บอกแล้วว่า ถ้าอลัชชีไม่สึก พุทธะอิสระคงต้องสึกเอง
๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๙
อัยการเผยไม่เจรจาจับ “พระธัมมชโย” ปรับยุทธวิธีไม่ให้มีปะทะค้นรอบสอง
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม
25 มิถุนายน 2559 18:18 น. (แก้ไขล่าสุด 25 มิถุนายน 2559 18:37 น.)
นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 สำนักการสอบสวน(แฟ้มภาพ)
MGR Online – อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 สำนักการสอบสวน ระบุ ขอหมายค้นวัดพระธรรมกาย รอบ 2 จับพระธัมมชโย ยังไม่ชัดเจนต้องปรับกำหนดวิธีปฏิบัติ เพื่อไม่ให้มีการปะทะ ยันเลยขั้นตอนเจรจาคดีอาญาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว
วันนี้ (25 มิ.ย.) นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 สำนักการสอบสวน ในฐานะพนักงานสอบสวนในคดีพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในข้อหาความผิดฟอกเงิน ร่วมกันสมคบฟอกเงิน และรับของโจร กล่าวถึงการพิจารณาขอหมายค้นวัดพระธรรมกายรอบ 2 ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการกำหนดว่าจะขอหมายค้นวันใด รวมทั้งยังไม่มีการประชุมร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แต่หากขอหมายค้นครั้งนี้ คงต้องมีการประชุมกันอีกเยอะว่าจะกำหนดวิธีปฏิบัติว่าจะใช้แบบไหน เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกัน เช่น การประกาศเขตตรวจค้นบริเวณวัด อาจจะต้องกันประชาชนออกจากวัด และถ้าประชาชนไม่ยอมออกก็ต้องจับกุมต่อไป เนื่องจากขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งอาจต้องใช้เวลา และดูสถานการณ์ว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมหรือไม่
นายขจรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนคิดว่า ดีเอสไอคงมีการวางแผนไว้หลายแผน ดังนั้น ในการขอหมายค้นรอบ 2 จึงไม่น่าจะปล่อยไว้นานเกินไป อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติการครั้งที่ 2 ต้องยกระดับการจับกุมขึ้นเรื่อย ๆ และคงไม่เหมือนเดิม ต้องมีมาตรการขยับจนกว่าจะจับกุมพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายได้ ส่วนกรณีสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม รับเป็นคนกลางในการประสานงาน เพื่อเจรจากับพระธัมมชโยนั้น ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเจรจาอีก เพราะว่าคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญาแล้ว
ด้าน นายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักพุทธฯยังไม่มีการตรวจสอบบัญชีวัดพระธรรมกาย และ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เพราะเห็นว่าเป็นเงินส่วนตัว หากจะตรวจสอบ ต้องรอให้มีข้อเท็จจริงก่อน
https://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx…
—————————————————-
จริงดังที่คุณขจรศักดิ์กล่าว มันเลยขบวนการเจรจาไปแล้ว คดีถูกส่งฟ้องแล้ว
ยังเหลือแต่ผู้ต้องหาหนีหมายศาลเท่านั้นที่พนักงานสอบสวนต้องตามจับตัวมาส่งฟ้องศาลเพียงอย่างเดียว
หากจะมีการเจรจาหรือต่อรองกันอีก ก็มิเท่ากับไปเริ่มต้นใหม่ แล้วผู้ต้องหาที่ส่งฟ้องไปแล้วล่ะจะทำอย่างไร
งานนี้มีแต่จับถอดจีวรนอนคุกอย่างเดียวเท่านั้น หากศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ตามบทกำหนดในพรบ.คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๓๐
“เมื่อจะต้องจำคุก กักขัง หรือขังพระภิกษุรูปใดตามคำพิพากษา หรือคำสั่งของศาลให้พนักงาน เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำพิพากษา หรือคำสั่งของศาลมีอำนาจดำเนินการให้ พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศเสียได้ และให้รายงานให้ศาลทราบถึงการสละสมณเพศนั้น”
เช่นนี้จะไปโทษเจ้าหน้าที่เขาไม่ได้
เพราะเขาให้โอกาสมาหลายครั้งหลายหน ถึงขนาดรับปากว่าจะให้ประกันตัวหากยอมเข้ามาให้ปากคำหรือมอบตัว แต่สันดานโจรที่กลัวเจ้าหน้าที่เลยไม่กล้าสู้หน้า ไม่กล้าสู้ความจริง
มาถึงวันนี้มันสายไปแล้วที่จะเจรจา หมดโอกาสแล้ว และไม่มีใครเขาปิดโอกาสตัวเองนอกจากความวิปริตที่ตนกระทำผิดและกลัวถูกจับได้ถึงไม่ยอมไปให้ปากคำ จึงได้มีวันนี้
พุทธะอิสระสู้มาถึงขนาดนี้ถ้าอลัชชีมันยังใส่จีวรลอยนวลอยู่ได้ พุทธะอิสระก็จะไม่ขออยู่ร่วมกับมันแล้ว
พุทธะอิสระ