เช้าวันที่ ๑๐ ลูกหลานชาวเวทีแจ้งวัฒนะ นำโดยยายเหน่งและคนวัดอ้อน้อย นำคุกกี้ แซนวิช กาแฟ เครื่องดื่มร้อนๆ ไปแจกให้กับพี่น้องประชาชนของพ่อ
พอสายหน่อยท่านชัยณรงค์นำข้าวต้มไก่ไปเลี้ยงต่อ
ฉันเดินทางมาถึงที่เต็นท์ประมาณ ๙ โมงเศษ ข้าวต้มหมดพอดี
ขณะที่กำลังจะลงมือทำพะแนงน่องไก่ใส่นมสด สับปะรด และฟัก ก็มีบรรดาเจ้าหน้าที่หญิงมา เอาป้ายกำหนดเวลาเลี้ยงอาหารและเลิกเลี้ยงอาหารมายื่นให้เจ้าวาริน
พอดีฉันเหลือบไปเห็นเข้า เลยร้องถามไปว่าอะไร
เจ้าวารินเลยชี้ให้เจ้าหน้าที่ทั้ง ๓ คนเดินเข้ามาพูดคุยกับฉัน เขาอธิบายว่าที่กองอำนวยการมีนโยบายกำหนดเวลาเลี้ยงอาหารให้เป็นเวลา คือ
รอบที่ ๑ เวลา ๖:๐๐-๙:๐๐ น.
รอบที่ ๒ เวลา ๑๑:๐๐-๑๔:๐๐ น.
รอบที่ ๓ เวลา ๑๖:๐๐-๒๐:๐๐ น.
ฉันจึงถามว่าประชาชนที่เขามากราบพระบรมศพเดินทางมาไม่พร้อมกัน แล้วพวกคุณจะมากะเกณฑ์ให้พวกฉันแจกอาหารพร้อมกันและเลิกพร้อมกันได้อย่างไร
หากพวกคุณจะให้ฉันแจกอาหารและเลิกตามเวลาที่พวกคุณกำหนด พวกคุณก็ต้องไปบอกประชาชนว่าอย่ามายืนออรออาหารที่หน้าเต็นท์ในเวลาที่คุณสั่งงดแจก
หรือไม่ก็กล้าที่จะประกาศทางกองอำนวยการออกมาเลยว่า ให้ทุกเต็นท์หยุดแจกอาหารในเวลาที่พวกคุณกำหนด
เวลาชาวบ้านที่เขาหิวข้าวแล้วไม่ได้กินข้าว ต้องรอเวลาไปถึง ๔ โมงเย็น ทั้งที่ตอนเช้าก็ต้องไปยืนรอเข้าแถว หากออกจากแถวมากินข้าวก็จะเสียสิทธิการเข้าแถว
พอถึงคิวเข้าไปกราบ กว่าจะเดินไปถึงพระบรมมหาราชวัง กราบพระศพพ่อออกมาบ่าย จะเดินมากินข้าว พวกคุณก็มาสั่งให้หยุดแจก
พวกเขาหิวข้าว หิวน้ำจนเป็นลม พวกคุณไม่รู้สึกอะไรกันบ้างหรือ พวกเขามาจากต่างจังหวัดจะไปหากินกันที่ไหน
อย่างเมื่อวานมาจากปราจีน เดินมาขอข้าวจากฉัน บอกฉันว่าตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินข้าวเลย เพราะไม่กล้าเดินออกจากแถว ขอแค่ข้าวเปล่าราดน้ำปลาก็ได้ เพราะทุกเต็นท์ไม่ยอมแจกให้
แล้วพวกคุณจะให้ฉันใจดำ ทนเห็นลูกของพ่อหิวข้าวเป็นลมกองอยู่หน้าเต็นท์ได้อย่างไร
คนที่สั่งและออกกฎให้แจกข้าวเป็นเวลาเคยได้มาเดินดู มาสัมผัสถึงเหตุการณ์จริงบ้างไหม หรือเอาแต่นั่งอยู่ในห้องแอร์ รับฟังคำรายงานของเจ้าหน้าที่ระดับล่างอยู่อย่างเดียว
ลองออกมาเดินตากแดดตากฝนยืนเข้าแถวรอเหมือนกับชาวบ้านเขาดูบ้าง จะได้รับรู้ว่าความหิว ความกระหาย ความเมื่อยล้า มันเป็นอย่างไร
พวกคุณกลับไปบอกเจ้านายพวกคุณเลยว่า
“อย่าเยอะ อย่าเยอะ อย่ามากำหนดกติกาอะไรมากมายจนทำให้ประชาชนที่มาแสดงความไว้อาลัยในงานพระบรมศพของพ่อลำบาก”
เจ้าหน้าที่ทั้งสามพอเห็นฉันพูดด้วยน้ำเสียงเอาจริงดังนั้น จึงรีบลาและเดินออกจากเต็นท์หมายเลข ๙ ไปในทันที
หลังจากทำพะแนงน่องไก่แจก หมดข้าวไป ๑๐ หม้อแขกใบใหญ่ที่สุดในวัดแล้ว ข้าวก็ยังไม่พอ ฉันจึงต้องให้เจ้าตั้มมันโทรขอข้าวจากพระชัยณรงค์ที่ทำครัวอยู่ที่เอเอสทีวีให้ช่วยส่งข้าวมาให้อีก ๔ หม้อแขกใบใหญ่ แต่ก็ยังไม่พอ จึงสั่งให้คนไปยืมข้าวเต็นท์ข้างๆ มาอีก ๒ หม้อ
พอบ่าย ๔ โมง ท่านผู้ว่าพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมืองและภรรยา พร้อมคณะ เดินทางมาที่เต็นท์มาพบฉัน
เขามาอธิบายให้ฉันรับรู้ว่าเจ้าหน้าที่กทม.ที่ทำหน้าที่เก็บขยะเขารายงานว่า มีอาหารที่ทิ้งมากเพราะกินไม่หมด หรือไม่ก็มีพวกที่เข้ามาขนเอาข้าวของที่แจกไปขาย
ฉันจึงบอกแก่ท่านผู้ว่าฯ ว่าปัญหาที่คุณว่ามา มันเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กทม.ที่ต้องบริหารจัดการกับขยะอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมากหรือน้อย แต่การที่มากำหนดให้คนที่มาร่วมงานศพพ่อควรกินในเวลาไหน ไม่ควรกินในเวลาไหน ทั้งที่พวกเขาก็มาไม่พร้อมกัน นี่มันดูจะตลกไปหน่อย
ที่จริงการที่กองอำนวยการกำหนดให้แจกอาหารเป็นเวลา แต่ละเต็นท์ไม่ใช่ไม่ชอบ เพราะพวกเขาจะได้มีเวลาพักผ่อนบ้าง
แต่ถ้าฉันพักแล้วปล่อยให้พี่น้องมายืนหิวข้าวรอเวลาแจกอาหารอีกครั้งตอน ๔ โมงเย็น ฉันว่าไม่น่าจะถูกต้อง
ท่านผู้ว่าก็พยายามอธิบายว่าเป็นมาตรการทดลองดูซักระยะ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
ภรรยาท่านผู้ว่าจึงเสริมว่า หากหลวงปู่ทำอาหารเอาไว้แล้ว ก็สามารถแจกได้นะคะ เพราะถือว่าเป็นการแจกต่อเนื่องและยังมีคนหิวต้องการจะกินอาหารจริงๆ ไม่ได้นำเอาไปทิ้ง
ฉันจึงอธิบายว่าคนที่เขามายืนเข้าแถวที่เต็นท์ฉันไม่ใช่มาแล้วได้เลย เขาต้องมายืนรอกันเป็นชั่วโมงเพราะแถวยาวมาก
ฉันก็เชื่อว่าเขาคงไม่ลงทุนยืนรอเพื่อนำอาหารที่ฉันแจกไปทิ้งดอก
เพราะทุกวันฉันจะสั่งให้ลูกน้องออกไปสำรวจดูตามที่ทิ้งขยะว่ามีใครนำอาหารที่เราแจกไปทิ้งบ้างหรือเปล่า
หากมีฉันก็จะมาทวนว่าที่เขาทิ้งเพราะอาหารเราไม่อร่อย รสชาติไม่ถูกปาก หรืออาหารไม่ดีพอ พวกเขาไม่ชอบ เราก็จะคิดเปลี่ยนเมนูทันที
ท่านผู้ว่าฯและภรรยาพร้อมคณะเมื่อได้ฟังแล้วก็เข้าใจ
ฉันจึงร้องขอเต็นท์มากางเพิ่มตรงข้างหน้าอีกซัก ๑ เต็นท์ พี่น้องที่เขามายืนรออาหารจะได้ไม่ต้องตากแดดตากฝนและยืนกินอาหารหน้าเต็นท์ได้อย่างมีความสุข
หลังจากท่านผู้ว่าฯพร้อมคณะเดินทางกลับไปแล้ว ครึ่งชั่วโมงต่อมาเจ้าหน้าที่ก็นำเต็นท์มากางให้ทันที
ขอบคุณท่านผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครและภรรยาพร้อมคณะ ที่กรุณาสงเคราะห์
พุทธะอิสระ