ช้าๆ ได้พร้าพันเล่มงาม
๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๙
หลังจากดีเอสไอไม่สามารถจับตัวผู้ต้องหาหนีหมายศาลมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้เพราะถูกขัดขวางจากบรรดาสาวกของเจ้าลัทธิอลัชชี
จึงล่าถอยออกมาพร้อมแถลงว่าจะดำเนินคดีกับผู้ที่ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๘๙
“ผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทําความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทําความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พํานักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้ นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ”
และการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดซึ่งหน้าตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๘๐
“ที่เรียกว่าความผิดซึ่งหน้านั้น ได้แก่ความผิดซึ่งเห็นกําลังกระทําหรือพบในอาการใดซึ่งแทบจะไม่มีความสงสัยเลยว่าเขาได้กระทําผิดมาแล้วสดๆ”
เมื่อเป็นการกระทำผิดซึ่งหน้า เจ้าพนักงานก็สามารถจับกุมคนที่ขัดขวางหมายศาลและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มาดำเนินคดีได้ทันทีโดยไม่ต้องออกหมายเรียกหรือขอให้ศาลออกหมายจับอีก
ปฏิกิริยาทางสังคมที่มีต่อผู้ใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย และต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอบางพวกก็ให้กำลังใจ หลายกลุ่มก็รู้สึกผิดหวัง ตำหนิว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอกำลังเล่นละคร ลำเอียง เลือกปฏิบัติ ปล่อยให้ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับต่อรองสร้างเงื่อนไขอยู่ได้ไม่จบไม่สิ้น
จนสุดท้ายพวกผู้ต้องหาก็งัดมุกรอให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยเสียก่อนจึงจะเข้ามอบตัวออกมาใช้ ด้วยข้ออ้างที่ว่าคดีนี้ยังมีอายุความอีกหลายปี ไม่เห็นจำเป็นต้องรีบร้อนดำเนินคดีเช่นนี้ก็ได้
สิ่งที่สาวกธรรมกายออกแถลงการณ์มานั้น โดยเนื้อแท้ก็คือแถลงการณ์ของธัมมชโยนั่นเอง เพราะเขาคิดมาตลอดว่าเมื่อใดที่มีการเลือกตั้ง เมื่อใดที่พวกพ้องสาวกของเขาที่เป็นนักการเมืองที่เขาเคยอุปถัมภ์ค้ำชูกันมาได้รับการเลือกตั้ง
ย่อมสามารถปัดเป่าคดีของเจ้าลัทธิได้เหมือนดังที่นายทักษิณเคยช่วยปัดเป่าคดีเขามาแล้วในปี ๔๒ ในขณะที่เจ้าลัทธินี้พยายามปฏิเสธมาตลอดว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับพรรคการเมืองไหน
แต่พอเข้าตาจนเห็นว่าจะไม่รอดคุก ก็ให้ลูกศิษย์ออกมาบอกว่ารอให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยก่อน นี่แสดงว่าเจ้าลัทธิธรรมกายมั่นใจเกินร้อยว่าถ้ามีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ เขารอดตายแน่
แม้จะเป็นคำพูดของพวกที่คิดว่าพวกตนเป็นผู้วิเศษ มีอภิสิทธิ์มากกว่าคนทั่วไปก็ตามที
แต่สังคมบางกลุ่มก็ยังจะตำหนิดีเอสไออยู่ดี
ฉันจึงอยากอธิบายให้ท่านทั้งหลายได้เข้าใจถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอที่ไม่เร่งรัดในการบุกเข้าไปจับกุมตัวผู้ต้องหาธัมมชโยก็เพราะ
๑. เขาไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสีย เลือดตกยางออก เพราะทุกคนเป็นพี่น้องคนไทยด้วยกันทั้งนั้น
๒. เป็นโอกาสดีที่จะทำให้สาวกธรรมกายได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเจ้าลัทธิว่าเป็นคนเช่นไร ทั้งที่ข้อกล่าวหาก็เกิดจากหลักฐานเช็คธนาคารและเป็นความผิดเฉพาะตน หาได้เกี่ยวกับส่วนรวมไม่ แต่กลับไม่ยอมรับในความผิดของคนไม่ยอมรับการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ และกระบวนการทางกฎหมายของบ้านเมือง
เรื่องเช่นนี้จำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อทำให้สังคมได้เข้าใจในข้อเท็จจริง และเผยแพร่ข้อเท็จจริงให้แพร่หลาย สามารถชี้ให้สาวกธรรมกายที่มีอยู่จำนวนมาก มีความเข้าใจที่ถูกต้องในหลักพระธรรมวินัยและกฎหมายบ้านเมือง
๓. การที่จะทำให้คนที่หลงเชื่อ หลงศรัทธา ในความวิปริตสอนผิดของเจ้าลัทธิที่อวดอ้างตนเองเป็นต้นธาตุต้นธรรมผู้อวตารลงมาปราบ เป็นผู้วิเศษเหนือพระพุทธเจ้า ซึ่งเจ้าลัทธิธรรมกายพยายามครอบงำสาวกมานานปี ให้กลับมาเป็นสัมมาทิฏฐิ
จำเป็นต้องใช้เวลาอธิบายให้เข้าใจความจริงที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก หลักธรรมวินัย พวกสาวกทั้งหลายจะได้ถอนความยึดถืองมงายให้หมดสิ้นไปจากวิธีคิดของตน
ความล่าช้าครั้งนี้กลับกลายเป็นผลดี สามารถทำให้ลัทธิธรรมกายแสดงตัวตนที่แท้จริงของเขาออกมาให้สังคมได้รับรู้ สังคมจะได้เข้าใจชัดแจ้งเสียทีว่าที่ผ่านมาเป็นแค่การสร้างภาพให้ดูดีเท่านั้น แท้จริงแล้วเจ้าลัทธิธรรมกายเป็นอลัชชีตัวพ่อทีเดียวแหละ
ฉะนั้น บรรดากองเชียร์ทั้งหลายทั้งฝ่ายธรรมกายและฝ่ายดีเอสไอ ควรจะต้องตั้งสติระลึกให้ได้ ทำความรู้จริงให้แจ่มชัดในทุกประเด็นของปัญหา อย่ามั่วมัวเมา หลงผิด คิดผิด ทำผิด พูดผิด จักกลายเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม
ใช้วิกฤติครั้งนี้ค้นหาศึกษาความรู้ในพระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเพิ่มเติมจากพระไตรปิฎกของสยามรัฐ (ไม่ใช่ของลัทธิธรรมกาย)
และควรจะค้นคว้าศึกษาข้อกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน รับของโจร ให้เข้าใจ จักได้ไม่หลงผิด เข้าใจผิด
พบปะผู้ไม่รู้ ไม่เข้าใจ ก็ช่วยอธิบายให้เขาเข้าใจ สังคมไทยจะได้ฉลาด สะอาด สว่าง มากขึ้น
พุทธะอิสระ