ผลไม้พิษที่ถูกหนอนกินจนเน่าใน ผลนี้ทำไมถึงยังไม่ล่วงลงสู่พื้นเสียที

0
107

ผลไม้พิษที่ถูกหนอนกินจนเน่าใน ผลนี้ทำไมถึงยังไม่ล่วงลงสู่พื้นเสียที
๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๙200659-บทความ-ผลไม้พิษที่ถูกหนอนกินจนเน่าใน
เป็นอีกวันที่ต้องแบกสังขารที่เจ็บไข้ออกไปทำหน้าที่ของพุทธบุตรที่ดี ด้วยการไป

ร้องทุกข์กล่าวโทษ
พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย ได้กระทำความผิดล่วงละเมิดพระธรรมวินัย
สิกขาบทที่๔ ว่าด้วยภิกษุกล่าวอวดอุตรมนุสธรรมที่ไม่มีในตน ต้องอาบัติปาราชิก
เนื่องจาก – อวดว่าตนเองรู้ว่าสตี๊ฟ จ๊อบ ตายแล้วไปเกิดที่ใด
– เผยแพร่คำสอนนอกพระธรรมวินัย
– เผยแพร่คำสอนให้คนยึดติดในผลของการบริจาค เช่น กรณีค้อนสวรรค์
– เผยแพร่คำสอนด้วยการกล่าวตู่ พระพุทธเจ้าไม่รู้จักมาร
– ชักชวนให้ผู้คนร่วมทำบุญเป็นจำนวนมาก ด้วยการผ่อนส่งเงินทำบุญ
ทั้งยังมีการทวงเงินทำบุญประจำทุกเดือน
การกระทำของพระธัมมชโย นอกจากต้องอาบัติตามสิกขาบทที่ ๔
ยังมีความผิดต่อกฎหมาย กฎมหาเถรสมาคม ดังนี้
– กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ.๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ข้อที่ ๔๔ , ข้อที่ ๕๔ , ข้อที่ ๕๖ คือ ล่วงละเมิดจริยาพระสังฆาธิการ คือ ไม่เอื้อเฟื้อต่อกฎหมายบ้านเมือง มีพฤติการณ์หลบหลีกหนีหมายจับของศาลอาญาในคดีฉ้อโกง ร่วมกันฟอกเงิน และ ร่วมกันรับของโจร ดังที่ปรากฎเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้
– พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พุทธศักราช ๒๕๓๕ มาตรา ๓๗ (๒) , มาตรา ๓๘ (๑) , มาตรา ๔๕
– กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ.๒๕๓๖) ข้อที่ ๒๘ และ ขาดคุณสมบัติการเป็นพระอุปัชฌาย์ ตามข้อ ๘(๘) คือ เป็นผู้ไม่สามารถทำอุปสมบทกรรมให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย
เจ้าคณะใหญ่หนกลาง , เจ้าคณะภาค ๑ และ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ในฐานะผู้บังคับบัญชาเหนือพระเทพญาณมหามุนี ตามลำดับชั้น ชอบที่จะใช้อำนาจตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ.๒๕๔๑) ข้อ ๕๔ (๑) ถอดถอนพระธัมมชโย ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายและพระอุปัชฌาย์ หรือ พักการทำหน้าที่ไว้ก่อน เพื่อป้องกันความเสียหาย
ที่เกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนาโดยเร่งด่วน พร้อมทั้งกับการมีคำสั่งห้ามหรือหยุดเผยแพร่คำสอนที่วิปริตเหล่านั้น
ด้วยเหตุที่การกระทำความผิดของพระธัมมชโยเป็นความผิดขั้นครุกาบัติ จึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินนิคหกรรม ตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ.๒๕๒๑) ว่าด้วยการลงนิคหกรรม
ส่วนพระเทพรัตนสุธี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต ในฐานะเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี มีหน้าที่โดยตรงในการบังคับบัญชาพระธัมมชโย กลับเพิกเฉยไม่ใช้อำนาจตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๓ (พ.ศ.๒๕๔๑) ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ ข้อที่ ๗ และ กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ.๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ข้อที่ ๕๒ ที่ได้ให้อำนาจเจ้าคณะจังหวัดปทุม สั่งการให้พระธัมมชโยปฎิบัติตามจริยาโดยเคร่งครัดได้ คือ ให้เอื้อเฟื้อต่อกฎหมายบ้านเมือง เอื้อเฟื้อต่อการทำงานของพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ เอื้อเฟื้อต่อกระบวนการยุติธรรม คือ มีอำนาจสั่งการให้พระธัมมชโยมอบตัวตามมหมายจับของศาลอาญา แต่กลับเพิกเฉย จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ และ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่๒) พุทธศักราช ๒๕๓๕ มาตรา ๔๕ ที่บัญญัติให้พระธัมมชโยและเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มีหน้าที่ต้องปฎิบัติตามกฎหมายอาญาอย่างเคร่งครัด อีกทั้งยังปล่อยปละละเลยให้พระธัมมชโยกระทำการล่วงละเมิดพระธรรมวินัยมานานหลายปี
การกระทำของพระเทพรัตนสุธี เป็นการละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ล่วงจริยาพระสังฆาธิการ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่พระพุทธศาสนาและทำลายศรัทธาของพุทธบริษัท เมื่อมีผู้ฟ้องร้องกล่าวโทษตามกฎนิคหกรรม จักต้องได้รับการพิจารณาสอบพยานหลักฐานและสอบปากคำพยานโจทก์ พยานจำเลย ให้แล้วเสร็จโดยไม่ชักช้า
—————————————————–
วันนี้พุทธะอิสระจึงต้องเดินทางมาพบสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เพื่อขอความกรุณาโปรดทำหน้าที่ผู้ปกครองคณะสงฆ์ในหนกลางตามบทบัญญัติของกฎหมาย
ดุจดังสมเด็จพระมหาธีราจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม อดีตเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ได้เคยมีคำสั่งทางการปกครองสั่งให้ธัมมชโยออกมามอบตัวต่อเจ้าพนักงานกองปราบมาแล้วเมื่อปี ๔๒
เมื่อเจ้าพระคุณอาจารย์ของสมเด็จหนกลางองค์ปัจจุบันได้เคยใช้อำนาจทางการปกครองเข้ามาระงับยับยั้งอธิกรณ์ที่ทำให้เกิดความเสียกายแก่พระธรรมวินัยและความเสียหายแก่บ้านเมืองมาแล้ว
วันนี้กงล้อของเหตุการณ์นั้นได้หมุนวนย้อนกลับมาถึงพระเดชพระคุณท่านอีกครั้ง
กระผมจึงใคร่ขอฝากกราบเรียนท่านเจ้าคุณเลขา ได้โปรดกรุณานำเรียนปัญหาที่เกิดขึ้นถวายรายงายให้แก่ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จได้โปรดพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ พระเดชพระคุณท่านมี
เพื่อบรรเทาความแตกแยกของผู้คนในชาติ ระงับความเสียหายอันจักพึงบังเกิดแก่พระธรรมวินัยและคณะสงฆ์
ทั้งยังช่วยเปลื้องความกังขาสงสัยในหมู่มหาชนที่ต่างพากันคลางแคลงใจว่าคณะสงฆ์ไทยปกป้องคนผิด ที่ตกเป็นผู้ต้องหาฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ รับของโจร และย่ำยีพระธรรมวินัย กล่าวตู่พระพุทธเจ้า ต้องอาบัติปาราชิกในสิกขาบทที่ ๒ ข้อลักทรัพย์ยักยอกทรัพย์ และสิกขาบทที่ ๔ อวดอุตริมนุสธรรม
หากวันนี้เจ้าพระคุณสมเด็จหนกลาง ในฐานะเจ้าคณะปกครองสูงสุดของคณะสงฆ์ภาคกลางยังนิ่งเฉย มิใยดี ไม่อาทรต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้
กระผมเกรงว่าสังคมเขาจะตำหนิโทษแก่เจ้าคณะปกครองและอาจกระทบกระเทือนต่อศรัทธาของพุทธบริษัทที่มีต่อสังฆมณฑลได้
กระผมจึงมากราบขอความกรุณาต่อพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณเลขาได้โปรดกรุณานำเรียนข้อเรียกร้องและร้องทุกข์กล่าวโทษของกระผม ถวายแด่พระพระเดชพระคุณท่านเจ้าพระคุณสมเด็จหนกลางด้วย ให้ดำเนินการใช้อำนาจการปกครองสั่งให้ธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายออกมามอบตัวสู้คดีแก่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ รวมทั้งคาดโทษว่าหากไม่ยินยอมออกมามอบตัว จะต้องถูกจับสึกฐานขัดขืนคำสั่งเจ้าคณะปกครอง
กระผมจึงกราบอาราธนาพระเดชพระคุณได้โปรดพิจารณาเปลื้องความมืดมนกังขาของสังคม เพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองและสังฆมณฑลสืบไป
พุทธะอิสระ