ก่อนเป็นสังฆราช เป็นปาราชิกไปก่อนแล้วกันนะเฮีย

0
137

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑
มหาวิภังค์ ภาค ๑
พระอนุบัญญัติ
อนึ่ง ภิกษุใด ถือเอาทรัพย์อันเจ้าของไม่ได้ให้ด้วย ด้วยอาการขโมย มาจากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี
พระราชาทั้งหลาย จับโจรได้แล้ว ประหารเสียบ้าง จองจำไว้บ้าง เนรเทศเสียบ้าง
ด้วยการบริภาษว่า เจ้าเป็นโจร เจ้าเป็นคนพาล เจ้าเป็นคนหลง เจ้าเป็นขโมย ดังนี้
ด้วยเพราะการถือเอาทรัพย์อันเจ้าของไม่ได้ให้เห็นปานใด
ภิกษุถือเอาทรัพย์อันเจ้าของไม่ได้ให้เห็นปานนั้น แม้ภิกษุนี้ ก็เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้.
เรื่องนำแก้วมณีล่วงด่านภาษี
[๑๕๒] ๓.ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งเดินทางไกลไปกับพวกพ่อค้าเกวียน
บุรุษคนหนึ่งเกลี้ยกล่อมภิกษุนั้นด้วยอามิสแล้ว ให้ช่วยนำสินค้าผ่านด่านภาษีแล้ว จึงส่งแก้วมณีซึ่งมีราคามากให้แก่ภิกษุนั้น
ด้วยขอร้องว่าท่านผู้เจริญ ขอท่านจงช่วยนำแก้วมณีนี้ผ่านด่านภาษีให้ข้าพเจ้าด้วย
ภิกษุนั้นนำแก้วมณีนั้นให้ผ่านด่านภาษีไปแล้ว ได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติปาราชิกแล้ว กระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติปาราชิกแล้ว
———————————————–
DSI แจ้งข้อหา สมเด็จสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ในความผิดฐาน
– ร่วมกันครอบครอง ซึ่งสินค้าที่รู้ว่าไม่เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน ผิดพ.ร.บ.สรรพสามิต 2527 มาตรา 161(1) และกฎหมายอาญามาตรา 83
– ร่วมกันแจ้งข้อความเท็จลงในเอกสารราชการ และแจ้งเท็จต่อเจ้าพนักงานผู้กระทำตามหน้าที่ ผิดกฎหมายอาญามาตรา 137 และมาตรา267 ประกอบมาตรา 83
———————————————–
ล่าสุดผู้สื่อข่าวทีนิวส์ได้โทรไปสอบถามพระเมธีธรรมาจารย์ หรือเจ้าคุณประสาร เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว
เจ้าคุณเมธีตอบว่า เรื่องข้อกฎหมายนั้นยังไม่รู้ ต้องศึกษาก่อน ส่วนการเคลื่อนไหวนั้นตอนนี้ยังเหมือนเดิมยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
และได้โพสเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
———————————————–
กรณี กรมคดีสอบสวนพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้แถลงผลการสอบสวนเรื่องรถยนต์โบราณในพิพิธภัณฑ์วัดปากน้ำภาษีเจริญ ซึ่งมีข้อเกี่ยวพันกับเจ้าประคุณสมเด็จฯ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ความละเอียดทราบแล้วนั้น ในนามองค์กรพุทธและภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ ขอชี้แจงเร่งด่วน ดังนี้
1. เราไม่เห็นด้วยกับข้อสรุปของกรมคดีสอบสวนพิเศษ หรือ ดีเอสไอ
2. เราเชื่อมั่นในความตั้งมั่นแห่งศีลที่บริสุทธิ์ของเจ้าประคุณสมเด็จฯ
3. องค์กรพุทธและภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ ยังคงยืนยันที่จะเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ ต่อไป
พระเมธีธรรมาจารย์
22 กรกฎาคม 2559
———————————————–
เอากับเฮียแกสิ
เฮียแกต้องการตำแหน่งสังฆราชให้สมเด็จปาราชิกเท่านั้น เรื่องอื่นเฮียแกไม่สนใจหรอก
กดหมงกฎหมายอย่ามาพูดกับเฮีย ตอนนี้ยึดเอามติของมหาเถรและพรบ.มาตรา ๗ ไว้ก่อน
มติมหาเถรและพรบ.มาตรา ๗ ต้องสำคัญกว่า เข้าใจไหม ช่วยเข้าใจกันหน่อยซิ
สมเด็จท่านก็แก่แล้วแล้วนะ หากไม่ได้เป็นสังฆราชตอนนี้จะให้เป็นชาติหน้าหรือไง
ส่วนที่เฮียโพสว่า เราไม่เห็นด้วยกับข้อสรุปของดีเอสไอ
เออเน๊อะ จริงด้วยเฮีย พวกเราก็ไม่เห็นด้วยกับพวกเฮีย
หากเฮียไม่เห็นด้วยกับการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ
เฮียก็ไปแจ้งความจับดีเอสไอเลยซิเฮีย ข้อหาเฮียไม่เห็นด้วย (ไม่รู้ว่ามีข้อหานี้หรือเปล่า) เคไหมเฮีย
เฮียเชื่อมั่นในความตั้งมั่นบริสุทธิ์ในศีลของสมเด็จช่วง
พวกเราก็เชื่อมั่นว่าสมเด็จช่วงต้องอาบัติปาราชิกไปนานแล้วนะเฮีย
เมื่อไหร่ที่พวกเฮียออกมาเคลื่อนไหว
พวกเราก็จะไปยื่นโจทก์อาบัติปาราชิกต่อสมเด็จช่วงของเฮียก็แล้วกัน ขอย้ำ
และจะยื่นถอดถอนตำแหน่งประธานกรรมการมหาเถรสมาคม
ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชออกเสียด้วย
พร้อมตำแหน่งเจ้าคณะปกครองทุกระดับชั้นที่สมเด็จช่วงของเฮียปกครองอยู่
ด้วยเพราะละเมิดจริยาพระสังฆาธิการอย่างร้ายแรง และทำให้เสื่อมเสียต่อองค์กรปกครองคณะสงฆ์สูงสุด
เอาตามนี้นะเฮีย ออกมาให้ว่อง ให้ว่อง นะเฮีย
พวกเรารอเฮียอยู่

บทความ 590722 ก่อนเป็นสังฆราช เป็นปาราชิกไปก่อนแล้วกันนะเฮีย (2)บทความ 590722 ก่อนเป็นสังฆราช เป็นปาราชิกไปก่อนแล้วกันนะเฮีย (1)

ที่มา crime.tnews.co.thsocial.tnews.co.thmanager.co.th