มีคนนำคลิปภาพและเสียงของนายรักสยาม นามานุภาพ นายกสมาคมเปรียญธรรม ๙ ประโยค ที่ออกมาตำหนิติโจทก์ภิกษุผู้นำเอาอาบัติชั่วหยาบของอลัชชีธัมมชโยออกมาโพนทะนา ว่าเป็นผู้ต้องอาบัติปาจิตตีย์
ทำให้ฉันเริ่มสงสัยในพฤติการณ์ของท่านนายกสมาคมเปรียญธรรม ๙ ประโยคผู้นี้ว่ามีที่มาที่ไปยังไง
จึงสั่งให้ทีมงานช่วยกันค้นหาที่มาที่ไปของนายคนนี้
พอได้เห็นรูปและคำบรรยาย ทำให้ฉันถึงบางอ้อน้อย
ว่าการที่นายรักสยาม นายกสมาคมเปรียญธรรม ๙ ประโยค ออกมาตำหนิติโจทก์ฉันด้วยอาบัติปาจิตตีย์
เพราะเขาเป็นอ้วกเอียวอัน กับแกนนำเสื้อแดงรุ่น ๒ คือ นายเมธาพันธุ์
และเคยเป็นลูกน้องของ ดร.เสถียร วิพรมหา อดีตเลขาของนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในยุคสมัยรัฐบาลนายกปู
อีกทั้งนายรักสยามผู้นี้ยังมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับมหาโชว์ เฮียประสาร และเจ้าคุณขี้เท็จ(เบอร์ลิน)
ทีนี้ท่านทั้งหลายคงจะพอเข้าใจได้ล่ะกระมัง ว่าทำไมนายกสมาคมเปรียญธรรม ๙ ประโยค เสนอหน้าออกมาเป็นหน่วยกล้าตาย
ตำหนิติโจทก์พุทธะอิสระด้วยอาบัติปาจิตตีย์ ฐานโพนทะนาอาบัติชั่วหยาบปาราชิกของอลัชชีธัมมชโย
พอเห็นการโชว์ลีลาในฐานะผู้มีเปรียญธรรม ๙ ประโยคของนายรักสยามแล้ว
ทำให้สงสัยว่า คนผู้นี้เขาได้เปรียญธรรม ๙ มาได้อย่างไร
หากเข้าได้เปรียญ ๙ มาจริง เขาต้องรู้ว่าระหว่างอาบัติปาจิตตีย์ที่พุทธะอิสระต้อง
กับอาบัติปาราชิกของอลัชชีธัมมชโย มันคนละเรื่องเลยนะมหา
หรือมหาเห็นว่าอาบัติปาราชิกเป็นเรื่องเล็กเพราะอลัชชีมันรวย
แต่อาบัติปาจิตตีย์ที่มหาโจทก์พุทธะอิสระ(เขาไม่กล้าที่จะเอ่ยชื่อ) เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ต้องกำจัด ข้อหาหมั่นไส้เพราะเสือกจน
มหาเคยบวชมาจนได้เปรียญ ๙ มหาไม่เคยเป็นอาบัติปาจิตตีย์บ้างเลยหรือ
หรือมหารู้จักแต่ปาราชิกจนเคยชิน มหาเลยเห็นว่าปาจิตตีย์เป็นเรื่องยิ่งใหญ่
และไอ้ที่มหาโพนทะนาโจทก์อาบัติปาจิตตีย์พุทธะอิสระ(มหาไม่กล้าเอ่ยชื่อ) คงจะมีเจตนาไม่สุจริตล่ะกระมัง
มหาไม่เคยได้ศึกษามูลบัญญัติของสิกขาบทนี้เลยหรือ
หากมหาไม่เคย พุทธะอิสระจะเล่าให้ฟังคร่าวๆ ก็แล้วกันนะมหา
ที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามพวกภิกษุฉัพพัคคีย์ ไม่ให้นำเอาอาบัติชั่วหยาบ สังฆาทิเสสและปาราชิกมาโพนทะนาแก่บุคคลผู้ไม่ใช่ภิกษุ
เพราะในเวลานั้นพระอุปนันทศากยบุตร ต้องอาบัติสังฆาทิเสส และกำลังอยู่ปริวาสกรรม
พวกภิกษุฉัพพัคคีย์เห็นว่าคหบดีนำทานมาถวายแก่หมู่สงฆ์ โดยมีพระอุปนันทศากยบุตรมาร่วมรับทานนั้นด้วย
พวกภิกษุฉัพพัคคีย์เห็นเข้า เพื่อจะทำให้พระอุปนันทะได้อับอายเสียหาย จึงเที่ยวโพนทะนาว่าภิกษุผู้นี้เป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ ต้องอาบัติชั่วหยาบ
ต่อมาองค์พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบ จึงทรงเรียกประชุมหมู่สงฆ์แล้วทรงบัญญัติสิกขาบทว่า ภิกษุใดบอกอาบัติชั่วหยาบของภิกษุแก่อนุปสัมบัน เว้นไว้แต่ภิกษุได้รับสมมุติ เป็นอาบัติปาจิตตีย์
พุทธะอิสระขอบอกมหาด้วยความหวังดีว่า คนอย่างพุทธะอิสระไม่ได้โง่งมงาย ปล่อยให้ตัณหาอยู่เหนือเหตุผลดีชั่วเหมือน เอ๊ ใครหว่า
เมื่อเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เสด็จมาแล้วทรงขอให้ทำงานรับใช้พระศาสนา และกำจัดอลัชชี
พุทธะอิสระเมื่อจะออกไปโพนทะนาโจทก์อาบัติชั่วหยาบของอลัชชีบนเวทีแจ้งวัฒนะและในที่อื่นๆ
พุทธะอิสระก็ได้แจ้งให้หมู่สงฆ์ในอาวาสได้ให้สมมุติ อนุญาตให้ทำการโพนทะนา เพื่อให้สังคมพุทธบริษัทได้เห็นเภทภัยที่จะเกิดจากอลัชชีธัมมชโย เช่นกรณีย่ำยีพระธรรมวินัยจาบจ้วงพระพุทธเจ้า ใช้ธรรมเนียมปฏิบัติของพระสงฆ์มาบิดเบือนหาลาภ นี่ยังไม่เกี่ยวกับพฤติกรรมฉาวโฉ่ส่วนตัว ที่มักมากในกามคุณจนต้องอาบัติปาราชิกอีกหลายสิกขาบท
ซึ่งหมู่สงฆ์ในอาวาสวัดอ้อน้อยก็ได้ประกาศอนุโมทนาที่พุทธะอิสระเสียสละชีวิตตนมาทำงานรับใช้พระพุทธศาสนา
โดยมีพระพุทธบัญญัติสิกขาบทที่ว่า “ภิกษุใด รู้อยู่ ปิดอาบัติชั่วหยาบของภิกษุ เป็นปาจิตตีย์” เป็นหลักคิด
ซึ่งต้นเรื่องมาจากพระอุปนันทศากยบุตร เมื่อละเมิดอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว ได้บอกอาบัตินั้นแก่ภิกษุผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องกันแล้วสั่งว่า ท่านอย่าได้บอกเรื่องนี้แก่ผู้ใด
ต่อมามีภิกษุรูปหนึ่งขาดสติ ทำการละเมิดสังฆาทิเสสสิกขาบทเดียวกัน และแจ้งแก่สงฆ์เพื่อขออยู่ปริวาสด้วยต้องการเปลื้องอาบัติ สงฆ์จึงอนุญาต
ขณะที่ภิกษุนั้นกำลังประพฤติปริวาสอยู่ เมื่อได้พบภิกษุลูกพี่ลูกน้องของพระอุปนันทศากยบุตร เมื่อเห็นวิธีการบอกวัตรเช่นนั้นจึงได้ถามว่า อาวุโส แม้ภิกษุรูปอื่นๆ เมื่อต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วก็ต้องกระทำเช่นนี้หรือ
ภิกษุปริวาสจึงรับว่า ต้องทำเช่นนี้ จึงจักเปลื้องอาบัตินั้นได้
ภิกษุลูกพี่ลูกน้องของพระอุปนันทศากยบุตรจึงแจ้งว่า เช่นนั้นพระอุปนันทะก็ยังไม่พ้นจากอาบัติล่ะสิ เพราะท่านสั่งแก่กระผมว่าห้ามไปบอกใครว่าตนต้องอาบัติสังฆาทิเสส
เมื่อภิกษุลูกพี่ลูกน้องจากไปแล้ว ภิกษุผู้อยู่ปริวาสกรรมนั้นจึงนำเรื่องนี้ไปแจ้งแก่หมู่สงฆ์ให้ได้ทราบ
บรรดาภิกษุทั้งหลายพอได้ทราบเรื่องจึงพากันโพนทะนาว่า ไฉนภิกษุนั้นรู้อยู่แล้วจึงช่วยปกปิดอาบัติของพระอุปนันทศากยบุตรเล่า
ความทราบถึงองค์พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงทรงเรียกประชุมสงฆ์แล้วทรงซักถามภิกษุลูกพี่ลูกน้องของพระอุปนันทะ
ภิกษุนั้นยอมรับตามสัจจ์ จึงทรงติเตียนว่าเป็นโมฆบุรุษ ไฉนเธอรู้อยู่จึงได้ปกปิดอาบัติชั่วหยาบของภิกษุอื่นเล่า การกระทำของเธอนั้นไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใสหรือเลื่อมใสยิ่งขึ้นของชุมชนที่เลื่อมใสอยู่แล้วเลย
แล้วทรงบัญญัติสิกขาบท
ภิกษุใดรู้อยู่ ปกปิดอาบัติชั่วหยาบของภิกษุอื่น ต้องอาบัติปาจิตตีย์
ทีนี้พอจะเก็ทหรือยังล่ะท่านมหา ว่าทำไมพุทธะอิสระต้องออกไปโพนทะนา
ก็เพราะมีบรรดาภิกษุโมฆบุรุษที่พยายามจะช่วยกันปกปิดอาบัติของไอ้อลัชชีธัมมชโยอยู่ไงล่ะ
พุทธะอิสระจึงต้องพึ่งพาพุทธบริษัทและกฎหมายบ้านเมืองให้เขามาช่วยจัดการกับเจ้าลัทธิอลัชชี เคนะ
และหากนายกสมาคมเปรียญธรรม ๙ ประโยค เป็นห่วงพุทธะอิสระว่าจะต้องอาบัติปาจิตตีย์
ก็ขอบอกว่าไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวพุทธะอิสระปลงอาบัติก็ได้
แต่อาบัติปาราชิกเพราะอวดอุตริมนุสธรรม ฉ้อโกงทรัพย์ และพึงพอใจในรถหนีภาษีนี่ซิมหา พวกเขาจะปลงอาบัติกันอย่างไร
ทำไมมหาไม่เห็นสนใจเลย หรือว่า “อ้วกเอียวอัน”
พุทธะอิสระ
คลิปนายรักสยาม นามานุภาพ
https://m.facebook.com/story.php…