๑๗ ปีแห่งสัจจะลูกผู้ชายที่ได้ให้ไว้กับเจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๙
พุทธะอิสระได้ทูลรับปากกับเจ้าประคุณสมเด็จ
“ว่ากระหม่อมจะพยายามทำทุกวิถีทางให้อลัชชีธัมมชโย เจ้าลัทธิธรรมกายที่ย่ำยีพระธรรมวินัย จาบจ้วงพระพุทธเจ้า ต้องชดใช้กรรมชั่วที่เขากระทำไว้ให้ได้รับโทษทัณฑ์ตามกรรมที่เขาก่อให้จงได้”
พร้อมทั้งกราบทูลว่าหากบ้านเมืองยังอยู่ในมือของคนตระกูลชิน คงจะนำตัวคนผิดมาลงโทษไม่ได้
จนถึงยุคของรัฐบาลปูบริหารจัดการน้ำผิดพลาดจนทำให้น้ำท่วมใหญ่ทั่วประเทศ
ซ้ำเติมความทุกข์ยากของผู้ประสบภัยด้วยการปล่อยให้มีการโกงเงินและสิ่งของบริจาคช่วยน้ำท่วม
และปล่อยให้มีการทุจริตงบบริหารจัดการน้ำ ๓.๕ แสนล้านบาท โกงแม้กระทั่งเงินและสิ่งของบริจาคน้ำท่วม
และแล้วเวลานั้นก็มาถึง เมื่อรัฐบาลปูออก พรบ.นิรโทษกรรมยกเข่ง ฉบับลักหลับ เมื่อวันที่ ๑ พ.ย. ๕๖ (พรบ.นิรโทษกรรม พ.ศ. ๒๕๕๖) และ
ตามด้วยคดีโกงเงินจำนำข้าว
ปล่อยให้ไอ้ตั้งอาชีวะขึ้นเวทีนปช.จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อหน้ารัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย (นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ)
ด้วยพฤติกรรมเหล่านี้จึงเป็นที่มาของความไม่พอใจแก่มวลมหาประชาชน จนถึงขนาดพากันออกมาต่อต้านประท้วงบนถนนและตามเวทีต่างๆ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก
พุทธะอิสระเห็นเป็นช่องทางที่จะกำจัดอลัชชีที่เข้ามาเกาะกินพระธรรมวินัย
เพราะรู้ว่าถ้าคนตระกูลชินยังเป็นรัฐบาลอยู่ ไม่มีใครจะทำอะไรต่ออลัชชีธัมมชโยตนนี้ได้
นอกจากจะทำอะไรมันไม่ได้แล้ว ในยุครัฐบาลที่มาจากคนตระกูลชินยังช่วยมันเป่าคดีให้พ้นผิด ด้วยข้ออ้างเพื่อความปรองดอง
อีกทั้งตลอดเวลา ๑๗ ปี ที่ผ่านมาลัทธิธรรมกายได้พยายามขยายอิทธิพล ครอบงำไปในทุกวงศ์สังคม ไม่เว้นแม้แต่คณะสงฆ์และกรรมการมหาเถร
โดยที่คณะสงฆ์ถูกจัดซื้อจัดจ้างจนกลายเป็นพวกพ้องของอลัชชีไปโดยปริยาย
พุทธะอิสระเมื่อรับภารกิจมาจากเจ้าประคุณสมเด็จ เมื่อเห็นช่องเสียบที่จะเข้าไปเรียกร้องให้มีการปฏิรูปคณะสงฆ์และกิจการพระพุทธศาสนาและกำจัดลัทธิกินรวบประเทศไทย ที่มันกินรวบไม่เว้นแม้แต่พระพุทธศาสนา
ขืนไม่ลงมือทำอะไรในเวลานี้
พวกลัทธิอลัชชีจะยิ่งย่ำยีพระธรรมวินัยละเมิดกฎหมายปกครองคณะสงฆ์ ละเมิดกฎหมายปกครองบ้านเมืองอย่างสบายใจ
แถมยังสอนผิดธรรมผิดวินัย อวดอุตริมนุสธรรม ล่อลวงหลอกล่อชาวบ้านเพื่อหวังทรัพย์ ออกเดินสายเรี่ยไรหาทรัพย์ทั้งที่ผิดกฎหมาย จัดธุดงค์สร้างภาพเรียกทรัพย์เรียกศรัทธาทั้งที่ทำลายแบบธรรมเนียมของอริยวัตร
มิหนำซ้ำตลอดเวลา ๑๗ ปีที่ผ่านมา เจ้าลัทธิธรรมกายยังถูกตั้งข้อหาคดียักยอกทรัพย์ถึง ๕๒ คดี แต่ทุกคดีก็มีคนช่วยเป่าให้
แม้คดียักยอกฉ้อโกงเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ก็เกิดขึ้นในรัฐบาลนายกปูแห่งตระกูลชิน
สมัยนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอในยุคนั้นเป็นผู้รับเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษแก่นายศุภชัย ศรีศุภอักษี ประธานสหกรณ์และไวยาวัจกรวัดพระธรรมกาย
ผู้ยักยอกฉ้อโกงเงินฝากของสหกรณ์ มีมูลค่าความเสียหายกว่ารวมกว่า ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท มีผู้เสียหายถึงห้าหมื่นกว่าราย
ลูกศิษย์ฉันที่เป็นสมาชิกสหกรณ์เป็นผู้เสียหายได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษแก่นายศุภชัย
แต่สุดท้ายด้วยอำนาจการเมืองของคนตระกูลชินกลับทำให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอในเวลานั้น ออกหนังสือรับรองโดยมีเนื้อหาว่า ดีเอสไอตรวจสอบตามข้อร้องเรียนแล้ว ไม่พบการกระทำความผิดตามข้อร้องเรียนแต่อย่างใด
รวมความว่ารัฐบาลประชาธิปไตยทำอะไรคนพวกนี้ไม่ได้จริงๆ
เมื่อเห็นว่าวันนี้ปัญหาทุกอย่างมันเริ่มสุกงอมพร้อมที่หนองจะแตก ความเน่าในอาจจะไหลพลั่กออกมาได้ ขอเพียงมีการบีบคั้นนวดเฟ้นแรงๆ หน่อย หนองก็ไหล แล้วความจริงก็จะปรากฏ
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ พุทธะอิสระจึงเห็นช่องที่ต้องกลายเป็นพญาราชสีห์แห่งเวทีแจ้งวัฒนะ
เมื่อตัดสินใจแนวแน่ที่จะออกไปกำจัดลัทธิกินรวบประเทศไทย เพื่อรักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่ง
อีกทั้งยังเป็นการรักษาสัจจะวาจาที่ได้ให้ไว้แก่เจ้าประคุณสมเด็จ
ตอนออกไปอยู่เวที พุทธะอิสระ พญาราชสีห์แห่งเวทีแจ้งวัฒนะรู้อยู่แก่ใจว่า
จะต้องได้รับผลกระทบ เสียดทาน เหยียดหยาม ถูกประณามดูถูกดูหมิ่นถ่มถุย อย่างมหาศาล ถามว่าพุทธะอิสระรู้ไหม รับได้ไหม
ตอบว่ารู้อยู่เต็มอก และพร้อมยอมรับต่อทุกข์แรงกระทบโดยไม่หวาดหวั่น
แม้ในขณะที่อยู่เวที ๔ เดือนกับ ๙ วัน
ก็มีบรรดาผู้สื่อข่าวทั้งไทยทั้งเทศ ต่างพากันมาขอสัมภาษณ์ว่าทำไมเป็นพระถึงออกมาเป็นแกนนำเวทีทางการเมือง ซึ่งเป็นคำถามที่แฝงไปด้วยน้ำเสียง หน้าแววตาที่เต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม
แต่พุทธะอิสระก็ไม่ย่อท้อหวาดหวั่น มุ่งมั่นเดินหน้าต่อสู้
แม้เวทีแจ้งวัฒนะจะได้ชื่อว่าเป็นตำบลกระสุนตก อยู่ท่ามกลางวงล้อมของชุมชนคนเสื้อแดงกลุ่มฮาร์ดคอก็ตามที
ก็ไม่ได้ทำให้พญาราชสีห์แห่งเวทีแจ้งวัฒนะสะดุ้งผวาแม้แต่น้อย
โดนถล่มทั้งเอ็มเจ็ดเก้า แก๊สน้ำตา สารพัดอาวุธ
พญาราชสีห์ก็ยังยืนหยัดต่อสู้จนเลิกเวที
อีกทั้งทุกวันมีรายจ่ายไม่ต่ำกว่าวันละ ๒ ล้านบาท
เวลา ๔ เดือนกับอีก ๙ วัน จะต้องกู้ยืมเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายเป็นร้อยล้าน
พญาราชสีห์ก็ไม่เคยท้อ
เวทีแจ้งวัฒนะเป็นเวทีเดียวที่ไม่มีนายทุนมาให้การสนับสนุน
ในแต่ละวันแม้มีคนมาช่วยบริจาคก็ได้ไม่เกิน ๔-๕ แสนบาท โดยเฉลี่ย แต่รายจ่ายต้องจ่ายเป็นล้าน
นี่ไม่นับรวมกับรายจ่ายค่าคดีความที่ต้องหามาชดใช้
รวมทั้งคดีของชาวนาอีก ๓๐๐ กว่ารายที่ฟ้องแพ่งต่อรัฐบาลนายกปู ที่พญาราชสีห์แห่งเวทีแจ้งวัฒนะจะต้องรับผิดชอบ
ทั้งคดีความของผู้ร่วมชุมนุมและการ์ดแต่ละคน พญาราชสีห์ก็ต้องให้การช่วยเหลือ ไม่ว่าจะสูญเสียอะไรขนาดไหน แต่ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ต้องป้องกันไม่ให้สูญสิ้น จะเสียเงินเสียทองเท่าไหร่ก็ไม่อาจเทียบเท่าบุญคุณของแผ่นดิน เมื่อคิดเช่นนี้ก็มีกำลังใจที่จะสู้ที่จะเสีย
ขณะที่ไปชุมนุมก็ถูกขู่ฆ่า
กุฏิภายในวัดก็ถูกลอบเข้ามาเผาในขณะที่พระกำลังลงศาลาฉันเพล
พวกลูกน้องนักการเมืองพรรคเพื่อไทยยกพวกมาปิดล้อมหน้าวัดตะโกนด่าและขับไล่
เอาเลือดเอาอุจจาระของสกปรกมาราดหน้าวัด
เข้ามายิงปืนข่มขู่จนต้องติดป้ายหน้าวัดว่า สถานที่ยิงปืนสาธารณะ
แม้จะถูกตำหนิติด่าใส่ร้ายลอบฆ่า
พุทธะอิสระ พญาราชสีห์แห่งเวทีแจ้งวัฒนะไม่เคยย่อท้อหรือหนีถอยล้มเลิกความตั้งใจ เดินหน้าวางหมากกำจัดอลัชชี
ตรงกันข้ามกลับยิ่งมุ่งมั่นบากบั่นที่จะสู้ให้ชนะ ทำให้สำเร็จ ดังที่ได้รับปากเอาไว้กับเจ้าพระคุณสมเด็จ
แม้เลิกเวทีแล้วพุทธะอิสระพญาราชสีห์แห่งเวทีแจ้งวัฒนะก็มิได้หยุดยั้งเลิกราต่อสิ่งที่ตั้งใจไว้ ดังคำที่ว่า “ชีวิตคือการต่อสู้ ปัญหาคือการเรียนรู้ ศัตรูคือครูของเรา”
คิดแสวงหากลยุทธ์ กลศึกอันเลิศ มาต่อกรกับลัทธิอลัชชีและพวกที่มากไปด้วยกำลังทรัพย์ กำลังคนและอิทธิพลครอบงำไปทุกอณูของสังคม
ยิ่งรู้ว่ายิ่งต้องต่อสู้อยู่เพียงลำพัง ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือใดๆ มาสนับสนุน ไม่มีอิทธิพล ไม่มีเงินทอง มีแต่สติปัญญาและความตั้งใจ จริงใจ ใส่ใจ เต็มใจ ดังคำที่เขียนเอาไว้สอนลูกหลานว่า
“ลูกรัก… ขอเพียงเจ้าทำทุกอย่างด้วยวิธีอันเลิศ ผลที่ประเสริฐจะเกิดตามมาเอง”
๒ ปี กับ ๘ เดือนแล้ว ที่พุทธะอิสระ พญาราชสีห์แห่งเวทีแจ้งวัฒนะ ต้องต่อสู้กับกองกำลังระดับชาติ ด้วยสองมือ สองขา หนึ่งหัวคิด หนึ่งตัวตั้งมั่น และหนึ่งใจที่แน่วแน่
แม้จะได้รับการประณามหยามเหยียด ดูถูกดูหมิ่น อันตราย เกิดความเสียหาย คดีความ และหนี้สินมากมาย ก็มิได้ทำให้พญาราชสีห์ถอดใจ
กลับยิ่งต้องทุ่มเทจิตวิญญาณ ชีวิต เลือดเนื้อ และสติปัญญากับศึกครั้งนี้อย่างเต็มความสามารถ
จนมาถึงวันนี้สามารถทำให้ลัทธิอลัชชีไม่กล้าที่จะเดินเรี่ยไรไปทั่วประเทศ
ไม่กล้าที่จะเดินธุดงค์อีเว้นดาวรวย
ไม่กล้าที่จะเสนอหน้าอวดอุตริมนุสธรรม
และสุดท้าย คดีพระลิขิตที่พุทธะอิสระไปยื่นให้ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาวินิจฉัย ได้รับการพลิกฟื้นขึ้นมาพิจารณาใหม่ในชั้นผู้ตรวจการ ดีเอสไอ และชั้นป.ป.ช.
คดีแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ของเจ้าลัทธิอลัชชีธัมมชโยที่พญาราชสีห์ไปแจ้งความ ก็ได้รับการพิจารณาสืบสวนสอบสวน
คดีอวดอุตริมนุสธรรมที่พุทธะอิสระไปแจ้งความกับดีเอสไอก็รับเอาไว้เป็นคดีพิเศษและศาล สงฆ์โดยเจ้าคณะภาค ๑ รับเอาไว้พิจารณาสอบสวน
คดีหลอกลวงฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ของวัดเมื่อปี ๔๒ ก็ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาพิจารณาใหม่
คดีคำสอนบิดเบือนจากหลักธรรมวินัยสังคมก็หันมาสนใจตระหนักรู้และเริ่มต่อต้านคำสอนที่วิปริตของลัทธิอลัชชีนี้
คดีกล่าวตู่พระพุทธเจ้าก็ถูกหยิบยกขึ้นมาฟ้องร้องในชั้นศาลสงฆ์ เจ้าคณะปกครอง
คดีละเมิดจริยาพระสังฆาธิการ ละเมิดคำสั่งมหาเถร ละเมิดพรบ.ปกครองคณะสงฆ์ ก็ถูกนำไปพิจารณาในระดับเจ้าคณะภาค ผู้ปกครอง
คดีออกเรี่ยไรทั่วประเทศตั้งแต่ปี ๕๒ ก็ถูกนำมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษตามพรบ.ควบคุมการเรี่ยไร
คดีละเมิดมาตรา ๑๑๒ ที่มหาเถรและสำนักพุทธนำเอาชื่ออลัชชีธัมมชโยผู้ขาดจากความเป็นภิกษุภาวะไปตั้งแต่ปี ๔๒ ขึ้นขอรับพระราชทานสมณศักดิ์ขึ้นเป็นชั้นเทพก็กำลังถูกพุทธะอิสระนำไปแจ้งความและยื่นหลักฐานสำคัญที่จะชี้มูลความผิด
และสุดท้ายแต่อาจจะไม่ท้ายสุด คือคดียักยอก ฟอกเงิน รับของโจร ของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ศาลอาญารัชดาก็ได้ออกหมายจับไปแล้ว
รวมทั้งยังมีตามมาอีกหลายคดี
ทำถึงขนาดนี้ วางหมากถึงขนาดนี้ ลงทุนลงแรงทุ่มเททั้งชีวิตเงินทองถึงขนาดนี้
หากยังพิชิตลัทธิอลัชชีธัมมชโยผู้วิปริตไม่ได้ เช่นนี้ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม
อายที่จะอยู่ร่วมกับพวกอลัชชี
มิสู้ถอดจีวรนอนป่าดีกว่า
แต่ก็ต้องขอขอบคุณขอบใจ ลูกไทยหลานไทย พี่น้องผู้ร่วมอุดมการณ์ทุกคนที่ร่วมต่อสู้ให้กำลังใจ อุทิศแรงกายแรงศรัทธา ให้แก่พุทธะอิสระ พญาราชสีห์แห่งเวทีแจ้งวัฒนะ ตลอดเวลาที่ต่อสู้มาตลอด ขอบคุณ ขอบคุณหลายๆ เด้อ
พุทธะอิสระ