หรือพระธรรมวินัย กฎหมายบ้านเมือง จะสำคัญน้อยกว่าธัมมชโย

0
165

หรือพระธรรมวินัย กฎหมายบ้านเมือง จะสำคัญน้อยกว่าธัมมชโย
๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๙
190659-บทความ-หรือพระธรรมวินัย-กฎหมายบ้านเมือง
เห็นข่าวว่ามีบรรดาภิกษุสงฆ์จากจังหวัดต่างๆ พากันเดินทางมามอบกระเช้าดอกไม้ให้กำลังใจกับผู้ต้องหาหนีหมายจับในคดีฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงินและรับของโจร
เหล่านี้คือข้อกล่าวหา เจ้าพนักงานสอบสวนเขาก็ยังไม่ได้บอกว่าเจ้าลัทธิธรรมกายผิด
คนปกติเมื่อไม่ได้ทำผิด ไม่วิปริต ไม่มีสันดานโจร ก็จะต้องเดินทางเข้าไปหาพนักงานสอบสวนเพื่อแก้ข้อกล่าวหา นำหลักฐานประจักษ์พยานไปหักล้างข้อกล่าวหาของเจ้าหน้าที่เพื่อพิสูจน์ความจริงให้เป็นที่ประจักษ์
เหมือนที่พุทธะอิสระเดินทางเข้าไปหาพนักงานสอบสวนที่จังหวัดปทุม เพื่อให้ปากคำแก้ข้อกล่าวหาที่สาวกธรรมกายไปแจ้งความจับพุทธะอิสระในข้อหาละเมิด
เมื่อนำหลักฐานประจักษ์พยานไปชี้แจงแก่เจ้าพนักงานสอบสวนจนสามารถหักล้างคำกล่าวหาได้ พนักงานสอบสวนก็สรุปสำนวนเสนออัยการเพื่อพิจารณาสั่งไม่ฟ้อง เท่านี้เรื่องก็จบ
แต่ถ้าเป็นคนทำผิด และรู้ว่าตนเองผิด มีสันดานโจรโดยสายเลือด อย่าว่าแต่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเลย แค่เห็นรถตำรวจวิ่งผ่าน มันก็วิ่งหนีแล้ว
ด้วยพฤติกรรมเช่นนี้ โบราณเขาถึงได้เรียกว่า “พวกวัวสันหลังหวะ” พอเห็นแมลงวันบินมามันก็สะดุ้งแล้ว
และพฤติกรรมของเจ้าลัทธิธรรมกายก็ไม่ได้แตกต่างจากสิ่งที่กล่าวมาเลย เพราะปฏิเสธ บ่ายเบี่ยง ต่อรอง เล่นเล่ห์เหลี่ยมทางกฎหมาย และใช้พวกมากมาข่มขู่เจ้าหน้าที่รัฐผู้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ไม่ได้ต่างอะไรกับโจรห้าร้อย ที่ใช้พวกมากมาข่มขู่เจ้าหน้าที่และผู้บริสุทธิ์ อีกทั้งยังให้บริวารตระเวนปล่อยข่าวว่าถูกกลั่นแกล้ง ถูกใส่ร้าย ถูกยัดเยียดข้อกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม
แถมยังลามปามไปว่า หากกฎหมายสามารถเอาผิดกับเจ้าลัทธิธรรมกายได้ คิวต่อไปก็คือภิกษุทุกรูปที่รับเงินบริจาคจากชาวบ้าน
นี่ก็มีข่าวว่ามหาเศรษฐีระดับเจ้าสัว ออกมาประกาศระดมสาวกธรรมกายให้เดินทางเข้ามาสำนักธรรมกาย โดยอ้างว่ามาปฏิบัติธรรมให้ได้จำนวนคนเป็นล้านหรือมากันทั้งประเทศยิ่งดี หลวงพ่อมีความหมายต่อพวกเรามาก ไม่มีหลวงพ่อไม่มีเรา
ช่วงหนึ่งเจ้าสัวบุญชัยกล่าวว่า “มาช่วยกัน เรื่องนี้มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด และอีกช่วงหนึ่งยังกล่าวว่า ให้พ้นมลทินจากการถูกใส่ร้าย เรียนเชิญนะครับ ผมจะรอทุกท่านอยู่”
ดูท่างานนี้จะมีเศรษฐีตกเป็นจำเลยข้อหาขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และฝ่าฝืนคำสั่งศาลอีกคนแล้วล่ะดีเอสไอ
พูดไปได้ ใช้ตรรกะอะไรคิด
การที่ดีเอสไอเขากล่าวหาเจ้าลัทธิธรรมกายในข้อหาฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน รับของโจร
ก็เพราะไวยาวัจกรของสำนักธรรมกาย คือนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ซึ่งเป็นประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ได้มีพฤติกรรมทำหน้าที่โดยมิชอบ ยักยอกทรัพย์สินและเงินฝากของชาวบ้าน ๕๐,๐๐๐ กว่าราย เสียหายรวมกว่า ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
มีผู้เสียหายไปแจ้งความแก่ดีเอสไอ เขาจึงสอบสวนจากหลักฐานการเบิกจ่ายเงินที่หายไปจากบัญชีของสหกรณ์ นั่นคือเช็คสั่งจ่ายของสหกรณ์ โดยนายศุภชัยจ่ายให้แก่เจ้าลัทธิธรรมกายและพวก
ดีเอสไอเขาสืบค้นต่อไปจนกระทั่งรู้ว่า เงินที่นายศุภชัยนำไปให้แก่เจ้าลัทธิธรรมกายและพวกนั้น เป็นเงินที่ยักยอกมาจากเงินฝากของชาวบ้านที่เขามาฝากกินดอกเบี้ย
ซึ่งก็ไม่ใช่เงินบาทสองบาท จากหลักฐานเช็คสั่งจ่ายระบุการบริจาคเงินไปยังวัดพระธรรมกาย พระลูกวัด รวมถึงบัญชีของพระธัมมชโยด้วย เป็นเงินกว่า ๒,๐๐๐ ล้านบาท (เฉพาะเช็คที่มอบให้ธัมมชโยรวมเป็นเงินกว่า ๑,๔๐๐ ล้านบาท)
ตามบทบัญญัติของพระวินัยสิกขาบทที่ ๒ ภิกษุลักทรัพย์เกิน ๕ มาสก ต้องอาบัติปาราชิก
เงินที่เจ้าของแท้จริงเขาไม่ได้ให้ แต่มีผู้นำเงินนั้นไปให้แก่ภิกษุ ภิกษุรู้อยู่ว่าเงินนี้มีเจ้าของ และเจ้าของเงินเขามิได้ให้ เจ้าของเงินเขายังไม่ได้ทอดธุระ ยังติดตามทวงถามฟ้องร้องเพื่อเรียกเอาเงินของเขาคืน
เมื่อภิกษุผู้รับเงินนั้นมาและรู้อยู่ว่ามีผู้มาแสดงความเป็นเจ้าของมาขอทวงคืน ภิกษุนั้นยอมคืนเงินให้โดยดี ถือว่าไม่เป็นอาบัติอะไร
แต่ถ้าภิกษุนั้นไม่ยินยอมคืนเงินให้แก่เจ้าของโดยดี แถมยังท้ายทายว่าหากอยากได้ก็ให้ไปฟ้องร้องเอา พอเขาไปฟ้องร้องทวงเงินของเขาจริงๆ เจ้าลัทธิธรรมกายก็ส่งทนายมาเจรจายอมคืนเงินให้ โดยมีเงื่อนไขว่าจะไม่ฟ้องร้อง
เมื่อกรรมการบริหารสหกรณ์ไปทำสัญญา แต่ผู้เสียหายเขาไม่ได้ทำสัญญาด้วย เขาจึงมีสิทธิฟ้องร้อง อีกทั้งเงินที่เจ้าลัทธิธรรมกายเอามาคืนก็เป็นเงินเรี่ยไรขอจากสาวกของตนแล้วนำมาผ่อนจ่ายให้ และยังไม่ครบอีกต่างหาก
ลักษณะเช่นนี้ เข้าในลักษณะการถือเอาทรัพย์ในข้อ “ยักยอก”
ได้แก่ภิกษุผู้มีหน้าที่รักษาคลัง ทำบัญชีหรือควบคุมทรัพย์ของวัด แล้วยักยอกทรัพย์นั้นมาเป็นของตน
อาบัติปาราชิกพึงมีแก่ภิกษุผู้ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ ด้วยอาการของอวหาร ๕ อย่างคือ
๑. ทรัพย์อันผู้อื่นหวงแหน
๒. มีความสำคัญว่าทรัพย์อันผู้อื่นหวงแหน
๓. ทรัพย์มีค่ามากได้ราคา ๕ มาสก หรือเกินกว่า ๕ มาสก
๔. ไถยจิตปรากฏขึ้น
๕. ภิกษุลูบคลำ ต้องอาบัติทุกกฏ ทำให้ไหว ต้องอาบัติถุลลัจจัย ให้เคลื่อนจากฐาน ต้องอาบัติปาราชิก ๑
ส่วนการเจรจายินยอมคืนเงินนั้น โดยพฤติการณ์เช่นนี้ก็เพื่อจะบรรเทาโทษเท่านั้น หาได้มีเจตนาอันบริสุทธิ์ที่จะคืนเงินนั้นให้จริงไม่ อีกทั้งยังปิดบังไม่ยอมคืนเงินส่วนที่เหลือดังปรากฏตามหลักฐานที่ดีเอสไอสืบค้นได้ในภายหลัง
เจ้าพนักงานสอบสวนผู้ได้รับแจ้งความจึงมีความเห็นว่าเข้าข่ายยักยอกทรัพย์ ฉ้อโกง ฟอกเงิน และรับของโจร เขาจึงแจ้งความกล่าวหาให้เจ้าลัทธิธรรมกายเข้ามาแก้ข้อกล่าวหา
แต่แทนที่เจ้าลัทธิจะแสดงความบริสุทธิ์ใจเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหา และให้ปากคำแก่เจ้าพนักงานสอบสวน กลับให้สาวกบริวารออกมาบิดเบือน โวยวายว่าถูกใส่ร้าย ถูกยัดเยียดข้อกล่าวหา แล้วก็สร้างเงื่อนไขสารพัด ต่อรองประวิงเวลาไปเรื่อยๆ
จนศาลอนุมติหมายจับและหมายค้น พอเจ้าหน้าที่จะเข้าไปแสดงหมายค้นหมายจับ ก็ให้บริวารออกมาประกาศว่ารอให้บ้านเมืองเข้าสู่สภาวะปกติ เป็นประชาธิปไตยก่อนจึงจะมอบตัว
ผู้ต้องหาที่ละเมิดทั้งทางพระธรรมวินัยถึงขั้นปาราชิก
และละเมิดกฎมายปกครองคณะสงฆ์ จนผิดจรรยาของพระสังฆาธิการอย่างร้ายแรง
ละเมิดกฎหมายปกครองราชอาณาจักรไทย
ละเมิดอำนาจศาล
คนอย่างนี้น่ะหรือ ที่พวกคุณพระทั้งหลายต้องชักแถวออกมาให้กำลังใจ
คนที่ไม่มีความกล้าหาญทางจริยธรรม ขาดจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและความทุกข์ยากลำบากของผู้อื่น
เป็นผู้ที่ไม่สามารถทนต่อการพิสูจน์เช่นนี้ล่ะหรือที่ประชาชนควรจะปกป้อง
และพระธรรมวินัย พรบ.ปกครองคณะสงฆ์ กฎหมายบ้านเมือง กระบวรการยุติธรรมไทย ที่ถูกย่ำยี ระบบนิติรัฐนิติธรรมของแผ่นดินที่ถูกละเมิดล่ะ พวกท่านไม่คิดจะออกมาปกป้องกันบ้างหรือ
หรือในสายตาของพวกท่านเห็นบุคคลสำคัญกว่าพระธรรมวินัยและกฎหมายปกครองบ้านเมืองและหลักการกติกาสังคมกระนั้นหรือ
ช่างน่าสงสารประเทศไทยจริงๆ
พุทธะอิสระ