ขอกวาดขยะพระธรรมวินัยกันอีกซักที
๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๙
พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พุทธศักราช ๒๕๓๕ มาตรา ๓๗
(๒) เจ้าอาวาสมีหน้าที่ปกครองสอดส่องให้บรรพชิตและคฤหัสถ์ที่มีอยู่หรือพำนักอาศัยอยู่ในวัดนั้น ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบ หรือคำสั่งของมหาเถรสมาคม
มาตรา ๓๘
(๑) เจ้าอาวาสมีอำนาจห้ามบรรพชิตและคฤหัสถ์ซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าอาวาส เข้าอยู่อาศัยในวัด
(๒) สั่งให้บรรพชิตและคฤหัสถ์ซึ่งอยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาส ออกไปเสียจากวัด
และกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พุทธศักราช ๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ข้อที่ ๔๔ กำหนดว่า
“พระสังฆาธิการต้องเอื้อเฟื้อต่อกฎหมาย พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ กฎกระทรวง กฎมหาเถรสมาคม ระเบียบ คำสั่ง มติ ประกาศ พระบัญชาสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช และปฏิบัติตามพระธรรมวินัยโดยเคร่งครัด”
ด้วยพรบ.ปกครองสงฆ์ดังกล่าวมา ที่ให้อำนาจปกครองผู้ที่อยู่ในอาวาสทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ ซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าอาวาส รวมทั้งสั่งให้บรรพชิตและคฤหัสถ์ซึ่งอยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาสออกไปเสียจากวัด อีกทั้งเจ้าอาวาสเป็นพระสังฆาธิการ ต้องเอื้อเฟื้อต่อกฎหมาย
จะเห็นได้ว่าการที่ดีเอสไอนำหมายจับและหมายค้นที่ออกโดยศาลอาญาเข้าไปในวัดพระธรรมกายเพื่อจับกุมตัวเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หรือพระเทพญาณมหามุนี แต่เจ้าหน้าที่
ดีเอสไอกลับต้องเจอกับขบวนการขัดขวางสารพัด นับตั้งแต่รถขุด รถตัก รั้วเหล็ก โล่มนุษย์ ที่มีทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ออกมาตั้งแถวนั่งสมาธิขวางอยู่บนถนน ท่ามกลางแสงแดดและสายฝน มิหนำซ้ำยังมีการเจรจาต่อรองกันเป็นระยะๆ จนดีเอสไอไม่สามารถเข้าไปจับกุมเจ้าอาวาส ผู้ตกเป็นผู้ต้องหาคดียักยอก ฟอกเงิน รับของโจร ของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
พฤติกรรมของบรรพชิตและคฤหัสถ์ที่ต้องอยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของเจ้าอาวาสตามพรบ.ปกครองสงฆ์ดังกล่าวมา แต่เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไม่ยอมปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจที่ตนมีดังปรากฏในพรบ.คณะสงฆ์ ปี ๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม ปี ๓๕ ตามมาตรา ๓๗(๒) และมาตรา ๓๘(๑), (๒) และกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ ๒๔ ปี ๔๑ ข้อ ๔๔ ดังกล่าว
เมื่อพระเทพญาณมหามุนี เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มิได้ทำหน้าที่ตามบทบัญญัติของกฎหมายปกครองคณะสงฆ์ จึงเป็นเหตุให้บรรพชิตและคฤหัสถ์ ได้กระทำการละเมิดกฎหมายอาญา
๑. ความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเหลือเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติกรตามหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘
๒. ความผิดฐานร่วมกันข่มขืนใจพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้จำต้องละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามหมายค้นและหมายจับของศาลอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๙
๓. ความผิดฐานช่วยพระเทพญาณมหามุนี ผู้กระทำความผิด หรือ ผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด ด้วยประการใดๆ เพื่อไม่ให้พระเทพญาณมหามุนี ให้ไม่ต้องถูกจับกุมตามหมายจับของศาลอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๙
๔. ความผิดฐานผู้ใช้ ผู้จ้างวาน ผู้ยุยงส่งเสริม ผู้สนับสนุน ผู้ให้ความช่วยเหลือ ผู้ให้ความสะดวก ให้แก่ผู้กระทำความผิดตามที่กล่าวมาในข้อ ๑ ถึงข้อ ๓. และความผิดฐานเป็นผู้ประกาศ ผู้โฆษณา ผู้เชิญชวน ให้กระทำความผิดตามที่กล่าวมาในข้อ ๑ ถึงข้อ ๓. ข้างต้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๔, มาตรา ๘๕, มาตรา ๘๖ และมาตรา ๘๗
กรรมเป็นเครื่องส่อเจตนา พระเทพญาณมหามุนี ธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดียักยอก ฟอกเงิน รับของโจร จึงเป็นไปได้ว่าเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายจะรู้เห็นเป็นใจและสนับสนุนให้บรรพชิตและคฤหัสถ์ทำการขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ จึงกลายเป็นผู้ละเมิดกฎหมายอาญาดังกล่าวมาทั้งหมด
อีกทั้งในฐานะที่ตนเองมีสถานะเป็นเจ้าพนักงานของรัฐจึงมีความผิดฐาน เป็นผู้ละเมิดกฎหมายอาญามาตรา ๑๕๗
“ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ”
พุทธะอิสระจึงมาร้องทุกข์กล่าวโทษพระเทพญาณมหามุนี เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เป็นผู้มีความผิดตามพรบ.ปกครองคณะสงฆ์และละเมิดประมวลกฎหมายอาญาดังกล่าว ต่างกรรมต่างวาระ หลายมาตรา
จึงร้องขอให้เจ้าพนักงานสอบสวนทำการเรียกตัวเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเข้ามาสอบสวนและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ตามบทกำหนดโทษทางกฎหมายทั้งของพรบ.คณะสงฆ์ และประมวลกฎหมายอาญาดังกล่าวทุกมาตรา
พุทธะอิสระ