ถึงเวลากวาดขยะพระธรรมวินัยแล้ว
๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๙
จากคอมเม้นของผู้ใช้นามว่า ทำให้กลาง มีใจความว่า
————————————————
ทำ ให้ กลาง มีพระไปทำข้าวของข้าราชการเสียหาย จนต้องยอมจ่ายค่าชดเชย 2ล้านกว่าบาท การทำความเสียหานต่อทรัพย์สิน ความเสียหายนั้นเกิดจาก การเปลี่ยนแปลงสิ่งของ ขยับ จนพังทะลายแบบนี้ เคลือนที่ใช่มั้ย แล้วศาลตัดสินเจ้าตัวก็ยอมรับแล้ว แบบนี้ปราชิกมั้ยครับ ปาราชิกนี้เกิดขึ้นแล้วไม่จำเป็นต้องโจทก์ก็ปาราชิกใช่หรือป่าวครับ รักษาธรรมวินัยใช่มั้ย
————————————————
เห็นทีจะต้องเอาจริงกับคนที่ไม่แยกแยะถูกผิดดีชั่วกันเสียทีแล้ว
ขอบอกว่าถ้าไม่มีพวกมืดบอดชั่วช้าอย่างศาสดาเจ้าลัทธิอลัชชีธรรมกายที่คิดกินรวบประเทศไทยแบบเจ้าลัทธิของคุณ
และถ้าเจ้าลัทธิคุณมันไม่ชั่วจนสุดทน
เจ้าพระคุณสมเด็จคงไม่เสด็จมาหาฉัน
ไม่นิมนต์ฉันเข้าไปหาที่พระตำหนัก
และคงไม่ทรงขอให้ฉันช่วยทำให้พระธรรมวินัยกลับมาเป็นหลักชัยของพระพุทธศาสนา และหาวิธีกำจัดอลัชชีอย่างพวกคุณไง
นี่คือเหตุผลที่พุทธะอิสระต้องออกไปเป็นแกนนำเวทีและไปอยู่บนถนนหน้าศูนย์ราชการบริเวณหน้าอาคารของดีเอสไอ
ซึ่งขณะที่เดินทางไปตั้งเวที
เจ้าหน้าที่ดีเอสไอไม่ได้เข้ามาทำงานในอาคารแล้ว ตึกอาคารดีเอสไอได้ปิดตัวลงไปตั้งแต่ก่อนวันที่ฉันจะไปตั้งเวทีแล้ว
มีแต่ยามและเจ้าหน้าที่เวรคอยเฝ้ารักษาอาคารสถานที่อยู่ แม้อธิบดีดีเอสไอ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ก็หายตัวไป
ขนาดพุทธะอิสระติดป้ายประกาศตามหาตัว เพื่อให้มารับแจ้งความในคดีรับจำนำข้าว
แต่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ก็ไม่เข้ามาทำงาน
มิใยที่ชาวนาจะตามหาตัวเพื่อแจ้งความในคดีจำนำข้าวซักแค่ไหน เรียกร้องให้มารับแจ้งความซักปานใด
เจ้าหน้าที่ดีเอสไอในยุคนายธาริตก็ไม่มารับแจ้งความ
ส่วนหน่วยราชการอื่นๆ ก็ยังคงทำงานตามปกติ เพียงแต่มีข้อตกลงกันว่าแต่ละหน่วยงานต้องมาเข้าทำงานและเลิกงานอย่าให้เวลาตรงกันเท่านั้น เพื่อผ่อนคลายปัญหาการจราจร
ซึ่งพุทธะอิสระได้เชิญหัวหน้าหน่วยงานแต่ละหน่วยในบริเวณนั้นมานั่งปรึกษาเพื่อหามาตรการแก้ปัญหาร่วมกัน
ฉะนั้นในเวลาชุมนุม ไม่มีหน่วยงานใดถูกปิดล้อมหรือขับไล่ หรือปฏิเสธไม่ให้เข้ามาทำงาน ยกเว้นสำนักงานตม.ที่มีอาคารอยู่ติดกับเวที ด้วยปัญหาด้านความปลอดภัยจึงเชิญตัวอธิบดีมาพูดคุยช่วยกันคิดวิธีรักษาความปลอดภัยและกำหนดมาตรการร่วมกัน ว่าพนักงานก็เข้ามาทำงานควรจะมีการตรวจบัตรลงชื่อทุกครั้งที่เข้าออก
ส่วนกรณีพุทธะอิสระต้องชดใช้ค่าเสียหายตามคำตัดสินของศาลทั้งที่ไม่ได้เป็นผู้กระทำ
เพราะพุทธะอิสระเป็นลูกผู้ชาย กล้าหาญพอที่จะรับผิดชอบต่อผลที่เกิดจากการกระทำของตน
ด้วยเพราะตนเป็นแกนนำของเวทีในการชุมนุม มีพี่น้องมวลชนจำนวนมากมาร่วมชุมนุม มากินมานอน
อาจทำให้เกิดความเสียหายแก่สถานที่ราชการ เช่น ถนนหนทาง สนามหญ้าหน้าอาคาร และต้นหมากรากไม้ต่างๆ รวมทั้งสนามหญ้าบริเวณรอบๆ อาคารสำนักงานต่างๆ ที่จำเป็นต้องมีคนดูแล
แต่ในเวลาชุมนุมผู้ดูแลทั้งหลายไม่ได้เข้ามาทำงานจึงทำให้เกิดความเสียหาย ต้นไม้บางต้นยืนต้นแห้งตาย
เมื่อมีผู้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย พุทธะอิสระก็แถลงต่อศาลว่าพร้อมจะรับผิดชอบต่อค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริงจากการชุมนุมไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ
ไม่ว่าศาลจะพิพากษาเช่นใด ก็พร้อมยอมรับ จะไม่มีการอุทธรณ์ เพราะจะมีผลกับพระธรรมวินัย
ตั้งแต่พุทธะอิสระชุมนุมอยู่ที่แจ้งวัฒนะ ไม่เคยเหยียบเข้าไปในอาคารของดีเอสไอเลยแม้แต่ก้าวเดียว
อีกทั้งรอบๆ อาคารของศูนย์ราชการก็มีบรรดาพนักงานรักษาความปลอดตลอด ๒๔ ชั่วโมง
แม้ในอาคารก็ยังมีเจ้าหน้าที่ผลัดเปลี่ยนกันเข้าเวรประจำภายในอาคารตลอด ๒๔ ชั่วโมง
ส่วนจะเกิดความเสียหายได้อย่างไร พุทธะอิสระไม่เคยได้รับรู้ ไม่เคยไปสั่งการเพราะไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปตัดน้ำตัดไฟ
มีแต่ท่านผู้ที่เขารู้เห็นเหตุการณ์เขาทนต่อความอยุติธรรมของดีเอสไอในยุคนายธาริต ไม่ได้ จึงได้เข้ามาคอมเม้นตั้งข้อสงสัยในกรณีนี้เอาไว้ว่า
————————————————
Gawin Sirawitwongsa “ขงเบ้ง” แนะนำให้ ดีเอสไอ ไปกราบขอขมานายไชยบูลย์ ผมคิดว่า”ขงเบ้ง” หยาม ดีเอสไอ เกินไป แต่เมื่อ ดีเอสไอ ยอมทำตามข้อแม้ของนายไชยบูลย์ทุกข้ออย่างนี้ ทำให้เห็นว่า “ขงเบ้ง”พูดถึง ดีเอสไอ ถูกต้องแฮะ กับคนรวยอย่างนายไชยบูลย์ ดีเอสไอ ยอมทำตามที่ขอที่บอกทุกอย่าง แต่กับ”หลวงปู่”ที่นำ กปปส ไปชุมนุมใกล้ๆ แล้วมีความเสียหายในสำนักงานของดีเอสไอ โดยมีกล้องถ่ายวีดีโอราคาแพง 2 ตัวและแฟ้มคดีของนายสมชาย นีละไพจิตร หายไป และผมได้ชี้ให้เห็นว่ากล้องวีดีโอ 2 ตัวนั้นเก็บในลิ้นชักของตู้ Cabinet แยกลิ้นชักกันและต่างตู้กัน โดยตู้ Cabinet ทั้ง 2 ตู้อยู่แยกกันโดยรวมอยู่กับอีกกว่าร้อยตู้ แต่ลิ้นชัก 2 ลิ้นชักที่เก็บกล้องนี้กลับถูกเปิดและกล้องทั้ง 2 นี้หายไป ส่วนลิ้นชักอื่นๆของตู้ Cabinet อื่นๆนอกนั้นไม่ถูกแตะต้อง ถ้าเป็น กปปส ที่ค้นทรัพย์สินย่อมต้องเปิดทุกลิ้นชักของทุกตู้อย่างแน่นอน แสดงให้รู้ว่า “คนร้าย”ต้องรู้ว่า”กล้อง” อยู่ที่ไหน และการที่แฟ้มคดีของนายสมชายหาย ก็คงเป็นฝีมือของคนเลวคนชั่วที่ต้องการทำลายหลักฐานอย่างแน่นอน โดยอาศัยช่วงที่มีการชุมนุมของ กปปส นั้นหาผลประโยชน์ ซึ่งถ้าเป็นฝีมือของ กปปส จริงก็จะเอาแฟ้มสลายการชุมนุมของคุณอภิสิทธิ์และคุณสุเทพไปมากกว่า เพราะแฟ้มของคุณสมชายไม่มีประโยชน์อะไรกับ กปปส เลย ผมเคยโพสต์หลักคิดนี้เพื่อสะกิด ดีเอสไอ เพื่อให้คนที่มี”สำนึกดี” รื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ เพื่อพิสูจน์ว่า”หลวงปู่”และ กปปส ที่ไปชุมนุมที่ศูนย์ราชการฯนั้น ไม่ใช่ผู้ทำความเสียหายให้ ดีเอสไอ แต่ก็น่าเสียใจครับ ผ่านมาหลายปีแล้ว ผมยังไม่เห็น “คนมีสำนึกดี” แม้แต่คนเดียวที่รื้อฟื้นคดีขึ้นใหม่ แต่ผมยังเชื่อใน”กฏของกรรม”ครับว่า ใครทำกรรมชั่ว ต้องได้รับวิบากของกรรมชั่วนั้นอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะ “รวย” แค่ไหน หรือจะมี “คนเห็น”หรือไม่ก็ตามครับ
————————————————
ที่นำมาให้ท่านทั้งหลายอ่านนี้ก็มิได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ แต่นำมาให้พวกชอบมโนได้ดูว่า หากไม่อยากติดคุกก็อย่ามากล่าวใส่ร้าย
บอกแล้วไงว่าพวกเราต่อสู้อยู่บนพื้นฐานของความจริง สามารถพิสูจน์ได้
หากพุทธะอิสระจะพูดอะไรเขียนอะไรที่ไม่จริง ท่านทั้งหลายก็สามารถนำเอาหลักฐานไปแจ้งความหรือยื่นฟ้องร้องต่อศาลได้ เหมือนดังที่ท่านไปแจ้งจับหลวงพี่พะยอม
เช่นเดียวกัน หากมากล่าวใส่ร้ายพุทธะอิสระโดยไม่เป็นความจริง ก็ต้องโดนฟ้องร้องกล่าวโทษกับศาลเช่นกัน
หากไม่อยากติดคุกก็อย่าโกหก อย่ามโนเอาเอง แล้วเพ้อเจ้อส่งเดช ไม่เช่นนั้นคงได้นอนคุกแน่
และคนอย่างพุทธะอิสระไม่ได้กลัวความจริง ใครที่เอาความเท็จมาใส่ร้ายต้องได้พบกันในชั้นศาลแน่
พุทธะอิสระ