อยู่ในที่ราบลุ่มใกล้เชิงเขา บางพื้นที่เป็นที่ราบแต่มีภูเขาล้อมรอบและมีลำน้ำไหลผ่านกลาง เมื่อฝนตกมาเป็นเวลานาน น้ำฝนสะสมอยู่บนเขาจำนวนมาก น้ำก็จะไหลบ่าทะลักลงมาเร็วและแรง สู่ลำคลองสาขาที่ไม่มีการขุดลอกมาเป็นร้อยๆ ปี ซึ่งมีสภาพตื้นเขิน เมื่อมวลน้ำไหลเข้าสู่ลำคลองสาขาต่างๆ เป็นจำนวนมาก น้ำจึงล้นเอ่อบ่าท่วมไปทั่วบนตลิ่งและท่วมบ้านเรือน

การที่น้ำท่วมเช่นนี้ชาวบ้านมีโอกาสเตรียมตัวรับมือน้ำเอ่อล้นได้ จึงไม่มีข้าวของเครื่องใช้ใดๆ เสียหายมากนัก แต่บางพื้นที่ไม่มีลำคลองสาขา แต่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้เขา พวกนี้จะได้รับผลกระทบมาก

เพราะน้ำที่ไหลลงมาจากเขาจะเร็วและแรง พร้อมกัดเซาะนำพาเอาหน้าดินหินกรวดทรายลงมากับน้ำด้วย เมื่อไหลเข้ามาปะทะบ้านก็จะเพิ่มแรงปะทะ สามารถทำลายล้างได้มากขึ้นอีกหลายเท่าตัว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเรือกสวนไร่นาและต้นไม้ใหญ่น้อย

นอกจากน้ำฝน น้ำล้น น้ำหลาก น้ำบ่า และน้ำขัง เหล่านี้คือปัญหาที่พื้นที่ภาคใต้ที่กำลังประสบอยู่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับ ๒ ปัจจัย

๑. ปัจจัยที่เกิดจากน้ำทะเลหนุน

๒. ปัจจัยที่เกิดจากกายภาพของพื้นดิน

พื้นที่ๆ มีน้ำท่วมขัง พื้นดินมักจะเป็นดินเหนียว อุ้มน้ำได้ดี เป็นที่ราบลุ่มแอ่งกระทะ โดยมีน้ำทะเลเป็นตัวหนุนช่วยไม่ให้น้ำไหลลงทะเล
ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงทำให้น้ำท่วมขังอยู่หลายวัน ซึ่งก็มีไม่มากนัก เพราะส่วนใหญ่กายภาพของพื้นที่ภาคใต้จะเป็นดินปนทรายเสียส่วนใหญ่ อีกทั้งยังเป็นดินทรายที่ร่วนซุย น้ำจึงซึมลงใต้ดินได้ง่าย นอกเสียจากเวลาน้ำทะเลหนุนสูงก็จะดันน้ำบนแผ่นดินเอาไว้มิให้ไหลลงสู่ทะเล

จากการที่ตระเวนไปตามพื้นที่น้ำท่วมและแถบชานเมือง ไม่ว่าจะเป็น อ.เชียรใหญ่ ต.ชะอวด อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.นบพิตำ ต.กรุงชิง อ.หลังสวน และสุราษฎร์ฯ

ทั้งที่ใจอยากจะไปเยี่ยมให้กำลังใจและแจกข้าวสารอาหารแห้งให้กับพี่น้องประชาชนทุกครัวเรือนทุกจังหวัด แต่ด้วยข้อกำจัดของทุนทรัพย์และเวลาจึงทำให้ไม่สามารถตระเวนไปเยียมเยียนพี่น้องที่ประสบภัยทุกครัวเรือนได้

ยิ่งได้เห็นความตื่นเต้นดีใจของผู้ประสบภัยที่ได้พบหน้าฉัน ยิ่งทำให้รู้ว่าพี่น้องผู้ประสบภัยเขามิได้ต้องการสิ่งของมากนัก แต่เขาต้องการกำลังใจ ต้องการเห็นหน้าผู้คนที่เขารักศรัทธาและคิดถึง มาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจพวกเขา แค่นี้ก็ทำให้เขามีกำลังใจมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับปัญหาภัยพิบัติที่กำลังรุมเร้า

ตามที่ได้ลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับชาวบ้านที่เฉียดตาย เขาเล่าว่าคืนวันที่ฝนตกหนักจนใกล้สว่าง พวกเขา พ่อแม่ลูกสาวอีก ๒ คน ต้องตกใจตื่นเพราะได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรมาชนบ้าน จนบ้านทั้งหลังสั่นสะเทือนพร้อมกับเสียงน้ำป่าพัดต้นไม้ใหญ่ข้างบ้านล้มโค่นไปทั้งต้น โชคดีที่ต้นไม้นั้นไม่ล้มมาทับบ้าน

ชาวบ้านที่รอดตายเล่าว่า เขาเปิดหน้าต่างโผล่หน้าออกไปดู เห็นมวลน้ำพัดพาเอาท่อนซุงและต้นไม้ใหญ่ไหลมาตามน้ำ สูงขึ้น สูงขึ้น จนเกือบท่วมบ้านชั้นที่ ๒ ที่พวกเขานอนอยู่

ในเวลาต่อมาโรงรถที่ปลูกติดกับบ้านก็พังลงมาทับรถที่เขาจอดอยู่ เขาเห็นรถเพื่อนบ้านลอยไปตามกระแสน้ำที่เชียวกราด

พวกเขาเห็นว่าบ้านเริ่มสั่นไหวเหมือนจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ เมื่อมีเศษไม้ ต้นไม้ และวัชพืชลอยมาติดที่เสาบ้านชั้นล่างจำนวนมาก ทำให้บ้านเริ่มที่จะต้านกระแสน้ำที่ไหลแรงแทบไม่ได้ พวกเขาจึงตกลงกันว่าหากน้ำพัดพาบ้านเขาลอยไปตามน้ำ พวกเขาจะกระโดดออกจากหน้าต่างบ้านไปเกาะอยู่บนต้นทุเรียนใหญ่ข้างบ้านอีกด้านหนึ่งเพื่อเอาชีวิตรอด

ส่วนอีกครอบครัวหนึ่งที่มีบ้านอยู่ใกล้ๆ กัน รอบๆ บ้านไม่มีต้นไม้ใหญ่ ในบ้านมีแต่แม่เฒ่าและหลานพร้อมลูกชาย ซึ่งกำลังเผชิญหน้าต่อความตาย ก็เตรียมนัดกันว่าจะนำผ้าขาวม้ามาผูกตัวกันเอาไว้ เพื่อไม่ให้น้ำพัดพาพวกเขาให้พลัดหลงสูญหายจากกัน ครอบครัวนี้เขาตกลงกันว่า ถ้าจะรอดก็ต้องรอดด้วยกัน และถ้าจะตายก็ขอตายร่วมกัน

เหล่านี้คือสิ่งที่ชาวบ้านผู้เฉียดตายได้บอกเล่าให้ฉันฟัง ยังมีอีกหลายสิบครอบครัวที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ในเส้นทางไหลของน้ำ ที่ต้องสูญเสียบ้านเรือนและเกือบเสียชีวิต ต่างพากันมาบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์เฉียดตายให้ฉันได้รับฟัง

ที่จริงจะว่าพวกเขาไปปลูกสร้างบ้านเรือนอยู่ในเส้นทางไหลของน้ำเสียทีเดียวก็ไม่ถูกนัก เพราะพวกเขาปลูกสร้างบ้านเรือนอยู่ในที่ราบลุ่มใกล้ลำธารสาธารณะ เพียงแต่ว่าปีนี้มีจำนวนฝนตกหนาแน่นต่อเนื่องหลายวัน อีกทั้งบนเขาก็ถูกบุกรุกเพื่อปลูกพืชเศรษฐกิจ เทือกเขาบรรทัดจึงไม่สามารถกักเก็บน้ำเอาไว้ได้ดังที่เคยเป็น น้ำฝนจึงไหลลงมารวมตัวกันตามลำธารน้อยใหญ่ กลายเป็นมวลน้ำมหึมาที่พัดพาทำลายต้นไม้ และนำเอาท่อนซุงที่ชาวบ้านไปลักลอบตัด ให้ลงมาทำลายบ้านเรือน เทือกสวนไร่นาของชาวบ้านจนพังพินาศ

ถ้าจะถามว่า น้ำมากขนาดไหน มากไม่มาก น้ำก็สูงกว่ายอดปาล์มอายุ ๕ ปี สูงกว่าสะพานใหญ่ที่กรมทางหลวงชนบทสร้างเอาไว้ข้ามแม่น้ำ เพราะจากหลักฐานที่เห็น ราวสะพานถูกกระแสน้ำพัดทำลายจนพังราบ บนสะพานมีเศษกิ่งไม้และวัชพืชมากองอยู่บนสะพานจำนวนมาก หากจะวัดระดับจากพื้นสะพานจึงถึงน้ำที่ลดและไหลแรงในเวลาที่ฉันเดินทางไปพบ คะเนดูจากระดับน้ำจนถึงกลางสะพานน่าจะมีความสูงไม่ต่ำกว่า ๑๐ เมตร

รวมความว่าปีนี้น้ำฝนมีปริมาณมากจริงๆ ในรอบ ๔๐ ปี นี่คือคำบอกเล่าของชาวบ้าน

ฉันมีโอกาสได้พบกับผู้นำชุมชนและพระอาจารย์ภพ ที่เป็นแกนนำคอยดูแลช่วยเหลือชาวบ้านอย่างทุ่มเท แบ่งปัน พระรูปนี้ท่านเป็นที่พึ่งของชาวบ้านได้อย่างแท้จริง ท่านมีรถแบคโฮเอาไว้ช่วยชาวบ้านขุดลอกลำน้ำ และช่วยซ่อมแซมถนนที่ถูกน้ำตัดขาด จนชาวบ้านสามารถออกมาจากวงล้อมของน้ำได้ อีกทั้งท่านยังใช้วัดของท่านเปิดเป็นศูนย์อพยพรองรับผู้ประสบภัยให้มารวมตัวกัน มีโรงครัวประกอบอาหารเลี้ยงชาวบ้านวันละ ๓ มื้อ

ฉันได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชาวบ้านที่อยู่ในศูนย์อพยพนี้ ซึ่งก็มีอยู่หลายสิบครอบครัว พอดีทีวีช่อง ๓ ได้นำของไปแจกชาวบ้านพอดี ฉันจึงได้มีโอกาสพูดคุยกับชาวบ้าน ให้กำลังใจและแนะนำวิธีว่า
เห็นแต่ละบ้านมีดินโคลนหินทราย เศษไม้ท่อนซุงเขาไปในบ้านเต็มไปหมด ถ้าจะให้แต่ละบ้านต่างคนต่างทำความสะอาดจะทำให้เกิดความรู้สึกเหนื่อยหน่าย ท้อแท้ เหมือนถูกทิ้งให้รับชะตากรรมเพียงลำพัง หากเป็นไปได้พวกท่านทั้งหลายควรรวมตัวกันลงแขก ไปช่วยกันทำความสะอาดให้กับบ้านแต่ละหลัง พอถึงเวลาอาหารก็ช่วยกันทำอาหารเลี้ยงกันตามอัตภาพ เมื่อทุกคนช่วยเหลือกัน พูดคุยกันและกัน ในขณะทำความสะอาดบ้าน มันก็จะได้บรรยากาศของความร่วมด้วยช่วยกัน ร่วมไม้ร่วมมือ มีน้ำใจ ไม่ทอดทิ้งกันและกัน จากความทุกข์โศกเศร้าก็จะแปรเปลี่ยนเป็นความสมัครสมานสามัคคี เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน เช่นนี้ จึงจะเป็นบรรยากาศที่สามารถเอาชนะความโศกเศร้าที่เกิดจากความสูญเสียได้

อีกทั้งยังหันไปพูดคุยกับพระอาจารย์ภพ ที่มีรถขุดแบคโฮว่า ท่านมีรถขุดตั้งหลายคัน หากเป็นไปได้ควรจะขุดลอกลำธารสาธารณะให้ลึกและกว้างขึ้น เพื่อรองรับน้ำที่จะไหลมาจากเขา เพราะน้ำมาครั้งนี้ได้นำพาเอาดินหินทรายลงมาทับถมในลำธารจนไม่หลงเหลือสภาพของลำธารให้เห็น หากมีฝนตกลงมาอีกน้ำก็จะไหลบ่าเข้าท่วมที่ราบลุ่มไปทั่ว ชาวบ้านก็คงจะเดือดร้อนอีก

หากเป็นไปได้ก็ขอให้ช่วยขุดลอกลำธารน้ำให้ลึกและกว้างขึ้นอีก ส่วนจะคำนวณว่าควรลึกเท่าไร ก็ให้ดูระดับความสูงของน้ำในปีนี้ที่ท่วม หากน้ำท่วม ๒ เมตร เราก็ขุดลอกซัก ๒.๕ เมตร ส่วนความกว้างก็ไม่ต้องให้กว้างมากนัก คะเนดูว่าสามารถทำสปริงเวย์ถนนข้ามลำน้ำที่สามารถให้น้ำล้นได้ด้วย เมื่อถึงฤดูแล้ง ถนนนั้นจะเป็นฝายกักเก็บน้ำไปในตัว หากฤดูน้ำหลาก น้ำก็จะล้นข้ามสปริงเวย์นั้นไปได้ ส่วนค่าน้ำมัน ผมจะหาเงินมาช่วยสนับสนุนตามกำลังที่สามารถหาได้ รวมทั้งค่าปูนและเหล็กด้วย ส่วนค่าแรงก็ให้ชาวบ้านทุกคนมีส่วนร่วมกันทำ

กว่าจะประชุมพูดคุยกับชาวบ้านเสร็จ ฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่ คนขับรถมาเตือนว่าควรจะรีบเดินทางกลับออกไปให้พ้นจากหุบเขานี้ เพราะรถต้องขึ้นเนินหลายเนิน มีรถในขบวนที่ไม่มีโฟวิล ท่าจะขึ้นเนินเขาในขณะที่ฝนตกไม่ได้ เพราะถนนเป็นดินลูกรัง

ฉันจึงต้องรีบลาชาวบ้านและพระกลับออกมาจาก สำนักสงฆ์หน้าเจ้าฟ้า ต.นบพิตำ ในเวลา ๕ โมงครึ่ง เดินทางมาถึงที่พัก ๒ ทุ่มพอดี

หลายวันนี้ต้องฉันยาแก้ไข้ทุกวัน เพราะเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น เดี๋ยวแฉะเพราะถูกฝน ออกจากที่พักแต่เช้า กลับถึงที่พักก็มืดทุกวัน แต่ก็มีความสุขใจที่ได้มีโอกาสช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัย

น้ำมาท่วมพี่น้องภาคใต้ครั้งนี้ เราใช้ข้าวสารไป ๑๐ ตัน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ๒ หมื่นซอง ปลากระป๋อง ๑ หมื่นกระป๋อง ยาสามัญประจำบ้าน ๓ พันชุด น้ำดื่มน้ำใจอีก ๓ พันโหล และอื่นๆ รวมทั้งปัจจัยค่ารถค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ๕ หมื่นกว่าบาท และต้องขอขอบใจลูกหลานไทยทุกคนที่กรุณาร่วมด้วยช่วยกันนำเอาข้าวสารอาหารแห้งมาบริจาคให้ และต้องขอบใจครอบครัว สจ.เคี้ยง และลูกเอ ที่นำรถสิบล้อมาช่วยขนย้ายข้าวสารและน้ำดื่มไปตระเวนส่งถึงที่ประสบภัย

ที่จริงการเดินทางลงใต้ครั้งนี้ตั้งใจว่าจะไปแจกอาหารให้ได้ทุกจังหวัด แต่ด้วยข้อกำจัดของเวลาภารกิจที่ยังคั่งค้างอยู่ และสิ่งของที่จะนำไปแจกได้หมดลง อีกทั้งที่วัดได้มีการจัดงานวันเด็กในวันเสาร์ที่ ๑๔ โดยจะมีเด็กๆ มาร่วมงานไม่ต่ำกว่า ๕-๖ พันคน และวันศุกร์นี้ (๑๓ ม.ค.) เวลาบ่ายโมงตรง ฉันจะต้องเดินทางเข้าร่วมประชุมปรึกษาหารือเรื่องการย้ายเต็นท์ประกอบอาหารกับท่านผู้ว่าและทหาร ที่ทางทหารมีนโยบายให้ย้าย เพื่อถวายพระเกียรติต่อองค์พ่อหลวง

ซึ่งการประชุมครั้งนี้จะมีผู้ร่วมประชุม ๓ ฝ่าย คือมีฝ่ายทหาร ฝ่ายกทม. และฝ่ายเต็นท์อาหารต่างๆ ทั้ง ๑๓ เต็นท์ เพื่อหาข้อตกลงร่วมกันเรื่องการประกอบอาหารเลี้ยงหลังงานร้อยวันพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ จะเป็นไปในทิศทางไหน

ถ้าจะเอาตามความคิดความตั้งใจของฉัน ไม่ว่าจะยังไงเต็นท์หมายเลข ๙ เราก็พร้อมจะรับทุกปัญหาโดยไม่หยุดทำอาหารเลี้ยงลูกหลานของพ่อจนกว่าจะถึงงานออกพระเมรุ

ลงใต้เสียหลายวัน พวกท้องสนามหลวงคงจะคิดถึงฉันแย่เลย
อ้อ อาทิตย์นี้ที่วัดยังมีพิธีบวชพระเณรถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พ่อหลวงอีก ๑๐๙ รูปเห็นเจ้าอาวาสรายงานว่าจะมีการโกนผมนาคในวันเสาร์นี้เวลา ๙ โมงเช้า ท่านนิมนต์ให้ฉันไปช่วยปลงผมนาคด้วย

ทั้งหมดนี้แหละคือชีวิตฉัน เอาเป็นว่า ใครว่างจะมาร่วมกันช่วยงาน ทั้งงานวันเด็ก งานบวชพระเณรถวายพระราชกุศล หรืองานเลี้ยงอาหารที่เต็นท์หมายเลข ๙ ก็เชิญตามอัธยาศัยนะจ๊ะ

ส่วนผลการประชุมจะออกมาเป็นเช่นไร เอาไว้พรุ่งนี้จะเขียนมาเล่าสู่กันฟัง

พุทธะอิสระ