โกหกต้องตกนรกนะจ๊ะ

0
141

โกหกต้องตกนรกนะจ๊ะ
๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๙

220659 บทความ โกหกต้องตกนรกนะจ๊ะVoravat Khotchakul ขณะที่ศิษย์วัดพระธรรมกายบางท่าน โพสมุมมองส่วนตัวว่า เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ที่คณะศิษย์สามารถเชื่อมั่นและพึ่งพาได้ ทั้งนี้ โดยวิเคราะห์จากสถานการณ์และกระบวนการที่ผ่านมา ดังต่อไปนี้

(1) การที่ รมว. ยุติธรรมพูดว่า จับได้ต้องสึกสถานเดียว ยังไม่ทันพิสูจน์ความจริงก็โดนจับสึกแล้ว แบบนี้ยุติธรรมไหม ?

(2) การที่คุณไพบูลย์ นิติตะวัน พูดในรายการถามตรงๆ ว่า จับได้ต้องใช้ พรบ.สงฆ์ มาตรา 30 คือจับสึกอย่างเดียว เพราะถ้าจับสึกไม่ได้ คุณไพบูลย์ก็อยู่ไม่ได้ แบบนี้ยุติธรรมไหม ?

(3) การที่ดีเอสไอเชิญทั้งคุณไพบูลย์ นิติตะวัน และนายมโน เลาหวาณิชย์ ไปเป็นที่ปรึกษาวางแผนจับสึก ซึ่งทั้งสองประกาศตนเป็นคู่ปรปักษ์กับวัดพระธรรมกายออกสื่ออย่างชัดเจน แบบนี้ยุติธรรมไหม ?

(4) การที่ดีเอสไอนัดเจรจากับเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี แต่แล้วกลับไปออกรายการทีวีว่า มติการเจรจาไม่มีผลต่อการตัดสินใจของดีเอสไอ แบบนี้จะประชุมทำไม แบบนี้หลอกใช้พระให้มาจับสึกไปติดคุกใช่หรือไม่

(5) พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ สะท้อนให้เห็นว่า ฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ไม่ผิดกฎหมาย ไม่มีใครห้ามปราม แต่อีกฝ่ายหนึ่ง นอนป่วยเฉยๆ อยู่ในวัด ต้องยกกองกำลังมาจับสึกติดคุกให้ได้ … แบบนี้มันยุติธรรมไหม ?

(6) กระบวนการยุติธรรมแบบนี้ มีแต่กับดักอันตราย ไม่ต่างอะไรจากเขียนคำสั่งพิพากษาประหารชีวิตไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ยังไม่มีผู้ต้องหาด้วยซ้ำไป

(7) ระบบกฎหมายที่ไม่มีสิทธิขั้นพื้นฐานในการปกป้องตัวเองแม้กระทั่งยามเจ็บป่วยแบบนี้ ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อย่างแน่นอน
——————————————-
เห็นความวิริยะอุตสาหะของสาวกธรรมกายที่ทุ่มเทกายใจช่วยเจ้าลัทธิอลัชชีที่ตกเป็นผู้ต้องหาหนีหมายศาล
ด้วยสารพัดวิธี สารพัดอุบาย ไม่เว้นแม้แต่จะโป้ปดมดเท็จก็ยอม
ถึงขนาดตั้งประเด็นโกหกเอาไว้ถึง ๗ ประเด็น
พุทธะอิสระขออนุญาตนำความจริงมากระชากหนังหน้าพวกลัทธิอลัชชีนี้ซักหน่อย
——————————————-
(1) การที่ รมว. ยุติธรรมพูดว่า จับได้ต้องสึกสถานเดียว ยังไม่ทันพิสูจน์ความจริงก็โดนจับสึกแล้ว แบบนี้ยุติธรรมไหม ?
——————————————-
ตอบข้อ ๑ ฉันได้ค้นหาข้อมูลตั้งแต่ดีเอสไอทำการสืบสวนและสอบสวนคดีที่เจ้าลัทธิกบลายเป็นผู้ต้องหาหนีหมายศาล
หากเจ้าลัทธิธรรมกายเป็นผู้มีสันดานยอมรับความจริง ไม่ขี้ขลาด ไม่หน้าด้านหลบๆ ซ่อนๆ ออกมาให้ปากคำแต่โดยดี ใครเขาจะไปจับสึกได้
แต่พฤติกรรมของผู้ต้องหาธัมมชโยเป็นที่ประจักษ์ต่อผู้คนในสังคมและพนักงานสอบสวน ว่ามีความพยายามจะหลบหนี หลีกเลี่ยงบ่ายเบี่ยงกระบวนการยุติธรรม มิหนำซ้ำยังให้บริวารออกมาประกาศต่อหน้าชาวโลกว่า
รอให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยเสียก่อน ผู้ต้องหาธัมมชโยจึงจะออกมามอบตัว
ด้วยพฤติกรรมเช่นนี้ หากเจ้าพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการให้ประกันตัวถือว่าถูกต้องชอบธรรมแล้ว
แล้วจะมาโกหก แถกแถ บ่น หาพระแสงอะไร
ใครเป็นต้นเหตุที่ทำให้ต้องออกหมายจับ คิดซิคิด
ไม่มีใครเขาบังคับให้วิปริตปลิ้นปล้อนมิใช่หรือ
เมื่อกล้าที่จะทำผิดแล้ว ทำไมจึงไม่กล้าที่จะรับผลจากความผิดชั่วบาปของตัวเองล่ะ
——————————————-
(2) การที่คุณไพบูลย์ นิติตะวัน พูดในรายการถามตรงๆ ว่า จับได้ต้องใช้ พรบ.สงฆ์ มาตรา 30 คือจับสึกอย่างเดียว เพราะถ้าจับสึกไม่ได้ คุณไพบูลย์ก็อยู่ไม่ได้ แบบนี้ยุติธรรมไหม ?
——————————————-
ตอบข้อ ๒ สรุปว่าคุณไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นผู้พิพากษาหรือพนักงานสอบสวนหรือ การที่เขาพูดก็พูดเพราะพฤติกรรมของเจ้าลัทธิธรรมกายมันเข้าข่ายในข้อกฎหมายที่จะให้ศาลหรือเจ้าพนักงานพิจารณาได้ว่า เป็นพฤติกรรมความวิปริตผิดชั่วของเจ้าลัทธิที่ทำให้เป็นที่ประจักษ์แก่สังคม
หากจับได้แล้ว ขืนปล่อยให้ประกันตัวคงจะต้องหลบหนีเป็นแน่ และสิ่งที่เขาพูดก็พูดตามบทบัญญัติของข้อกฎหมาย ทั้งประมวลกฎหมายอาญา และพรบ.ปกครองคณะสงฆ์
อย่าว่าแต่คุณไพบูลย์ นิติตะวันเลย แม้เด็กอนุบาลเขายังสนับสนุนให้จับอลัชชีชั่วตัวนี้ถอดจีวรนอนคุกเลย
——————————————-
(3) การที่ดีเอสไอเชิญทั้งคุณไพบูลย์ นิติตะวัน และนายมโน เลาหวาณิชย์ ไปเป็นที่ปรึกษาวางแผนจับสึก ซึ่งทั้งสองประกาศตนเป็นคู่ปรปักษ์กับวัดพระธรรมกายออกสื่ออย่างชัดเจน แบบนี้ยุติธรรมไหม ?
——————————————-
ตอบข้อ ๓ การที่ดีเอสไอเขาเชิญตัวคุณหมอมโนเข้าไปปรึกษาในกรณีจะออกหมายจับหมายค้น ก็เพราะคุณหมอมโนเป็นคนที่รู้ภูมิประเทศ และรู้ที่ตั้งผู้มีลำเนาที่อยู่อาศัยของผู้ต้องหาหนีหมายศาล ดีเอสไอเขาจึงเชิญตัวคุณหมอมโนเข้าไปให้ปากคำเพื่อความถูกต้องแม่นยำในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งก็เป็นปกติธรรมดาของทุกๆ คดี ว่าหากมีพยานรู้เห็น เจ้าพนักงานสอบสวนก็ต้องเชิญตัวมาให้ข้อมูล มันจะผิดตรงไหน
แต่ไม่มีใครเคยเห็นว่าดีเอสไอเชิญตัวคุณไพบูลย์ นิติตะวัน เข้าไปปรึกษาในกรณีออกหมายจับหมายค้นเลย
ถ้าจะโกหกก็ควรทำให้เนียนกว่านี้หน่อย อย่าเอามันอย่างเดียว เดี๋ยวจะเจอข้อหานำความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
——————————————-
(4) การที่ดีเอสไอนัดเจรจากับเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี แต่แล้วกลับไปออกรายการทีวีว่า มติการเจรจาไม่มีผลต่อการตัดสินใจของดีเอสไอ แบบนี้จะประชุมทำไม แบบนี้หลอกใช้พระให้มาจับสึกไปติดคุกใช่หรือไม่
——————————————-
ตอบข้อ ๔ ขอถามพวกสาวกทาสธรรมกายทุกคนว่า ถ้าหากพวกคุณมีคดีฟ้องร้องกล่าวหาฉัน แล้วเจ้าหน้าที่มีหมายเรียกจนกระทั่งศาลมีหมายจับ แต่ฉันใช้มุขเดียวกับเจ้าลัทธิอลัชชีของพวกคุณ เพื่อเตะถ่วงหน่วงเหนี่ยวไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสร้างเงื่อนไขสารพัด แม้ขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวน และมีข้อแม้ว่าต้องให้ประกันตัวในทันที
หากคุณเป็นเจ้าทุกข์ แล้วถูกผู้ต้องหาแสดงพฤติกรรมเช่นนี้กับคดีของคุณ พวกคุณจะรู้สึกอย่างไร
และหากเจ้าพนักงานสอบสวนทำตามข้อเรียกร้องของผู้ต้องหา แล้วผู้ต้องในคดีอื่นๆ เขาจะทำเช่นนั้นบ้าง สังคมนี้มันจะอยู่กันอย่างไร
ระบบนิติรัฐ นิติธรรม จะไม่ถูกผู้ต้องหาหนีหมายศาลเพียงคนเดียวทำลายจนย่อยยับกระนั้นหรือ
ไหนว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรมขั้นสูง แล้วทำไมแค่สำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ไม่เห็นแก่ตัวแค่นี้ พวกคุณทำไม่ได้เลย แล้วจะไปนิพพาน แค่หัวตะพานก็ขึ้นให้ได้ก่อนเถิด
——————————————-
(5) พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ สะท้อนให้เห็นว่า ฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ไม่ผิดกฎหมาย ไม่มีใครห้ามปราม แต่อีกฝ่ายหนึ่ง นอนป่วยเฉยๆ อยู่ในวัด ต้องยกกองกำลังมาจับสึกติดคุกให้ได้ … แบบนี้มันยุติธรรมไหม ?
——————————————-
ตอบข้อ ๕ ไอ้พฤติกรรมขี้เท็จใส่ร้ายโดยไม่มีมูลความจริงนี่ระวังจะถูกชวนมาพิสูจน์ความจริงในชั้นศาลนะ
อย่าเอาฮา เอาแค่มันสะใจที่ได้พูด แต่ต้องมาตายเพราะปากตัวเอง แน่จริงก็พูดออกมาให้ชัดๆ เลยว่า “ใครทำอะไรไม่ผิดกฎหมาย” อย่ามโน ละเมอ แล้วสำรากออกมาโดยหาหลักฐานพิสูจน์ไม่ได้
ส่วนไอ้ที่บอกว่านอนป่วยเฉยๆ อยู่ในวัดยังยกกำลังมาจับสึก
คนมืดบอด ไม่ว่ากี่ภพกี่ชาติมันก็มืดบอด ต่อให้ขี้กอวอยู่ตรงหน้ามันก็มองว่าเป็นกองทอง
หากโง่นักจะบอกให้รู้ก็ได้ว่า ไอ้คนที่มันนอนป่วยเฉยๆ อยู่นั้น มันเป็นผู้ต้องหาหนีหมายศาลในคดีฉ้อโกง ฟอกเงิน รับของโจร มีผู้เสียหายจำนวนหลายหมื่นคน
แล้วมันหนีหมายศาล แถมยังปฏิเสธอำนาจศาลด้วยการออกมาบอกว่า รอให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยก่อนแล้วจะออกมามอบตัว
คนที่เขามีสำนึกละอายชั่วกลัวบาป เขาจะไม่กล้าพูดเช่นนี้ดอก ที่ทำได้ พูดได้ ต้องเป็นพวกเผ่าพันธุ์ที่หนาพิเศษจริงๆ
——————————————-
(6) กระบวนการยุติธรรมแบบนี้ มีแต่กับดักอันตราย ไม่ต่างอะไรจากเขียนคำสั่งพิพากษาประหารชีวิตไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ยังไม่มีผู้ต้องหาด้วยซ้ำไป
——————————————-
ตอบข้อ ๖ ที่พวกคุณบอกว่า กระบวนการยุติธรรมแบบนี้ มีแต่กับดักอันตราย ไม่ต่างอะไรจากการเขียนคำสั่งพิพากษาประหารชีวิตไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ยังไม่มีผู้ต้องหาด้วยซ้ำไป
ดู ดู๊ ดู ดูเขาแถ พวกคุณรู้ไหว่า ไอ้ที่พวกคุณพูด พวกคุณเขียนมาเช่นนี้ มันคือการดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๙๘ เป็นการละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐-๓๒ หรือเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๖
หากอยากรู้ว่าจริงหรือไม่เดี๋ยวพุทธะอิสระจะนำหลักฐานไปร้องต่อศาล ให้ศาลท่านพิจารณาว่าข้อความนี้ละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เคไหม
——————————————-
(7) ระบบกฎหมายที่ไม่มีสิทธิขั้นพื้นฐานในการปกป้องตัวเองแม้กระทั่งยามเจ็บป่วยแบบนี้ ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อย่างแน่นอน
——————————————-
ตอบข้อ ๗ ไม่มีใครเขาไปละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ต้องหาที่ป่วยดอกเพราะหากเจ็บป่วยจริง เจ้าพนักงานสอบสวนจะต้องเป็นผู้ส่งตัวให้ไปรับการรักษา ณ สถานพยาบาลของรัฐทุกรายอยู่แล้ว
และก็มีตัวอย่างเช่น ผู้ต้องที่อยู่ในเรือนจำ ก็ยังสามารถได้รับสิทธิในการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลของรัฐ ที่เจ้าหน้าที่เห็นว่าเหมาะสม และอยู่ในความควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่
แต่ในรายของเจ้าลัทธิอลัชชีที่เป็นผู้ต้องหา พยายามใช้อภิสิทธิ์เหนือกว่าผู้ต้องหาคนอื่นๆ ในระเทศนี้
ทั้งที่พนักงานสอบสวนเขาก็เปิดโอกาสจะส่งแพทย์จากส่วนกลางเข้าไปให้การตรวจรักษา สุดท้ายกลับถูกปฏิเสธ แม้ทีมแพทย์ที่แพทยสภาจะส่งไปรับการรักษา ทั้งที่ทำทีมีหนังสือไปขอเขาเอง แต่พอเขาจะส่งไปตรวจรักษาจริงๆ กลับออกมาบอกว่าไม่ต้องมาตรวจเฉยเลย
แล้วจะมาโวยวายอะไร
เอาอย่างนี้ดีกว่า ลองอ่านคำแถลงการณ์ของดีเอสไอเขาดูบ้างเพื่อหูตาจะสว่างขึ้น
พุทธะอิสระ