อัยย่ะ งานนี้มีจำเลยร่วมเพิ่มขึ้นมากเลย
๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙
สำหรับวันนี้ จำเลยที่หนึ่ง คือ ประตูล้อที่ปิดสนิท ป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ได้
จำเลยที่สอง รถขุด รถเกรด ที่บังอาจมาจอดกีดขวางทางเข้าออกเพื่อสกัดกั้นไม่ให้เข้าไปถึงตัวหัวหน้าจำเลยได้
จำเลยที่สาม คือ บรรดาสาวกทาสผู้คลั่งไคล้ งมงาย มืดบอด ผู้ทำหน้าที่คอยขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่
จำเลยที่ ๔ คือ บรรดาคนห่มเหลืองที่ออกมานั่งแสดงพลังความงมงาย ไม่แยกแยะดีชั่วถูกผิด
จำเลยที่ ๕ คือ อาคารห้องลับ สารพัดห้องหับที่อลัชชีหัวหน้าผู้ต้องหาสร้างขึ้นเอาไว้หลบซ่อน
จำเลยที่ ๖ คือ บรรดาโฆสกปรกทั้งหลาย ทั้งหัวโล้น หัวดำ ที่กล่าวเท็จ ทำลายกระบวนการยุติธรรมและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
จำเลยที่ ๗ หัวหน้าอลัชชี
งานนี้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอกว่าจะผ่านด่านจำเลยไปจนถึงตัวหน้าหน้าผู้ต้องหาคงจะยาก
นี่ยังไม่รวมสิ่งกีดขวางสารพัดชนิดที่บรรดาสาวกอลัชชีจะสร้างขึ้นตามภูมิปัญญา
อยากแนะนำดีเอสไอและรัฐบาลว่า หากต้องการจะทำเรื่องนี้ดำเนินไปได้ตามกระบวนการยุติธรรม
ต้องใช้เหตุการณ์ในอดีตมาเป็นครู
ในคดีเมื่อปี ๔๑ รัฐบาลคุณชวน โดยนายอาคม เอ่งฉ้วน รัฐมนตรีช่วยกระทรวงศึกษาธิการ ผู้กำกับดูแลกรมการศาสนา
เนื่องจากเจ้าหน้าที่กองปราบนำหมายจับเข้าไปจับธัมมชโยถึงในวัดธรรมกาย แต่ก็ถูกโล่มนุษย์สกัดกั้นจนต้องล่าถอยออกมา
ได้เข้าไปกราบขอความเมตตาจากเจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลางแห่งวัดชนะสงคราม
ขอให้มีคำสั่งทางปกครองตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๓ (พ.ศ.๒๕๔๑) ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์
ข้อ ๗ เจ้าคณะใหญ่มีอำนาจหน้าที่ปกครองคณะสงฆ์ในเขตหนของตน ดังนี้
(๑) ดำเนินการปกครองคณะสงฆ์ให้เป็นไปตามพระธรรมวินัยกฎหมาย กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง มติ ประกาศ พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช
(๒) ควบคุมและส่งเสริมการรักษาความเรียบร้อยดีงามการศาสนศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การเผยแผ่พระพุทธศาสนา การสาธารณูปการ และการสาธารณสงเคราะห์ ให้ดำเนินไปด้วยดี
(๓) วินิจฉัยการลงนิคหกรรม วินิจฉัยข้ออุทธรณ์คำสั่งหรือคำวินิจฉัยชั้นภาค หรือมีอำนาจหน้าที่ในกรณีที่ได้รับมอบหมายอย่างอื่นจากมหาเถรสมาคม
(๔) แก้ไขข้อขัดข้องของเจ้าคณะภาคให้เป็นไปโดยชอบ
(๕) ควบคุมบังคับบัญชาเจ้าคณะและเจ้าอาวาส ตลอดถึงพระภิกษุสามเณรผู้อยู่ในบังคับบัญชาหรืออยู่ในเขตปกครองของตน และชี้แจงแนะนำการปฏิบัติหน้าที่ของผู้อยู่ในบังคับบัญชา ให้เป็นไปโดยความเรียบร้อย
(๖) ตรวจการและประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองของตน
สมเด็จวัดชนะจึงอาศัยอำนาจทางปกครองตามกฎหมายออกโดยเด็ดขาด ให้ธัมมชโยออกมามอบตัว หากไม่ออกมาต้องถูกจับสึก
ธัมมชโยจึงต่อลองว่าขอมามอบตัวที่วัดชนะ และต้องให้ประกันตัวด้วย
พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง.ก.ตร. หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกาย จึงยินยอม
เหตุการณ์ในคดีเช่นนี้กำลังยังย้อนกลับมาเริ่มใหม่ดุจดังกงกรรมกงเกวียน
ถ้าหากรัฐบาลปรารถนาจะนำตัวธัมมชโยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมคงต้องเดินเข้าไปหา สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง แห่งวัดพิชยญาติการามวรวิหาร หรือไม่ก็สมเด็จช่วงผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ของธัมมชโย
ให้กรุณาออกคำสั่งทางการปกครองให้ธัมมชโยออกมามอบตัว หากไม่ยอมมาก็ให้ถือว่าพ้นสภาพจากความเป็นนักบวช
เท่านี้ก็น่าจะคลี่คลายสถานการณ์ลงไปได้
ทีนี้ ไม่รู้ว่าคนคุ้นเคยกันอย่างสมเด็จวัดพิชยญาติกับสมเด็จช่วง จะกล้าสั่งหรือไม่
พุทธะอิสระ
[ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์ เนชั่นทีวี และสำนักข่าวทุกสำนัก]