พูดอย่างนี้ แสดงว่าเห็นดีเห็นงามไปกับการย่ำยีพระธรรมวินัยของลัทธิธรรมกาย
๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๙
มีคนเอาบทความของนักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา นามว่าสุรพศ ทวีศักดิ์ มาลงในเฟสบุ๊คที่ฉันลงบทความมาให้ฉันอ่าน
พออ่านแล้วก็รู้สึกกระอัก กระอ่วน อยากอ้วก
รู้สึกเหนื่อยหน่ายไม่รู้ใครไปตั้งให้นายคนนี้มาเป็นนักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา
ถูก ผิด ดี ชั่ว กุศล อกุศล ยังแยกไม่ออก แล้วจะมาเป็นนักวิชการด้านศาสนาพุทธได้ไง
สงสัยจังว่าเวลาสังคมเขาเรียกใครเป็นนักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา เขาเอาอะไรเป็นเครื่องวัด
แต่ที่แน่ๆ เมื่อได้อ่านข้อเขียนของคนผู้นี้แล้วทำให้รับรู้ถึงวิธีคิดของเขาว่า ไม่น่าจะใช่นักวิชาการด้านศาสนา แต่น่าจะเป็นนักวิพากษ์วิจารณ์ด้านศาสนามากกว่า
เพราะถ้าเป็นนักวิชาการด้านพระพุทธศาสนาตัวจริง เขาจะต้องรู้หลักการสำคัญๆ ของพระพุทธศาสนาที่พระบรมศาสดาทรงตรัสสั่งสอนเอาไว้ว่า
การไม่ทำชั่วทั้งปวง
การทำดีด้วยความชาญฉลาด
การทำจิตนี้ให้ผ่องแผ้วผ่องใส
นี่คือหลักการของพระพุทธศาสนา
ถามจริงๆ เถิด จิตใจคุณจะไม่ยอมรับรู้เลยหรือว่าลัทธิธรรมกายมันมั่วชั่วร้ายขนาดไหน นักวิชาการด้านพระพุทธศาสนาอย่างคุณไม่เคยรับรู้เลยหรือว่าลัทธิธรรมกายมันย่ำยีพระธรรมวินัย จาบจ้วงดูหมิ่นพระพุทธเจ้า สอนในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน บัญญัติในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ ทำลายสิ่งที่พระพุทธเจ้าบัญญัติเอาไว้แล้ว
คุณสุรพล ทวีศักดิ์ เป็นนักวิชาการด้านพระพุทธศาสนาจริงๆ หรือเปล่า
หากคุณเป็นนักวิชาการจริงคงจะรู้จักแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นธรรม อะไรเป็นอธรรม
ฉันน่ะแปลกใจจริงๆ ว่าทำไมถึงไม่รู้ว่าธรรมกายมันกำลังจะกลืนกินพระธรรมวินัย ถึงขนาดเขียนพระไตรปิฎกของมันขึ้นมาใช้เอง
ทั้งที่คุณเป็นนักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา แล้วทำไมไม่รับรู้ว่าพระบรมศาสนาทรงแสดงแก่นแท้ของพระธรรมวินัยนี้เอาไว้
ใน “มหาสาโรปมสูตร” พระพุทธองค์ทรงอุปมาไว้ว่า
ถ้าเปรียบพรหมจรรย์หรือพุทธศาสนาเหมือนต้นไม้ทั้งต้น
ลาภสักการะชื่อเสียง เปรียบเหมือนใบและกิ่ง
ศีล เปรียบเหมือนสะเก็ด
สมาธิ เปรียบเหมือนเปลือก
ปัญญา เปรียบเหมือนกระพี้
วิมุติ เปรียบเหมือนแก่น
นักวิชาการด้านศาสนาอย่างคุณจะไม่รู้เลยหรือว่าลัทธิธรรมกายมันเร่งขายใบไม้ สะเก็ดไม้หรือเปลือกไม้ ส่วนกระพี้และแก่นไม้มันไม่เคยพูดไม่เคยสอน
ทีนี้ลองมาดูว่าคำสอนของลัทธิธรรมกายมันแตกต่างจากพระพุทธธรรมอย่างไรบ้าง
ซึ่งมีอยู่ในลักษณะตัดสินพระธรรมวินัยทั้ง ๘ ประการ อันได้แก่
ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อ
๑. วิราคะ คือ ความคลายกำหนัด, ความไม่ติดพัน เป็นอิสระ มิใช่เพื่อความกำหนัดย้อมใจ, การส่งเสริมความยึดติด
๒. วิสังโยค คือ ความหมดเครื่องผูกรัด, ความไม่ประกอบทุกข์ มิใช่เพื่อผูกรัด หรือประกอบทุกข์
๓. อปจยะ คือ ความไม่พอกพูนกิเลส มิใช่เพื่อพอกพูนกิเลส
๔. อัปปิจฉตา คือ ความอยากอันน้อย, ความมักน้อย มิใช่เพื่อความอยากอันใหญ่, ความมักใหญ่ หรือมักมากอยากใหญ่
๕. สันตุฏฐี คือ ความสันโดษ มิใช่เพื่อความไม่สันโดษ
๖. ปวิเวก คือ ความสงัด มิใช่เพื่อความคลุกคลีอยู่ในหมู่
๗. วิริยารัมภะ คือ การประกอบความเพียร มิใช่เพื่อความเกียจคร้าน
๘. สุภรตา คือ ความเลี้ยงง่าย มิใช่เพื่อความเลี้ยงยาก
ธรรมเหล่านี้ พึงรู้ว่าเป็นธรรม เป็นวินัย เป็นสัตถุสาสน์ คือคำสอนของพระศาสดา ดูซิว่ามันเหมือนกับคำสอนของเจ้าลัทธิอลัชชีนี้หรือไม่
แล้วที่สอนว่าทำบุญมากๆ จะร่ำรวย ได้สวรรค์ชั้นนั้นชั้นนี้ ปิดบัญชีมาทำบุญ ส่งจดหมาย โทรจิกให้คนต้องส่งเงินมาทำบุญทุกเดือนจนน่ารำคาญ ตามด้วยนิพพานเป็นอัตตา พระศาสดานิพพานแล้วยังมีเบญจขันธ์อยู่ในอายตนะนิพพาน เรื่องเหล่านี้นักวิชาการอย่างคุณไม่รับรู้เลยหรือ
สรุปว่าคุณเป็นนักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา หรือเป็นนักวิพากษ์พระพุทธศาสนากันแน่
และที่คุณบอกว่า “ถ้าคุณกลัวธรรมกายจะโต ต้องเสนออะไรที่ดีกว่า”
พุทธะอิสระอยากบอกคุณนักวิชาการว่า ไม่มีใครเขากลัวว่าธรรมกายจะโตหรอก ถ้าธรรมกายซื่อตรงต่อหลักพระธรรมวินัยแล้วยิ่งใหญ่เติบโต
กลับจะกลายเป็นเรื่องดีเสียอีกหากพระธรรมวินัยนี้ “เติบโตอย่างมีสติปัญญาและมั่นคง” ไม่ใช่โตแต่ซาก แต่ข้างในกลายเป็นหนอนบ่อนทำลายพระธรรมวินัยอันบริสุทธิ์บริบูรณ์อย่างที่เป็นมาทั้งในอดีตและเป็นอยู่ในปัจจุบัน จนพระสังฆราชทรงโจทก์ว่าเจ้าลัทธิธรรมกายเป็นผู้กระทำอนันตริยกรรม ย่ำยีพระธรรมวินัย ยังสงฆ์ให้แตกกัน
และที่คุณพูดว่า “ควรจะเสนออะไรที่ดีกว่ามาแข่งกับธรรมกาย”
ฉันอยากบอกคุณว่า สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าไม่มีใครเขาต้องมาแข่งแก่งแย่งกันหรอก
และที่คุณพูดว่า “เหมือนกับคุณกลัวทักษิณ คุณก็ต้องเอาชนะทักษิณด้วยการเสนอนโยบายที่เหนือกว่า”
ดูคุณจะปักใจเชื่อจริงๆ ว่า ลัทธิธรรมกายมีส่วนพัวพันกับนายทักษิณ การที่คุณเขียนมาเช่นนี้มันทำให้คนที่เขายังไม่เชื่อว่าธรรมกายเกี่ยวพันกับนายทักษิณกลับปักใจเชื่อมากยิ่งขึ้น
คงจะเป็นจริงอย่างที่นักวิชาการอย่างคุณว่า เพราะเจ้าลัทธิธรรมกายมันรอดคุกมาได้ก็เพราะนายทักษิณซึ่งเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย ซึ่งสามารถใช้เงินจัดซื้อจัดจ้างผู้รักษากฎหมายได้
แต่รัฐบาลคสช. เงินใช้ซื้อเขาไม่ได้ และเขากำลังรักษากฎหมาย ทำให้กฎหมายให้มีผลบังคับใช้กับทุกคนที่กระทำผิดโดยไม่มียกเว้น แม้คำว่าปรองดองสมานฉันท์ก็ไม่สามารถจะมาละเมิดกฎหมายได้ ดังที่นายทักษิณเคยทำถึงขนาดเขียนจดหมายน้อยไปหามหาเถรและกรมศาสนา โดยอ้างเหตุผลเพื่อการปรองดอง จึงขอให้มหาเถร กรมศาสนา ไม่เอาเรื่องเจ้าลัทธิธรรมกาย สุดท้ายอัยการจึงสั่งไม่ฟ้อง
รวมความว่ารัฐบาลประชาธิปไตยจะบังคับใช้กฎหมายตามความชอบใจเท่านั้น ไม่ได้ใช้กฎหมายตามตัวบทของกฎหมาย
ทำให้ฉันนึกได้ว่า ตอนผู้ชุมนุม กปปส.โดนยิง โดนถล่ม โดนทำร้าย ไม่เห็นนักสิทธิมนุษยชนออกมาโวยวายปกป้องพวกเราเลย แม้นักวิชการอย่างพวกคุณก็เงียบสนิท
แต่พอพวกคนเสื้อแดงหรือพวกนักประชาธิปไตยใหม่ขัดคำสั่งคสช. แม่จ่านิวโดนจับข้อหาละเมิดสถาบัน
พวกนักวิชาการอิสระทั้งหลาย รวมทั้งนักสิทธิมนุษยชน ก็ดาหน้ากันออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมกันยกใหญ่
รวมความว่า ขอเพียงเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แม้จะปล่อยให้เจ้าหน้าที่ฆ่าคนตายไปเป็นพันอย่างในกรณีนายทักษิณก็ไม่ผิดใช่ไหม
และที่คุณบอกว่า “เผด็จการชนะทักษิณมันไม่ได้ชนะจริง ไม่ได้ทำให้คนศรัทธาทักษิณน้อยลง เช่นเดียวกับวัดธรรมกาย จะเอาอำนาจเผด็จการมากำจัดธรรมกาย คิดหรือว่าคนจะศรัทธาธรรมกายน้อยลง”
คุณพูดเหมือนผายลม พูดเหมือนรัฐบาลกำลังกลั่นแกล้งใส่ร้ายธรรมกาย
ถามจริงเถิด รัฐบาลคสช.เขาไปบังคับให้นายศุภชัย ศรีสุภอักษร ไวยาวัจกรวัดพระธรรมกาย ไปโกงเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนครองจั่นหรือไง
รัฐบาลคสช.ไปบังคับให้เจ้าลัทธิธรรมกายกับพวกร่วมกันฉ้อโกง ยักยอก ฟอกเงิน รับของโจรหรือไง
รัฐบาลคสช.เขาไปบังคับ เจ้าลัทธิธรรมกายออกเดินธุดงค์ดาวรวยหรือไง
รัฐบาลคสช.เขาไปบังคับ ให้พวกลัทธิธรรมกายออกเดินเรี่ยไรผิดกฎหมายไปทั่วประเทศหรือไง
รัฐบาลคสช.เขาไปบังคับ เขาไปบังคับให้เจ้าลัทธิธรรมกายพูดอวดคุณวิเศษว่าตนรู้สตีฟจ๊อบส์ ตายแล้วไปเกิดที่ไหนหรือไง
คุณเป็นนักวิชาการด้านพระพุทธศาสนามาได้ไง ทำไมถึงไม่ออกมาปกป้องพระธรรมวินัย แต่กลับมาวิพากษ์คนที่กำลังปกป้องพระธรรมวินัย มิหนำซ้ำยังทำเหมือนไม่รู้พฤติกรรมของนายธัมมชโย เจ้าลัทธิธรรมกายมันผิดธรรมผิดวินัย และละเมิดกฎหมาย
ไม่มีใครเขาสนใจหรอกว่าพวกคุณจะศรัทธาใคร รักใคร ชอบใคร
พวกเขาสนใจแต่เพียงว่า คนที่พวกคุณรักชอบศรัทธา อย่ามาละเมิดพระธรรมวินัย อย่างละเมิดกฎหมาย อย่ามาทำให้ใครๆ เดือดร้อนก็เท่านั้นแหละ
ดูวิธีคิดของคุณแล้ว ฉันรู้สึกสงสารคนที่คุณสอนจังเลย
พุทธะอิสระ