ย้อนดู อดีต จนถึง ปัจจุบัน

0
358

มาดูประวัติศาสตร์ ที่อลัชชีลวงโลกตนนี้ เคยกระทำมา ตามที่ปรากฏเป็นข่าว
พุทธะอิสระ
—————————————
เดลินิวส์ 26/8/2542
กฎหมู่เหนือ กม. ‘ไชยบูลย์’ ได้ประกัน-ไม่สึก ตร.กลัวม็อบสอบ4ชม.แล้วปล่อยพร้อมสมุน
“ไชยบูลย์”โผล่วัดชนะสงครามฯ ไม่กล้าตระบัดสัตย์เข้ามอบตัวโดยดี ตำรวจใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงสอบเครียด ผู้ต้องหาปฏิเสธพร้อมให้การชั้นศาล พระปลอมยืดไหล่เดินจีวรปลิว หลังอาศัยกฎหมู่กดดันพนักงาน สอบสวนให้ประกันตัวเป็นอิสระวงเงินคนละ 2 ล้านบาท “พรศักดิ์”วอนขอความเห็นใจตำรวจทำดีที่สุดแล้ว ประเมินสถานการณ์ ถ้าจับถอด ผ้าเหลืองเกิดความรุนแรงแน่หลังวัดฉาวระดมกำลังเตรียมก่อม็อบลุยแน่ ผู้ปกครอง นักเรียนด่ายับ ตัววุ่นทำเด็กเดือดร้อน ต้องเลิกเรียน เร็วกว่า ปกติ “เสธ.หนั่น”โวย”เบญจ์ บาระกุล”เพี้ยน กล่าวหาเรื่องโอนย้ายตำรวจ ท้าออกมาเปิดเผยตัวซึ่งหน้า
การจัดการกับนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย เป็นเรื่องที่คนทั้งประเทศจับตามองแทบไม่กระพริบ โดยเฉพาะเมื่อมีการระบุว่านายไชยบูลย์จะมอบตัวสู้คดีที่ถูกพนักงานสอบสวนกล่าวโทษคดีอาญา 2 ข้อหาคือยักยอกทรัพย์และเป็นเจ้าหน้าที่ประพฤติมิชอบ

“ไชยบูลย์”มุดวัดสระเกศ
เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา [2542] กระแสความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นที่วัดสระเกศ โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 3.00 น. ที่มีกระแสข่าวว่า นายไชยบูลย์เข้าพบสมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ) ตั้งแต่คืนวันที่ 24 ส.ค. และพบกันข้ามคืน จนตี 3 นายไชยบูลย์ถึงออกไปจากวันสระเกศ

ส่วนที่หน้าวัดพระธรรมกาย กองทัพนักข่าวและตำรวจปักหลักรอหน้าวัดตั้งแต่เวลา 3.00-5.00 น. ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของวัดได้ไล่รถถ่ายทอดสดของโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ ให้ออกพ้นบริเวณวัด โดยให้เหตุผลว่าต้องการเส้นทางให้รถบัสขนาดใหญ่ที่จะขนญาติโยม เดินทางออกจากวัด กระทั่งเวลา 7.00 น. เหตุการณ์หน้าวัดพระธรรมกายคลี่คลายลง เนื่องจากญาติโยมที่รวมตัวกันหน้าวัดพระธรรมกายเริ่มทยอยกลับ โดยได้มีรถส่วนตัวและรถบัสออกจากวัดไม่ขาดสาย แต่ยังเหลือสาวกอยู่ราว 2,000 คน สานุศิษย์ส่วนใหญ่บอกว่าสบายใจขึ้นเมื่อรับการบอกกล่าวว่าจะไม่มีการจับนายไชยบูลย์ถอดผ้าเหลือง
พระปลอมเลือกมอบตัววัดชนะ

รายงานข่าวจากกองปราบปรามเปิดเผยว่า ทนายความของวัดเจรจากับพล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช. สง.ก.ตร.ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เสร็จสิ้น โดยจะให้ประกันตัวนายไชยบูลย์ชั้นพนักงานสอบสวน หลังจากการเข้ามอบตัว โดยพนักงานสอบสวนยื่นข้อเสนอให้นายไชยบูลย์มอบตัวที่วัดเป็นกลาง ได้แก่วัดสระเกศ วัดชนะสงคราม และวัดปากน้ำ สุดท้ายตกลงกันว่าจะมอบตัวกันที่วัดชนะสงคราม แต่มีเงื่อนไขเรื่องการรักษาความปลอดภัย รวมถึงการดูแลสื่อมวลชนที่จะมาทำข่าว

ที่วัดสระเกศ เมื่อเวลา 8.00น. บรรยากาศบริเวณวัดเริ่มเงียบเหงา จนกระทั่งถึงช่วงสายสมเด็จพระพุฒาจารย์ ออกมา ฉันเพล และกล่าวกับสื่อมวลชนสั้นๆว่ากลับไปเถิดวันนี้ไม่มีการมอบตัว เป็นเรื่องตำรวจและยังไม่ได้รับการ ขอร้อง จากตำรวจให้เป็นผู้เจรจาให้ แต่เมื่อคืนวันที่ 24 ส.ค. พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รองผบ.ตร. เดินทางมาพบอาตมา และได้พูดคุยกันแล้ว

ส่วนที่วัดชนะสงคราม ที่เป็นสถานที่นัดรับมอบตัวนายไชยบูลย์ ตั้งแต่ช่วงเช้ากองทัพนักข่าวก็ไปปักหลักรอคอย โดยสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสสโร) เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม ตรวจตราความเรียบร้อยของสถานที่ด้วยสีหน้าแช่มชื่น และพ.ต.อ.ดุสิตสันต์ เถรพัฒน์ รองผบก.น.1 ประสาน งานงาน กับสมเด็จพระมหาธีราจารย์ โดยขอเปลี่ยนสถานที่จากกุฎิสมเด็จฯเป็นศาลากองทัพบกปฏิสังขรณ์ พร้อมกำหนดเวลามอบตัวเวลา 14.00น. พระครูปลัดสัมพิพัฒน์ธีราจารย์ พระเลขาสมเด็จวัดชนะฯ กล่าวว่า ได้สั่งเตรียม พร้อมหาสถานที่แล้ว และสมเด็จวัดชนะฯไม่ได้เข้าไปยุ่งเพียงแต่อนุญาตให้ใช้สถานที่เท่านั้น

มท.1 ตกลงประกัน 2.5 ล้าน
เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รมว.มหาดไทย ,นายชำนิ ศักดิ์เศรฐ รมช.มหาดไทย, พล.ต.อ.พรศักดิ์, พล.ต.ท.สมบัติ อมรวิวัฒน์ ผช.ผบ.ตร.,พล.ต.ท.วาสนา,พล.ต.ต.ปานศิริ ประภาวัตร รองผบช.ก. ตร.,พ.ต.อ.ดุสิตสันต์ เข้ากราบนมัสการสมเด็จพระมหาธีราจารย์ที่บริเวณพระอุโบสถ โดย หารือลับเป็นเวลา 15 นาที เพื่อวางแผนและเตรียมขั้นตอนการมอบตัวรวมถึงการสอบสวนนายไชยบูลย์ จากนั้น พล.ต.สนั่นให้สัมภาษณ์ว่า เดินทางมาขออนุญาตเพื่อสอบสวน นายไชยบูลย์และขอแนวทางในการสอบสวน โดยสมเด็จวัดชนะฯยินดีอนุญาตให้สถานที่เพื่อความสงบเรียบร้อย

พล.ต.สนั่น ยืนยันว่าพนักงานสอบสวนจะให้ความเป็นธรรม และเชื่อว่าจะมีการมอบตัวโดยไม่มีเงื่อนไขหรือข้อต่อรองใดๆ รวมถึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ ดำเนินการด้วยความตรงไปตรงมา อย่าใส่ร้ายใคร และก็อย่าช่วยเหลือใคร และตนเป็นส่วนหนึ่งที่ประสานงานให้มีการมอบตัวในวันนี้ ขอยืนยันว่านายไชยบูลย์มาแน่

ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้านายไชยบูลย์ไม่มอบตัวจะทำอย่างไร พล.ต.สนั่นกล่าวว่า เป็นเรื่องอนาคต ส่วนมอบตัวแล้วจะอนุญาตให้ประกันหรือไม่เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน ไม่มีสิทธิก้าวก่าย เชื่อว่าจะไม่เกิดความวุ่นวาย และขอปฏิเสธไม่รู้จักกับนายเบญจ์ บาระกุล ที่อ้างเป็นนักกฎหมาย และเขียนบทความโจมตีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และการที่อ้างว่าตนไม่มีคุณสมบัติ สมัครผู้แทนฯจึงโอนกรมตำรวจไปเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อประโยน์นการเลือกตั้ง เรื่องนี้คงเพี้ยนไปแน่ ทางที่ดีควรออกมาเปิดเผยตัวดีกว่า
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการหารือระหว่างพล.ต.สนั่นกับสมเด็จวัดชนะฯเบื้องต้นสรุปว่าพนักงานสอบสวน จะให้นายไชยบูลย์ประกันตัววงเงิน 2 ล้านบาท เพื่อลดกระแสความรุนแรงของญาติโยม และตำรวจขอเปลี่ยน แปลง สถานที่มอบตัวเป็นศาลาคณะ 12 และ ในเวลา 11.00 น. สมเด็จวัดชนะฯเดินทางไปฉันเพลที่บ้านโยมใกล้ชิด ในละแวกเดียวกัน ศาลรธน.เมินตีความม.38

นายสมพร เทพสิทธา สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานยุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ กล่าวถึงการดำเนินการกับนายไชยบูลย์ว่า ไม่เชื่อว่าการดำเนินการ ทางสงฆ์จะสามารถจัดการกับนายไชยบูลย์ได้ เพราะไม่เชื่อมั่นในตัวพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 และเห็นว่าควรจะมีการ เปลี่ยนตัวให้พระเถระชั้นผู้ใหญ่คนอื่นมาทำหน้าที่แทนเจ้าคณะภาค 1 สำหรับการดำเนินการ ทางสงฆ์ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่เจ้าคณะภาค 1 ต้องทำรายงานส่งต่อเจ้าคณะใหญ่หนกลาง อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวมีความมั่นใจในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่า

ในวันเดียวกันผู้สื่อข่าวรัฐสภารายงานว่า จากกรณีที่นายผ่อง เล่งอี้ อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ ศิษย์คนสนิทของนายไชยบูลย์ พร้อมด้วยกัลยาณมิตรกว่า 73 คน ร่วมลงชื่อยื่นเรื่อง ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความคุ้มครองสิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 38 และร้องเรียนไปยัง 4 หน่วยงานคือ กระทรวงศึกษาธิการ กรมการศาสนา สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมประชาสัมพันธ์ โดยวัดพระธรรมกายอ้างว่าเป็นองค์กรหนึ่งของรัฐด้วย

ทั้งนี้หนังสือดังกล่าวระบุว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 38 บัญญัติว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการนับถือศาสนา นิกายของศาสนาและลัทธินิยมทางศาสนา และย่อมมีเสรีภาพในการปฏิบัติศาสนบัญญัติ หรือปฏิบัติพิธีกรรมตามความเชื่อถือของตน ซึ่งเสรีภาพดังกล่าวย่อมได้รับการคุ้มครอง มิให้รัฐกระทำการใดๆ อันเป็นการริดรอนสิทธิ์ จึงขอให้ศาล รัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำของรัฐผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยคาดว่า จะมีการนำเรื่องเข้าหารือว่าจะมีการพิจารณาหรือไม่ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ อย่างไรก็ตามคาดว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่รับเรื่องของวัดพระธรรมกายวินิจฉัย เนื่องจากวัดพระธรรมกายไม่ใช่องค์กรของรัฐ

“ชวน”แนะ”ไชยบูลย์”สู้ความจริง
นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นการพยายามทำตามข้อเรียกร้องเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ให้เป็นไปตามระเบียบของบ้านเมือง คิดว่านายไชยบูลย์ก็จะมีโอกาสพิสูจน์ความจริง ข้อกล่าวหาโดยการสู้คด ีและทุกฝ่ายก็ให้ความเป็นธรรม เพราะมีกฎหมายที่เป็นกฎเกณฑ์ของบ้านเมืองที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ ขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรม ความจริงต้องเป็นความจริง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรต้องเป็นไปตามนั้น

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการกล่าวว่า เมื่อนายไชยบูลย์เข้ามอบตัวต่อ พนักงานสอบสวนแล้ว บทบาท ในการประสานงานของกระทรวงศึกษาธิการก็สิ้นสุดลง ขั้นตอนต่อไปก็เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนจะดำเนินคดี ส่วนกระทรวง ศึกษาธิการก็จะดำเนินการกระบวนการทางสงฆ์แทน ซึ่งขั้นตอนนี้รอให้พระพรหมโมลี ชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรต่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงครามพิจารณาก่อนว่าการดำเนินการของเจ้าคณะภาค 1 นั้นถุกต้องหรือสมควรอย่างไร

ส่วนการถอดถอนออกจากตำแหน่งนั้น เมื่อเข้ามอบตัวให้ดำเนินคดีอาญา คงต้องถอดถอนออกจากตำแหน่งก่อน ซึ่งเป็นไปตามกฎมหาเถรฯ แต่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าคณะปกครองว่าจะพิจารณาเห็นเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามได้ให้ความเป็นธรรมที่สุดแก่นายไชยบูลย์อยู่แล้ว ส่วนจะถอด ผ้าเหลืองออกหรือไม่นั้นต้องดูว่ามีการให้ประกันตัวหรือไม่ ถ้าไม่ให้ประกันก็ต้องจับสึก รอง ผบ.ตร.เรียกพบที่วัดชนะฯ

เช้าวัน เดียวกันนี้ ที่ บชน. พล.ต.ท.สมบัติ อมรวิวัฒน์ ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผบช.สง. ก.ตร. หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกาย ได้นัดกับพล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รองผบ.ตร. เพื่อประชุมการนัดมอบตัวของนายไชยบูลย์ ที่ห้องประชุมศูนย์บัญชาการ ซี 3 ไอ บช.น. แต่ต่อมาพล.ต.อ.พรศักดิ์ได้โทรศัพท์เรียกพล.ต.ท.สมบัติกับพล.ต.ท.วาสนาให้ไปพบที่วัดชนะสงคราม โดยพล.ต.ท.วาสนากล่าวว่าในเรื่องการให้ประกันตัวนายไชยบูลย์นั้นเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวน แต่หากเกินความสามารถจริงๆคงต้องเสนอนายกรัฐมนตรี ส่วนประเด็นอื่นเกี่ยวกับคดีไม่ขอตอบ ให้ไปสอบถามพล.ต.อ.พรศักดิ์

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีลูกศิษย์วัดธรรมกายผลักอกนักข่าวของน.ส.พ.บางกอกโพสต์ และนำเชือกมากั้นไม่ให้รถผู้สื่อข่าวออก จุดนี้จะดำเนินการอย่างไร พล.ต.ท.วาสนา กล่าวว่ามีการถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานหรือไม่ ขอแนะนำนักข่าวฉบับนั้นเดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจในคดีทำร้ายร่างกายและคดีหน่วงเหนี่ยวกักขัง ยินดีให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ หลอกสื่อขึ้นรถออกด้านข้าง

ส่วนที่กองบัญชาการตำรวจภาค 1 เวลา 11.00 น.พล.ต.อ.พรศักดิ์ ได้เรียกนายตำรวจที่เกี่ยวข้องในคดีวัดพระธรรมกายเพื่อร่วมประชุมเกี่ยวกับขั้นตอนการสอบสวน ภายหลังจากนายไชยบูลย์เข้ามอบตัวในช่วงบ่าย พร้อมกับสั่งการให้ตระเตรียมกำลังพลตำรวจเข้ารักษา ความปลอดภัยทั้งที่วัดชนะสงครามและวัดพระธรรมกาย ใช้เวลาการประชุมประมาณ 40 นาที จึงเสร็จสิ้น จากนั้น พล.ต.ต.พิชิต ควรเดชะคุปต์ รอง ผบช.ภ.1และ พล.ต.ต.จุมพล มั่นหมาย ผู้ช่วย ผบช.ภ.1และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก.1 ป.เดินทางไปยังวัดพระธรรมกายเพื่อดูความสงบเรียบร้อย ของนายไชยบูลย์ก่อนที่จะเข้ามอบตัวตามที่นัดหมาย

สาวกวัดฉาวถ่อยจ้องราวีสื่อมวลชน ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริเวณหน้าวัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีว่า ตั้งแต่เวลา 06.00 น. มีรถบัส 5 คัน จากเชียงใหม่ ขนสาวกเดินทางเข้าไปภายในวัด และมีผู้ที่เดินทางมาด้วยรถยนต์อีกจำนวนหนึ่ง ต่อมาเวลา 10.00 น. ทางวัดได้นำรถบัส 10 คันมารับสาวกของวัดเดินทางไปที่วัดชนะสงคราม ขณะเดียวกันสาวกบางส่วน ก็เริ่มปฏิบัติการ จองเวรสื่อมวลชนโดยใช้รถบัสปรับอากาส 2 ชั้นมาจอดบังรถสื่อมวลชนเพื่อให้ทำงานไม่สะดวก อีกทั้งยังพูดจากระทบกระแทกหวังจะให้มีการต่อปากต่อคำ แต่สื่อมวลชนใช้ความอดทนสงบนิ่ง บรรดาสาวกถ่อยจึงถอยกลับเข้าไปในเต๊นท์หน้าประตู

เวลา 13.30 น. เริ่มมีการเคลื่อนไหวภายในวัดให้เห็น มีการเตรียมรถ จนกระทั่งเวลา 14.00 น. ที่ประตูด้านหน้าติดถนนสายคลองหลวง บางขัน บรรดาสาวกที่แฝงตัวเป็นอาสาสมัครเริ่มออกจากเต๊นท์ มาเข้าแถวคล้องแขน กันสื่อมวลชน จากนั้นได้มีรถบัสปรับอากาศ 10 คัน รถตู้ รถเก๋ง รถปิคอัพ เคลื่อนขบวนออกจากวัดด้วยความรวดเร็ว โดยมีสาวกถ่อยคอยรบกวนการทำงานของสื่อมวลชนด้วยกริยากักขฬะ ทั้งปัดกล้องช่างภาพ ใช้ผ้าใช้ร่มกางบังจนถึงขั้นใช้กำลังเข้าผลักจนเป็นที่โกลาหล เมื่อขบวนรถผ่าน ออกไปหมดแล้ว บรรดาสาวกก็เปล่งเสียงไชโยกันลั่นด้วยความฮึกเหิม พร้อมทั้งตะโกนว่า “ชิตังเม” หอบสำนวน 2 พันหน้าเตรียมพร้อม

ต่อมาเวลา 12.00 น. พล.ต.ท.วาสนา หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกายพร้อมด้วยพนักงานสอบสวน จากกองปราบฯ นำสำนวนสอบสวนกว่า 2,000 หน้า มาที่วัดชนะสงคราม จากนั้นก็ไปที่ห้องสอบสวนภายในอุโบสถวัด ซึ่งทางวัดจัดไว้ให้เป็นห้องสอบสวน จากนั้นในเวลา 13.00 น. พ.ต.อ. ฉันทวิทย์ รามสูตร ผกก.กก.ปจ. นำ กำลังพลจำนวน 350 นาย เดินทางมาที่วัดด้วยรถบัส 4 คัน และสั่งการให้เจ้าหน้าที่กระจายกำลังยืนรอบวัด แบ่งเป็นด่าน 3 ด่าน คือนอกวัด ในวัด และบริเวณคณะ 12-13 โดยกำลังพลทั้งหมดติดอาวุธครบมือ

พล.ต.ต.ธวัชชัย พรหมประสิทธิ์ รองผบช.น.เปิดเผยว่า พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์ ผบช.น.ผบช.น.ได้สั่งการให้กำลังตำรวจปราบจลาจลเดินทางมาดูแลความปลอดภัย ซึ่งคิดว่า เป็นการเพียงพอและคาดว่าคงไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นและตำรวจจะอยู่จนการสอบสวนเสร็จสิ้น ส่วนศิษย์วัดพระธรรมกายที่เดินทางมา 2,000 คน ให้คนเหล่านี้ไปแอยู่ที่สนามหลวง เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในวัด นอกจากผู้สื่อข่าว รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนออกหาข่าวด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกดิการทะเลาะวิวาท ระหว่างฝ่ายสนับสนุน และฝ่ายค้าน รวมทั้งมีการสั่งการให้กองบังคับการ ตำรวจดับเพลิง นำรถดับเพลิงจำนวน 2 คัน มาเตรียมพร้อมหากเกิดเหตุการณ์จลาจลขึ้น

โจรใจถึงล้วงคองูเห่า

รายงานระบุว่ามีประชาชนจำนวนมากซึ่งอยู่บริเวณย่านดังกล่าวได้มาดูบริเวรหน้าวัด 2,000-3,000 คน เพราะอยากดูหน้านายไชยบูลย์ เนื่องจากเห็นข่าวว่าจะเข้ามาทางด้านหน้าวัด ภายหลังพล.ต.อ.พรศักดิ์ เดินทาง มาถึง ในเวลา 14.00 น.นายไชยบูลย์ได้ขึ้นรถตู้โตโยต้า สีขาวน้ำตาล หมายเลขทะเบียน 1 ฝ – 4643 กทม.ออกจากซอยด้านข้างๆของวัดมุ่งหน้ามามอบตัว ที่วัดชนะสงคราม พร้อมกับหลอกล่อสื่อมวลชน ไม่ให้ติดตามด้วยการให้บรรดาญาติธรรมนั่งรถบัส 4 คัน ออกมาทางประตูด้านหน้าของวัด
ขณะเดียวกันที่วัดชนะสงคราม บรรยากาศโดยรอบเป็นไปด้วยความคึกคักและตื่นเต้นว่า นายไชยบูลย์จะพลิกลิ้นตระบัดสัตย์ไม่เข้ามอบตัวหรือไม่ โดยมีประชาชนและสื่อมวลชนราว 2,000 คนแออัดอยู่บริเวณหน้าวัด การจราจรบริเวณนั้นติดขัด เจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งให้ปิดการจราจร ถนนจักรพงษ์ตั้งแต่แยกบางลำภูตลอดสาย กระทั่งเวลา14.30 น.ก็เกิดเหตุการณ์โกลาหลขึ้น เพราะหลายคนคิดว่าศิษย์วัดพระธรรมกายมาก่อกวนหน้าวัดชนะฯ เมื่อตำรวจสายสืบ สน.ชนะสงครามได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่กำลังจะขึ้นรถประจำทางปรับอากาศสาย ปอ.6 เห็นชายผู้หนึ่งกรีดกระเป๋าผู้หญิง จึงได้เข้าจับกุมนายสมชาย มลุลี อายุ 42 214 ตรอกวัดพระยายัง ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เขตราชเทวี พร้อมของกลางคือกระเป๋าหนังสตรีสีดำ มีเงินสด 1,200 บาท บัตรเอทีเอ็มระบุชื่อน.ส.วรรณลิภา จันทร์อัมพร อายุ 28 คน จากนั้นจึงควบคุมมาสอบสวนที่ สน.

โห่ไล่สาวก”ไชยบูลย์”

ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. ทางขบวนรถของญาติโยมนายไชยบูลย์เป็นรถบัส 6-7 คันเดินทางจาก วัดพระ ธรรมกายเพื่อมาให้กำลังใจและกดดันเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ประกันตัวนายไชยบูลย์หลังจากเข้ามอบตัว ได้เดินทางมาถึงแยกบางลำภู เมื่อมาถึงขบวนรถดังกล่าวจะเลี้ยวมาบริเวณหน้าวัด ตำรวจจราจร สน.ชนะสงครามได้ห้ามไม่ให้ขบวนรถเข้ามาบริเวณดังกล่าว แต่ให้ไปจอดที่สนามหลวงแทน ส่วนใครจะมาให้กำลังใจก็เดินด้วยเท้ามาแทน ขณะที่ขบวนรถวิ่งผ่านหน้าวัด ซึ่งมีกลุ่มฝูงชนที่จับกลุ่มต่อต้านนายไชยบูลย์ได้โห่ร้องด่าทอขบวนศิษย์ธรรมกายต่างๆนานา โดยในรถบัสทุกคันมีพระสงฆ์นั่งรวมมาด้วย ระหว่างนั้นก็มีหญิงวัยกลางคนอายุราว 54 ปี ซึ่งมีบ้านพักอาศัยอยู่บริเวณนี้ ได้นำเอาพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นรูปเข้าเฝ้า และกราบสมเด็จพระสังฆราช มาชูให้ขบวนรถที่วิ่งผ่านไปดู พร้อมตะโกนขณะที่ร้องไห้ไปด้วยว่า ให้สำนึกบุญคุณบ้าง ทำให้เจ้าหน้าที่ วัดพระธรรมกายซึ่งมาในขบวนรถ ได้ถ่ายรูปและถ่ายวีดิโอภาพของหญิงนิรนามรายนี้ไว้อย่างละเอียด
นอกจากนี้กลุ่มพุทธศาสนิกชนไดยนำโดยนายวรัญชัย โชคชนะ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองได้เอาแผ่นป้ายผ้าซึ่งมีใจความว่า จับสึกไชยบูลย์ ไม่ให้ประกันตัว ตำรวจกู้ชาติศาสนา คุณแว่นสอนคนจนในคุกได้บุญมาก ไชยบูลย์มันใหย่มาจากไหน ต้องอยู่ใต้กฎหมายเดียวกัน นิกร พุทโธ ยันตระ ก็ถอดจีวรก่อนจะสู้คดีมาขึงโชว์ นอกจากนี้ยังมีการจัดไฮปาร์คด่านายไชยบูลย์ แจกธงชาติให้แก่ผู้ผ่านไปมาสร้างสีสันครึกครึ้นพอสมควร

“ไชยบูลย์”-สมุนถึงวัดชนะ

หลังจากเลยเวลานัดหมายไปกว่า 1 ชั่วโมง พล.ต.อ.พรศักดิ์ได้เดินทางมาที่บชน.หารือกับ พล.ต.ท. วรรณรัตน์ ในคดีของวัดพระธรรมกายเปิดเผยว่า ในเรื่องการประกันตัวนั้นให้เป็นอำนาจของพล.ต.ท.วาสนา ส่วนการจะพิจารณาให้ประกันตัวหรือไม่นั้นก็แล้วแต่จะพิจารณากันเอง เรื่องนี้คงไม่ยืดเยื้อเพราะหากนายไชย บูลย์ให้ความร่วมมือในการสอบสวนปากคำก็ต้องพิจารณาให้มีการประกันตัว
กระทั่งเวลา 15.15 น. รถชบวนของนายไชยบูลย์ก็เดินทางมาถึงวัดชนะสงครามสถานที่ที่จะมอบตัวสู้คดี โดยนั่งรถตู้โตโยต้า ทะเบียน 1 ฝ – 4643 กรุงเทพมหานคร ใช้ม่านผ้าสีน้ำตาลปิดกั้นทั้งคันเข้ามาทางด้านซอยรามบุตรี ข้างวัดชนะสงครามบริเวณประตู โรงเรียนอัมพรไพศาล เมื่อมาถึงพล.ต.ต.จุมพล มั่นหมาย ผู้ช่วยผบช.ภ.1 ได้ ลงจากรถมาเป็นคนแรก ตามด้วยพระสมชาย ฐานวุฒโฑ ผอ.เผยแผ่วัดพระธรรมกาย นายไชยบูลย์ สุทธิผล พระภาวนาวิริยคุณ (พระเผด็จ ทัตตชีโว) รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย นายถาวร พรหมถาวร คนสินทนายไชยบูลย์ที่ถูกหมายจับพร้อมกัน โดยพนักงานสอบสวนได้ทั้งหมดเข้าทางประตูเข้าคณะ 14 จากนั้นก็เดินตัดไปทางคณะ 13 และเข้าคณะ 12 ซึ่งถูกเปลี่ยนให้เป็นสถานที่สอบสวนตามลำดับ
เปลี่ยนสถานที่สอบปากคำใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อมาถึงก็เกิดความวุ่นวายโกลาหลเป็นอย่างมาก เนื่องจากในครั้งแรก ประชาชน คาดว่านายไชยบูลย์จะเข้าทางประตูหน้าโดยตรง แต่กลับมาเข้าด้านหลัง ทำให้สื่อมวลชน ที่ติดตาม่ ขาวชนกันเองล้มระเนระนาด นอกจากนี้โดยรอบคณะ 12 มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล 191 เรียงราย ล้อมอยู่เต็มพื้นที่เต็มที่ ตำรวจบางคนกระทบกระแทกกับสื่อมทวลชนขนาดหมวกกันน็อคหลุดกระเด็น นายไชยบูลย์นั้นเดินทางมามอบตัวโดยที่ถอดแว่นตาดำอย่างที่ผ่านมา จนทางพล.ต.อ.พรศักดิ์ ต้องขอร้องสื่อทุกแขนงให้ออกไปจากบริเวณดังกล่าว แต่ให้ไปรอที่ลานจอดด้านนอกที่อยู่ติดคณะ 11 หากเมื่อการสอบสวน เสร็จสิ้น ตำรวจจะพานายไชยบูลย์จะพาไปกราบ สมเด็จพระมหาธีราจารย์และเข้าอุโบสถ
พล.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้นายไชยบูลย์ได้มาแล้วซึ่งอยู่ด้านหลังโบสถ์ เนื่องจากไม่อยากให้เข้าด้านหน้าเพราะเกรงว่าศาสนสมบัติของวัดจะเสียหายหากเกิดเหตุการณ์รุนแรง ขอเวลาสอบสวน 3-4 ชั่วโมงในการสอบปากคำ เนื่องจากต้องมีการแจ้งข้อหาในการดำเนินคดีและวิธีการด้านกฎหมาย ต้องเคลียร์ก่อนแล้วจากนั้นจะออกมาแถลงข่าวสื่อมวลชน และให้สื่อซักถาม

ผู้ปกครองนักเรียนด่ายับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรดาผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนวัดชนะสงครามต่างแสดงความไม่พอใจที่โรงเรียน ปล่อยนักเรียนกลับบ้านเร็วกว่าปกติ ทำให้ผู้ปกครองต้องมารับลูกหลานเร็วกว่าเดิม สร้างปัญหาให้แก่ผู้ปกครองที่ต้องทำงาน ทั้งนี้เนื่องจากว่าโรงเรียนวัดชนะสงครามอยู่ในละแวก ติดกับสถานที่ที่ใช้สอบสวนนายไชยบูลย์ โดยผู้ปกครองบางรายระบุว่า ไม่รู้จะสร้างความวุ่นวาย สร้างความเดือดร้อนไปถึงไหน เด็กนักเรียนต้องเสียเวลาเรียน บางรายก็ระบุว่ามีสถานที่อื่นตั้งมากมาย ไม่รู้ว่าทำไมต้องเลือกใช้วัดชนะสงครามด้วย

ต่อมาเวลา 16.00 น. พล.ต.อ.พรศักดิ์ได้ออกมาพบสื่อมวลชนอีกครั้งโดยบอกว่า ได้พบกับนายไชย บูลย์แล้ว หลังสอบสวนเสร็จทนายจะขอยื่นหนังสือปล่อยตัวชั่วคราวกับพนักงานสอบสวน ถ้ายื่นมาแล้วก็ต้องพิจารณาถึงเหตุผลเพราะจะส่งผลไม่ต้องจับสึก ต้องพิจารณาข้อดีข้อเสียว่า เมื่อปล่อยแล้วผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือไม่ มีการข่มขู่พยานหรือไม่ และหลักทรัพย์ที่ยื่นมานั้นเชื่อถือได้เพียงใดทุกคนเสมอภาคกัน แต่ทางพนักงานสอบสวนต้องชั่งน้ำหนักกันระหวาง ความสะใจกับความสงบของบ้านเมืองว่าจะสามารถแลกกันได้หรือไม่ หลังจากนี้จะมีการแถลงข่าวด้านนอก แต่นายไชยบูลย์จะไม่ร่วมแถลงข่าว ให้ถ่ายภาพได้อย่างเดียว

คนรถ”ไชยบูลย์”ก่อเหตุวุ่น

เมื่อเวลา 18.35 น.ระหว่างที่รอการสอบสวนนายไชยบูลย์อยู่นั้น ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสั่งการคนขับรถนายไชยบูลย์ให้เลื่อนรถออกจากประตูคณะ 11 เพราะจอดใกล้เกินไปขัดขวางเกะกะ ซึ่งคนขับก็ทำตามแต่พอเลื่อนออกมาคนขับรถ กลับไม่ดับ เครื่องและเร่งเครื่องเป็นระยะ ทำให้เกิดควันท่อไอเสียรถ ส่งกลิ่นเหม็นเป็นที่รำคาญของสื่อมวลชน และประชาชนที่มาเฝ้าดูสถานการณ์ครั้งนี้ จนเทำให้นายกฤษณะ มิเลย์ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 125/26 ซอยวัดสน ถนนสุขสวัสดิ์ 37 แขวงและเขตราษฎร์บูรณะ ซึ่งอยู่ใกล้ประตูรถจึงเปิดประตูบิดกุญแจรถเพื่อดับเครื่อง แต่คนขับรถ ได้จับข้อมือบิด เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ศิษย์วัดพระธรรมกายอยู่บริเวณนั้นเข้ารุมทำร้าย จนเกิดชุลมุลวุ่นวาย ตำรวจจึงเข้าควบคุมตัวนายกฤษณะ และพาไปที่สน.ชนะสงคราม เพื่อสอบสวน หลังจากสอบปากคำเสร็จตำรวจจึงทำประวัติอาชญากร แล้วกล่าวตักเตือนก่อนที่จะปล่อยตัวไป เพราะเห็นว่าไม่มีเจตนาจะก่อความวุ่นวาย

[มีต่อ ตอน ๒] คลิก