ขออนุญาตแชร์นะจ๊ะ เปลวสีเงิน พุทธะกับคราบ ‘คนขายค้อน’
6 มิถุนายน 2559
เปลวสีเงิน
“สมีโย” น่ะ ใช่พระสงฆ์สาวกในความหมาย “พุทธบุตร” หรือศิษย์ตถาคตที่ไหนล่ะ?
เป็นเจ้าลัทธิ ในคราบ “ภิกษุโล้น” แน่ชัด……..
แค่แฝงพระพุทธศาสนา อาศัยคราบพระ-คราบวัด สร้างอาณาจักรจานบินเป็นสำนัก
พฤติกรรม ทำนอกรีต-นอกรอย ผิดแบบแผนพระ-วัดในพุทธศาสนาเด่นชัด
สอนให้คนหลงผิด ติดอยู่ใน “บาป-บุญ-สวรรค์-ชาตินี้-ชาติหน้า” หวังหลอกให้เอาเงินซื้อ ผ่านธรรมกายสมีโย
ได้เงิน ก็ขยายอาณาจักรออกไป ทั้งใน-นอกประเทศ
กว้านซื้อที่ดิน ซื้อทอง ซื้อเหมือง ลงทุนการค้าทุกรูปแบบ รวมทั้งหุ้น
ใช้เงินโปรยหว่าน ดึงวัด-ดึงพระ “ในทั่วประเทศ” หวังให้เข้าเป็นเครือข่ายอาณาจักรจานบิน!
พฤติกรรม ใช้ลัทธิธรรมกาย ค่อยๆ กลืนพระพุทธศาสนา นิกายเถรวาท ผ่านวัดในประเทศ-นอกประเทศ เข้าไปอยู่อาณาจักรจานบิน
จุดหมายปลายหวัง…..
ลัทธิธรรมกายจะ “ครองพุทธ-ครองวัด-ครองพระ” ในความเป็นพุทธจักรประเทศไทย
ไปเป็นไทยใน “ศาสนจักรพุทธ ลัทธิธรรมกาย”!?
พระและวัดที่ “ยึดเงิน” เป็นสรณะในการดำรง ส่วนหนึ่ง ทั้งอดีตและปัจจุบัน ยอมเป็นสาวกสาขาจานบิน
และ พระหนุ่ม-พระแก่-เณรน้อย ที่เรียนเก่ง ไม่ว่าด้านมหาเปรียญ หรือด้าน “กึ่งโลก-กึ่งธรรม” ตามวิทยาลัยสงฆ์บางราย
ที่เขาเล็งว่า พระ-เณร เรียนเก่ง รูปนี้ ในอนาคต มีแววจะเติบโต “ทางยศ-ทางตำแหน่งใหญ่” ต่อไปในวงการสงฆ์
จะใช้วิธี “ศรัทธา-อุปถัมภ์” แทนคำว่า “ซื้อตัว” ค่อยๆ ไปตะล่อมมาเข้าสังกัด-เข้าสำนักจานบิน
“กินดี-อยู่ดี” ไม่ต้องบิณ “บาตรเปล่า” อดเช้า-อดเพล!
ที่ทำเช่นนี้ นอกจากเป็นการ “เสียบตา-ต่อยอด-ทาบกิ่ง” เอาพระ-เณรมีดีกรีมาอยู่วัดเยอะๆ แล้ว
มันเป็นการอาศัยพระจริง-ของจริง “เป็นฉากคลุม” โล้นเลียนแบบ เพื่อสืบสานลัทธิ
คือเอาไว้คุยบังหน้า “วัดพระธรรมกาย ส่งเสริมการเรียน-การสอนพระธรรมวินัย มีพระ-เณร สอบได้เปรียญธรรมจำนวนมากในแต่ละปี” นั่นแหละ!
ที่เอะอะก็อ้าง “ปฏิบัติธรรม-สอนธรรม” น่ะ เห็นชัดแล้วมิใช่หรือ ว่าแท้จริงปฏิบัติแบบไหน-สอนแบบไหน?
ที่สอน-ที่ทำ ไม่เป็นไปตามคำสอนพุทธะ ที่สมเด็จพระศาสดาเจ้า ตรัสสอนไว้เลย!
ขายค้อน รับจ้างจัดอีเวนต์ด้วยจำนวนหัวโล้นมากๆ ขายบุญ ขายสวรรค์ แถม “ผ่อนส่ง” รายงวดก็ได้
ผ่องถ่ายเงินโจรมาเป็นเงินทำบุญ ก็ยังได้……..
สมคบการเมืองระบอบทักษิณ ให้ส่งข้าราชการทั่วประเทศมาอบรมด้วยงบแต่ละปีเป็นร้อย-เป็นพันล้าน ก็ยังได้
ให้นิมนต์เข้าฉากพิธีกรรมทีละมากๆ เพื่อให้ชาวบ้านละลานตาในเหลือง เสร็จแล้ว “วางบิลรัฐบาล”
คิดหัวละ ๓,๐๐๐-๔,๐๐๐ เหมือนค่าตัวดารา ก็ยังได้
ตัวเองก็เหมือน อาบน้ำแร่-แช่น้ำนม ขัดผิว-เข้าคอร์ส “สร้างออรา” เพื่อให้ดูเป็นผู้วิเศษ
ตอนนี้ ท่าจะ “สักชาร์ม” ที่กระบาลด้วย………
ทำกรอบเป็นรูปตัว M ให้ดูคล้ายเศียรพระพุทธรูป แล้วขัดซะมันแผล็บ!
ที่สำคัญสุด……….
บิดเบือนคำสอนพระพุทธองค์ จากที่ทรงสอนว่านิพพาน เป็นอนัตตา
ก็บิดไปเป็นว่า นิพพาน เป็น อัตตา!
ตรงนี้ร้ายแรงสุด เป็นปฏิปักษ์ต่อคำสอนพระพุทธเจ้า ถือเป็นอนันตริยกรรม เท่ากับทำร้ายพระพุทธองค์โดยตรง
ไม่ต่างกับ “พระสาติ” ในสมัยพุทธกาล ฟังธรรมจากพระพุทธองค์แล้ว ไปเที่ยวสอนชาวบ้านว่า
ขันธ์ ๕ คือ กาย-เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณ อันเป็นโลกุตรธรรม สู่นิพพาน ว่านั่นมีตัวตน เป็นอัตตา
สมีโยก็สอนแบบนี้ คือตายแล้วเกิด อยากเกิดแบบไหน เป็นมนุษย์ เป็นเทวดา รวยมาก-รวยน้อย ซื้อได้-เลือกได้ ผ่านระบบธรรมกายสมีโย
ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินนั่นแหละ!
แถมชั้นสวรรค์ยังเลือกได้ ดูอย่าง “สตีฟ จอบส์” ปะไร สมีโยหลอกสาวกจนร้องกัน..อู้ฮู..อู้ฮู…สาธุ
บอกว่า สตีฟ จอบส์ เกิดเป็นภุมเทวดา สายวิทยาธรกึ่งยักษ์ อยู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา!?
เนี่ย..เพราะอาศัยคราบพระ แปลงคำสอนพระพุทธเจ้า จากนิพพานที่เป็นอนัตตา ไปเป็นอัตตา
ทางการตลาดจะได้ไม่ตัน มีช่องทางขายบุญ-สวรรค์ หาเงินขยายอาณาจักรได้เป็นกอบ-เป็นกำ
แบบนี้ พระศาสดาทรงตักเตือนพระสาติครั้งนั้น แล้วตรัสใจความประมาณว่า
“พระสาติ เป็นโมฆบุรุษ มีทิฏฐิลามก……….
เห็นผิด-สอนผิด แล้วตู่ว่าพระองค์สอนอย่างนี้ การทำเช่นนั้น จะประสบบาปมากด้วย”
ท่านใดอยากศึกษาตรงนี้ อ่านพระไตรปิฎก คงยากเข้าใจ คลิกที่ “ลานธรรมจักร-ลัทธิมิจฉาทิฏฐิทั้ง ๖”
ผู้รู้ท่านเก็บอรรถธรรมถ่ายทอดไว้ ระดับเราๆ ท่านๆ อ่านแล้วเข้าใจได้อยู่
ฉะนั้น ในเมื่อสมีโยมีพฤติกรรมเช่นนี้……….
แถมเป็น “ผู้ขัดขืน” หมายจับกุม ไม่จำเป็นที่ DSI ต้องผ่อนปรน “กฎ-กติกา” ในเรื่องมอบตัวจนดูเหมือน
กฎหมาย “หงอ” อยู่ใต้อาณัติโจร!
โอนอ่อนกันพอหอมปาก-หอมคอเถอะ เพราะดูแล้ว ถ้ามีเจตนามอบ มอบไปนานแล้ว แบบนี้ หวังถ่วงดึงไปเรื่อยๆ มากกว่า
นี่เห็นมาในมุกใหม่………
ออกข่าว ศูนย์พุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท เมืองเคปทาวน์ แอฟริกาใต้ บ้าง มูลนิธิบุดดิสซึมทูเดย์ เวียดนาม บ้าง และอะไร-ต่ออะไร
มายื่นหนังสือถึงรัฐบาล คสช.ทำนอง…อย่าทำสมีโยแรงนักประมาณนั้น!
แก๊ง “พุทธศาสนาเพื่อการเมืองและการพาณิชย์” เดี๋ยวนี้เป็นดอกเห็ด พูดกันตรงๆ นะ ……..
ทุเรศทุกครั้ง ที่ได้ยิน ที่นั่น-ที่นี่ อ้างเป็นแกน-เป็นศูนย์กลางของโลก ด้านพุทธศาสนา มาเป็นแนวร่วมอาณาจักรจานบิน
ในโลกนี้ “ณ ปัจจุบัน”…….
ประเทศที่มีประชาชนเข้าถึงพระสัทธรรม “เป็นคนส่วนน้อย” แล้วยกเป็นแกนนำต่างๆ นานา และ “ออกหน้า” เพื่อสมีโยขณะนี้
บอกได้ ๓ คำ ร.ห.ด.!
ตั้งด้วยเจตนา “ซ่อนการเมือง-การศาสนา-การหากิน” บังหลัง ใช้คำว่า “พุทธศาสนา” บังหน้าแทบทั้งนั้น
เรื่องนี้ ไม่จบแค่ “จับ-ไม่จับ” สมีโยหรอก ดูแค่สำนัก “หุบผาสวรรค์” กับสำนัก “ภาวนาพุทโธ” นั่นปะไร
๓๐-๔๐-๕๐ ปีมาแล้ว ถูกตัด “ไม่โต” ก็จริง
แต่ทั้ง ๒ สำนัก “ตาย” ซะที่ไหนล่ะ?
ทั้ง ๒ นั่น นอกจากหลอกให้คนศรัทธา-หลงเชื่อแล้ว ในด้านลึกเกี่ยวกับความมั่นคง ไม่น่ามีอะไรมาก
แต่กับ “อาณาจักรจานบิน” เหนือกว่าเยอะนัก ที่สำคัญ ในด้านลึก ถึงไม่รู้ แต่ก็เห็นพฤติกรรมด้วยตากันแล้วมิใช่หรือ?
ที่สมีโย เป็น “ทิฏฐิลามก”
คำสอนแท้จริงของพระพุทธองค์ นั่นตะหากเป็น “สัมมาทิฏฐิ” ปฏิบัติเพื่อ “อยู่เหนือโลก” โดยแท้
เหนือโลก คือการเดินสายกลาง อยู่อย่างมนุษย์เขาอยู่-เขาเป็นกันนั่นแหละ
แต่ให้มีสติ-ปัญญารู้ทัน ไม่หลงไปกับสังคมโลก ที่เรียกกามสุขัลลิกานุโยค และก็ไม่ต้องหันหลังให้โลก ทรมานตัวเอง ที่เรียก อัตตกิลมถานุโยค
พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า………
“เยเต สุตตันตา ตถาคตภาสิตา คัมภีรัตถา โลกุตตรา สุญญตัปปฏิสังยุตตา”
“สูตร คือ คำสอนทั้งหลายเหล่าใด ที่เป็นคำกล่าวของตถาคต เป็นเรื่องลึก มีความหมายลึกซึ้ง ต้องเป็นโลกุตรธรรม อันเนื่องด้วยสุญตา”
จำให้ดีนะครับ……..
“โลกุตรธรรม” คือธรรมที่ทำให้ผู้ปฏิบัติอยู่เหนือโลก
“สุญตา” ความว่าง คือ จิตว่างจากกิเลส คือ นิพพาน
นี่…พุทธศาสนา เป็นศาสนาของคนมีปัญญา พระพุทธองค์ทรงสอนให้ผู้ปฏิบัติอยู่เหนือโลก จิตว่างกิเลส เข้าถึงพระนิพพาน เท่านั้น
ผิดจากโลกุตรธรรม พระพุทธองค์ไม่ได้ทรงสอน และที่มี ก็มิใช่คำสอนพระพุทธองค์ หากแต่มีสอนกันอยู่แล้วทั่วๆ ไป
นั่นคือส่วนที่เรียก “โลกียธรรม” สอนให้ทุกข์กับไม่ทุกข์แบบ “หมาเกาขี้เรื้อน”
คันก็เกา หายคันก็หยุด พอคันก็เกาอีก จนเลือดเข้า-เลือดออก วนอยู่อย่างนั้น จนตาย เพราะจิตยังมีอวิชชา ไม่รู้อริยสัจ ไม่รู้ขันธ์ ๕ อุปาทานผูกรัด สู่ความหลุดพ้นไม่ได้
คือการสอนยึดอัตตา เพื่อหลอกขายบุญ-ขายค้อน-ขายสวรรค์นั่นแหละ
ซึ่งไม่ใช่พุทธ……
เพียงอาศัยพุทธเป็นคราบขายค้อนเท่านั้น!
https://www.thaipost.net/?q=plew.seengern