เหตุเกิดในรายการคืนความสุขให้แผ่นดิน

0
109

เหตุเกิดในรายการคืนความสุขให้แผ่นดิน
๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙
020759-บทความ-เหตุเกิดในรายการคืนความสุขให้แผ่นดิน
ช่วงหนึ่งของรายการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา กล่าวว่า
“การกระทำอันไม่มีเหตุผลสมควร ไม่สนใจข้อกฎหมาย ทำให้สังคมเชื่อไปว่า รัฐมี 2 มาตรฐาน มันต้องมาตรฐานเดียว กฎหมายตัวเดียวกัน ไม่เคยคิดจะไปละเมิดสิทธิ์ใคร และก็ไม่พยายามจะใช้อำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ก็จำเป็นที่ต้องใช้ เพราะคนปั่นป่วนยังมีอยู่
บางกรณีก็มีการใช้มวลชนมาเป็นโล่กำบัง หลายคนก็ใจร้อน ทำไมไม่ใช้กฎหมายพิเศษทำให้เร็ว อยากให้เข้าใจรัฐบาลบ้าง เราไม่สามารถจะฝ่าคนเป็นพันๆเข้าไปได้ แต่อยู่ที่ทำยังไงคนเป็นพันๆหมื่นๆคนเหล่านั้นจะยุติ แล้วก็ผลักดันให้คนที่มีปัญหาออกมาต่อสู้คดีตามกฎหมาย
ที่บอกว่าจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ต่อเมื่อประเทศชาติมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เอ๊ะทำได้เหรอ ไม่น่าทำได้นะ วันนี้ผิดก็ต้องลงโทษวันนี้ กระบวนการยุติธรรมมีอยู่แล้ว เพียงแค่นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ให้ท่านต่อสู้คดี เราอาจจะต้องใช้มาตรา 44 ในการควบคุมตัวเข้าจับกุม เพราะกฎหมายปกติไม่ค่อยเอื้อ แต่เข้าไปจับกุมดำเนินคดีก็ใช้วิธีการอันละมุนละม่อม ไม่เคยต้องไปทำร้าย ไปทุบตีอะไรต่างๆ ไปทรมาน ไม่เคยทำซักอย่าง เพียงนำพามา และสอบสวนให้สู้คดีเท่านั้น”
—————————————-
เอ๊ะ เอ… ที่ท่านนายกพูดว่า “ใช้มวลชนมาเป็นโล่กำบัง”
ท่านนายกกำลังจะหมายถึงใครล่ะจ๊ะ
หากยังเดาไม่ถูกลองมาดูประโยคต่อไปนี้
ท่านนายกพูดต่อว่าหลายคนก็ใจร้อน ทำไมไม่ใช้กฎหมายพิเศษทำให้เร็ว
อยากให้เข้าใจรัฐบาลบ้าง เราไม่สามารถจะฝ่าคนเป็นพันๆ เข้าไปได้
แต่อยู่ที่ทำยังไงให้คนเป็นพันๆ หมื่นๆ คนเหล่านั้นจะยุติ
พุทธะอิสระขอบอกว่ามันคงจะยุติยากนะท่านนายก เพราะลัทธิทำจนกลายเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของพวกเสื้อแดงไปแล้วอย่างที่หมอเหวงแกว่า
เมื่อลัทธินี้มันกลายเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของพวกอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนและเป็นรัฐอิสระ ไม่ยอมรับกฎหมายไทย แม้แต่ตำรวจคลองหลวงปทุมธานียังบ่นกับฉันว่า ไม่สามารถเข้าไปในสำนักนี้ได้เลย ยามไม่ให้เข้า
ผู้คนที่เข้าไปก็ดูจะไม่ใช่คนไทย แต่เป็นคนของรัฐทำจนกลาย เรื่องมันถึงได้ยุ่งยากอย่างนี้ไงล่ะท่านนายก
นายกกล่าวต่อว่า “แล้วก็ผลักดันให้คนที่มีปัญหาออกมาต่อสู้คดีตามกฎหมาย”
จะผลักดันอย่างไรล่ะท่าน ก็พวกเขาไม่ยอมรับกฎหมายไทย
ทีนี้พอจะเข้าใจหรือยังว่าท่านนายกหมายถึงใคร
ใครกันล่ะหว่าที่จำต้องท่องบ่นว่า
“สาวกเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอหวังพึ่งสาวกทาสผู้มือบอดและเชื่องๆ ทั้งหลาย”
พอจะเดาออกหรือยังว่าท่านนายกหมายถึงใคร
ช่วงท้ายของประโยคนี้ท่านนายกพูดว่า
“แล้วก็ผลักดันให้คนที่มีปัญหาออกมาต่อสู้คดีตามกฎหมาย”
ย้ำว่า ท่านนายกไม่ได้เรียกพระภิกษุมีปัญหา แต่ท่านเรียกว่า “คนมีปัญหา” นะจ๊ะ
วรรคต่อมาท่านนายกกล่าวว่า
“ที่บอกว่าจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ต่อเมื่อประเทศชาติมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง”
โอ๊ะโอ้… ประโยคยอดฮิตของพวกไหนหว่า
ท่านนายกจึงตั้งข้อสงสัย สงสัยนะสงสัย สงสัยแล้วถามว่า
เอ๊ะ ทำได้หรอ ไม่น่าทำได้นะ
นั่นสิท่านนายก มันทำได้หรอ หรือพอถึงเวลาบ้านเมืองมีประชาธิปไตย หากมีคนทำผิดแล้วออกมาบอกว่า รอให้บ้านเมืองมีรัฐประหารก่อนแล้วค่อยมอบตัว ดีไหมพี่น้อง
แต่คำพูดนี้อันตรายนะ หากมีใครไปตีหัวพวกลัทธิอลัชชีแล้วเดินออกมาบอกตำรวจว่าอย่าพึ่งจับนะ รอให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยก่อนโอเคไหม
“วันนี้ผิด ก็ต้องลงโทษวันนี้”
เข้าใจกันหรือยังจ๊ะ พวกสมองบวมทั้งหลาย
นายกบอกว่าวันนี้ผิด ก็ต้องถูกลงโทษวันนี้
ท่านนายกย้ำว่า กระบวนการยุติธรรมมีอยู่เดิมแล้ว
รัฐเพียงแค่นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ท่านต่อสู้คดี
ไม่รู้พวกลัทธิอลัชชีสมองบวมเขาจะเข้าใจหรือเปล่าซิท่านนายก
เขาจะเข้าใจไหมว่าเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเพียงแค่ทำหน้าที่นำตัวคนทำผิดส่งเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม คือศาลเท่านั้น
เจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้มีอำนาจพิพากษาว่าใครผิดใครถูก
ฉันเข้าใจของฉันอย่างนี้นะ
ไม่รู้พวกลัทธิสมองบวมจะเข้าใจด้วยหรือเปล่า
ท่านนายกกล่าวต่อว่า
“เราอาจจะต้องใช้มาตรา ๔๔ ในการควบคุมตัวเข้าจับกุม เพราะกฎหมายปกติไม่ค่อยเอื้อ”
แหม ตั้งแต่ติดตามรายการคืนความสุขให้ประชาชนที่ท่านนายกพูด มีแต่สิ่งดีๆ มีมงคล ให้คนไทยได้รับฟังตลอด ๒ ปี
แต่วันนี้ท่านนายกพูดได้ดีที่สุดในโลกเลย
คำว่า “เราอาจจะต้องใช้มาตรา ๔๔ ในการควบคุมตัวเข้าจับกุม”
ช่างเป็นประโยคที่คืนความสุขให้แก่ฉัน ให้แก่พุทธบริษัททั้งชาติได้จริงๆ สุดยอด
ท่านนายกได้พิสูจน์ให้คนไทยทั้งประเทศได้เห็นว่า อะไรที่รัฐบาลประชาธิปไตยทำไม่ได้ แต่คสช.ทำได้ โดยเฉพาะกำจัดอลัชชีปาราชิกที่เกาะกินพระธรรมวินัยกลุ่มนี้
รัฐบาลประชาธิปไตยทำอะไรมันไม่เคยได้เลย
พุทธบริษัททุกคนขอคารวะในหัวใจที่รักความถูกต้อง ซื่อสัตย์ ของท่านนายกและคสช.อย่างจริงใจ
ท่านยังย้ำว่า “เข้าไปจับกุมดำเนินคดีก็ใช้วิธีการละมุนละม่อม”
นี่คือการส่งสัญญาณให้บรรดาสาวกของลัทธิอลัชชีสมองบวมทั้งหลายให้ได้รับรู้ ว่าเจ้าหน้าที่รัฐเขาจะใช้กฎหมายพิเศษที่มีอัตราโทษสูงสุด เข้าไปทำการจับกุมผู้ต้องหาหนีหมายศาลในสำนักทำจนกลาย
หากใครบังอาจต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน
นั่นก็แสดงว่าจะต้องถูกดำเนินคดีและมีอัตราโทษสูงสุด
ขอเตือนว่าหากไม่อยากติดคุกกันทั้งเข่ง ก็อย่าไปนั่งเสนอหน้า เอาหนังตากแดด ตากฝน ขัดขวางการทำงานของเขาเลย
งานนี้นายกเอาจริง ขอบอก
พุทธะอิสระ
https://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx…