บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น
ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้ผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้รับผลชั่ว
๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๙
อะถะ ปาปานิ กัมมานิ กะรัง พาโล นะ พุชฌะติ
เสหิ กัมเมหิ ทุมเมโธ อัคฺคิทัฑโฒวะ ตัปปะติ
เมื่อคนโง่มีปัญญาทราม ทำกรรมชั่วอยู่ก็ไม่รู้สึก
เขาจักเดือดร้อนเพราะกรรมชั่วของเขา เหมือนถูกเผาไฟไหม้อยู่ฉะนั้น
สังคมพอเข้าใจได้ต่อพฤติกรรมของบรรดาสาวกที่เคารพศรัทธาต่อศาสดาต้นธาตุต้นธรรม หัวหน้าพระพุทธเจ้า ผู้อวตารลงมาปราบมาร
พอมาถูกปราบเสียเองจึงรับกันไม่ค่อยจะได้
แม้บรรดาสาวกก็คาดหวังไว้ว่าเจ้าลัทธิผู้อวตารลงมาปราบของพวกเขาต้องบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่เสมอ
ใครๆ ก็มิอาจทำให้เจ้าลัทธิของเขาแปดเปื้อนได้
ถึงแม้พฤติกรรมของเจ้าลัทธิที่แสดงออกจะวิปริตผิดเพี้ยนไม่เคยปรากฏในโลกแห่งพระธรรมวินัยก็ตาม
แม้จะมีคำสอนที่นอกรีตนอกธรรมนอกวินัยก็ตามที
เพราะสาวกผู้ถูกสอนให้เชื่อให้ศรัทธาในตัวเจ้าลัทธิก็จะไม่สงสัยหรือคลางแคลงใจใดๆ
ขนาดเจ้าลัทธิสอนว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ๆ ยังไม่รู้จักมาร สาวกก็หลงเชื่อ
พอมาถึงวันนี้ เจ้าลัทธิผู้อวตารลงมาปราบ กำลังจะถูกดีเอสไอบุกจับตัวมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พวกสาวกผู้งมงายทั้งหลายจึงรับไม่ได้ ถึงกับประกาศแข่งเมือง ไม่ยอมรับอำนาจของรัฐ ต้องรอให้มีการเลือกตั้งก่อนจึงจะยินยอมมอบตัวสู้คดี
หากอีกฟากฝั่งหนึ่งที่เขาไม่เห็นด้วยเกิดละเมิดกฎหมาย แล้วออกมาบอกว่า งั้นรอให้ทำรัฐประหารก่อนแล้วกัน เพราะไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งบ้าง
แล้วบ้านเมืองนี้มันจะอยู่อย่างไร
หากพวกสาวกลัทธิธรรมกายมีสมองรู้จักคิด และคิดเป็น รวมทั้งเชื่อเรื่องกฎของกรรม ก็ต้องคิดได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าลัทธิทุกวันนี้หาได้มีผู้อื่นทำให้ไม่ แต่เป็นผลมาจากการกระทำของตัวเจ้าลัทธิเองทั้งนั้น ดังภาษิตที่ว่า
“ไม่มีขี้ และกลิ่นขี้จะมาจากไหน
ไม่มีไฟ จะเอาควันไฟมาจากไหน
คนไม่มีธรรม จะหาความสงบสุขมาจากไหน”
หากบรรดาสาวกของลัทธินี้เชื่อและศรัทธาในพระธรรมคำสอนของผู้มีพระภาคเจ้า ก็ต้องเชื่อว่า
“กัมมุนา วัตตะติ โลโก”
สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม
“กัมมัง สัตเต วิภะชะติ ยะทิทัง หีนัปปะณีตะตายะ”
กรรมย่อมจำแนกสัตว์ ให้ทรามหรือประณีต
พุทธะอิสระ
๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๙
บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น
ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้ผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้รับผลชั่ว
อะถะ ปาปานิ กัมมานิ กะรัง พาโล นะ พุชฌะติ
เสหิ กัมเมหิ ทุมเมโธ อัคฺคิทัฑโฒวะ ตัปปะติ
เมื่อคนโง่มีปัญญาทราม ทำกรรมชั่วอยู่ก็ไม่รู้สึก
เขาจักเดือดร้อนเพราะกรรมชั่วของเขา เหมือนถูกเผาไฟไหม้อยู่ฉะนั้น
สังคมพอเข้าใจได้ต่อพฤติกรรมของบรรดาสาวกที่เคารพศรัทธาต่อศาสดาต้นธาตุต้นธรรม หัวหน้าพระพุทธเจ้า ผู้อวตารลงมาปราบมาร
พอมาถูกปราบเสียเองจึงรับกันไม่ค่อยจะได้
แม้บรรดาสาวกก็คาดหวังไว้ว่าเจ้าลัทธิผู้อวตารลงมาปราบของพวกเขาต้องบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่เสมอ
ใครๆ ก็มิอาจทำให้เจ้าลัทธิของเขาแปดเปื้อนได้
ถึงแม้พฤติกรรมของเจ้าลัทธิที่แสดงออกจะวิปริตผิดเพี้ยนไม่เคยปรากฏในโลกแห่งพระธรรมวินัยก็ตาม
แม้จะมีคำสอนที่นอกรีตนอกธรรมนอกวินัยก็ตามที
เพราะสาวกผู้ถูกสอนให้เชื่อให้ศรัทธาในตัวเจ้าลัทธิก็จะไม่สงสัยหรือคลางแคลงใจใดๆ
ขนาดเจ้าลัทธิสอนว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ๆ ยังไม่รู้จักมาร สาวกก็หลงเชื่อ
พอมาถึงวันนี้ เจ้าลัทธิผู้อวตารลงมาปราบ กำลังจะถูกดีเอสไอบุกจับตัวมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พวกสาวกผู้งมงายทั้งหลายจึงรับไม่ได้ ถึงกับประกาศแข่งเมือง ไม่ยอมรับอำนาจของรัฐ ต้องรอให้มีการเลือกตั้งก่อนจึงจะยินยอมมอบตัวสู้คดี
หากอีกฟากฝั่งหนึ่งที่เขาไม่เห็นด้วยเกิดละเมิดกฎหมาย แล้วออกมาบอกว่า งั้นรอให้ทำรัฐประหารก่อนแล้วกัน เพราะไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งบ้าง
แล้วบ้านเมืองนี้มันจะอยู่อย่างไร
หากพวกสาวกลัทธิธรรมกายมีสมองรู้จักคิด และคิดเป็น รวมทั้งเชื่อเรื่องกฎของกรรม ก็ต้องคิดได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าลัทธิทุกวันนี้หาได้มีผู้อื่นทำให้ไม่ แต่เป็นผลมาจากการกระทำของตัวเจ้าลัทธิเองทั้งนั้น ดังภาษิตที่ว่า
“ไม่มีขี้ และกลิ่นขี้จะมาจากไหน
ไม่มีไฟ จะเอาควันไฟมาจากไหน
คนไม่มีธรรม จะหาความสงบสุขมาจากไหน”
หากบรรดาสาวกของลัทธินี้เชื่อและศรัทธาในพระธรรมคำสอนของผู้มีพระภาคเจ้า ก็ต้องเชื่อว่า
“กัมมุนา วัตตะติ โลโก”
สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม
“กัมมัง สัตเต วิภะชะติ ยะทิทัง หีนัปปะณีตะตายะ”
กรรมย่อมจำแนกสัตว์ ให้ทรามหรือประณีต
พุทธะอิสระ