เอ้า! พวกกระสันอยากใหญ่ทั้งหลาย อ่านกันซะให้ชัดๆ จะได้เข้าใจ
๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙
เมื่อวันศุกร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความมาตรา 7 พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 เสร็จเรียบร้อยแล้วว่า ยังไม่เห็นรายละเอียดการตีความมาตราดังกล่าวของทางคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่ก็ถือเป็นเรื่องการตีความทางกฎหมาย อำนาจอยู่ที่ใครก็ว่ามา
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การตีความถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็พร้อมปฏิบัติตามอยู่แล้ว เพราะถือเป็นหน้าที่ แต่ถ้ามีปัญหาในเรื่องของความสุจริตก็ต้องแก้ เพื่อให้เกิดความชัดเจน สังคมจะได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นการรังแกกันหรือไม่ ซึ่งเราต้องให้ความเป็นธรรม หรือว่ามีหลักฐานชัดเจนหรือไม่ ถ้ามีการเชื่อมโยงกันก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบ
“อย่าลืมว่าวันนี้กระแสสังคมขัดแย้งกันสูง และพุทธศาสนิกชนก็มีหลายฝ่ายด้วยกัน วันนี้จึงต้องดูที่เจตนา ซึ่งในส่วนของรัฐบาลอะไรที่เป็นอำนาจทางกฎหมายเราก็ต้องทำอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดการยอมรับและเชื่อมั่น ผมเองเคารพพระสงฆ์ทุกรูปที่เป็นพระสงฆ์อย่างแท้จริง ศาสนาพุทธผมเคารพนับถืออยู่แล้ว แต่ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่คน ซึ่งคนก็ต้องแก้กัน และต้องยอมรับกันให้ได้ ถ้าอีกฝ่ายบอกว่าให้ออกมาร่วมกันแก้ไขปัญหา ออกมาเคลียร์กันว่าปัญหาจะแก้กันอย่างไร ปัญหาก็ต้องแก้ด้วยกฎหมาย สร้างความชัดเจนให้เกิดขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ในด้านของกฎหมายก็เดินไปในทุกๆ ส่วน ต้องสอบในเรื่องที่เกี่ยวข้องทุกๆ เรื่อง เพราะพันกันไปหมด แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นมาหากมีการตั้งสมเด็จพระสังฆราชในวันนี้แล้วเกิดปัญหา จะให้ตนรับผิดชอบไหวหรือ
ถามว่า ถ้ามีการชี้ชัดเจนว่าอำนาจเป็นของนายกรัฐมนตรีหรือเป็นของมหาเถรสมาคมจะต้องพิจารณาถึงสถานการณ์ด้วยใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของสถานการณ์ แต่ต้องพิจารณาในเรื่องของความถูก-ผิด ความเชื่อมโยงทางกฎหมายต่างๆ ทั้งหมดจะต้องวิเคราะห์ ซึ่งก็มีการตรวจสอบทั้งในเรื่องของการเงินและองค์ประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะถ้ายังมีปัญหาอยู่ ถ้ายังไม่สามารถตั้งได้ ก็ตั้งไม่ได้เท่านั้นเอง เพราะตำรวจก็ต้องดูตรงนั้นด้วย กฎหมายว่าอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น
“กฎหมายไม่ได้เขียนว่าอย่างไรก็ต้องตั้ง จะผิดหรือถูกก็ต้องตั้ง กฎหมายไม่ได้เขียนไว้เช่นนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของผมว่าควรจะทำหรือไม่ในสถานการณ์เช่นนี้ สื่อก็ต้องช่วยผมด้วย ยืนยันว่าผมไม่ได้รังเกียจใคร หรือพระสงฆ์รูปใด เพราะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมทั้งสิ้น แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะศาสนาพุทธในประเทศไทย จำเป็นต้องยุติเรื่องนี้ให้ได้ เราเข้าข้างใครไม่ได้ ต้องว่ากันตรงกลาง เราจะมีวิจารณญาณอย่างไร และไม่ใช่ผมจะตัดสินใจคนเดียว ถ้าเป็นเรื่องอำนาจอย่างเดียวนั้นถือว่าใช่ แต่ในข้อเท็จจริงจะต้องฟังหลายหลายส่วนไปพร้อมกัน ไม่เช่นนั้นจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไว้จำนวนมากทำไม” นายกฯ กล่าว
www.thaipost.net
——————————————————–
สรุป ก็คือท่านนายกยึดเอากฎหมายความถูกต้องและความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองต้องมาก่อน
ส่วนเรื่องใครจะได้เป็นสังฆราชหรือไม่ได้เป็น ไม่สำคัญ
รวมความว่า ใครจะได้เป็นสังฆราชหรือไม่ได้เป็นไม่สำคัญ กฎหมาย ความถูกต้อง และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองสำคัญกว่า ขอย้ำ
เข้าใจไหม พวกกระสันอยากได้ตำแหน่งทั้งหลาย
แต่ถึงยังไงก็ต้องขอบใจนะที่ออกมาช่วยกระตุ้นให้รัฐบาลเขาเร่งรัดสืบสวนสอบสวนคดีรถหรูหนีภาษีของสมเด็จช่วงให้จบไวๆ
อะไรๆ มันจะได้ง่ายขึ้นไงเฮีย
มีคนฉลาดอย่างพวกเฮียเนี่ยก็ดีไปร้อยแปดอย่าง
อยู่ดีๆ ก็มาช่วยพุทธะอิสระเร่งรัดคดีซะงั้น
Thank you 3 times นะเฮีย
พุทธะอิสระ