ดู แก่ แถไปซิ
๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙
รอง ผอ.พศ. หนุนดีเอสไอเข้าหารือสำนักพุทธฯ พร้อมช่วยให้คำปรึกษาคดีพระธัมมชโย
วันที่: 24 พ.ค. 59 เวลา: 15:46 น.
นายชยพล พงษ์สีดา รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า ที่มีข่าวว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมประสาน พศ.ให้เป็นที่ปรึกษาในการดำเนินคดีกับพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายนั้น กรณีนี้ดีเอสไอทำถูกต้องตามหลักแล้ว เนื่องจากการจะดำเนินคดีอะไรก็แล้วแต่กับพระสงฆ์ ทุกหน่วยงานต้องประสานกับ พศ.เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่พระธัมมชโยโดนออกหมายจับจะมีความผิดทางกฎหมายสงฆ์หรือไม่ นายชยพล กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน การโดนหมายจับของพระธัมมชโย เหมือนคดีบุคคลทั่วไป เนื่องจากพนักงานสอบสวนดีเอสไอแค่สรุปว่ามีหลักฐานพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาเท่านั้น แต่ไม่ได้ถือว่ามีความผิด แม้แต่ขึ้นศาลแล้วก็ไม่ถือว่ามีความผิด ฉะนั้น ถือว่าพระธัมมชโยยังบริสุทธิ์
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ามีผู้ร้องเจ้าคณะผู้ปกครองให้สั่งพักงานพระธัมมชโย เนื่องจากมีมลทินทำให้คณะสงฆ์เสียหาย ตามหลักแล้วเป็นไปได้หรือไม่ที่เจ้าคณะผู้ปกครองจะสั่งพักงาน นายชยพล กล่าวว่า ขณะนี้จะมองว่าพระธัมมชโยมีมลทินไม่ได้ การโดนข้อกล่าวหาไม่ถือว่ามีความผิด การออกหมายจับพระธัมมชโย มาจากสาเหตุที่ท่านไม่ไปรายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหาเท่านั้น ที่สำคัญกฎหมายสงฆ์ไม่มีข้อบังคับเรื่องดังกล่าว การจะสั่งพักงานพระสงฆ์ต้องไปดูระเบียบตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 และกฎมหาเถรสมาคม (มส.) ก่อน
[ที่มา : มติชน https://www.matichon.co.th/news/146725]
————————————-
เรามาดูกฎหมายคณะสงฆ์กันหน่อยว่าเรื่องนี้อย่างไร
————————————-
กฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ
จริยาพระสังฆาธิการ
ข้อ ๔๔ พระสังฆาธิการต้องเอื้อเฟื้อต่อกฎหมาย พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ กฎกระทรวง กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง มติ ประกาศ พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช สังวรและปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัยโดยเคร่งคัด
ข้อ ๔๖ พระสังฆาธิการต้องตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง มิให้เกิดความเสียหายแก่การคณะสงฆ์และการพระศาสนา และห้ามมิให้ละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันควร
ข้อ ๔๗ พระสังฆาธิการต้องปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ และห้ามมิให้ใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ไม่สมควร
การละเมิดจริยา
*** ข้อ ๕๖ พระสังฆาธิการรูปใดต้องอธิกรณ์ หรือ ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีอาญา และอยู่ในระหว่างพิจารณาวินิจฉัย หรือมีกรณีต้องหากว่าละเมิดจริยาอย่างร้ายแรง และอยู่ในระหว่างสอบสวน ถ้าผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดเห็นว่าจะให้คงอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ในระหว่างพิจารณาหรือสอบสวน จะเป็นการเสียหายแก่การคณะสงฆ์ จะสั่งให้พักจากตำแหน่งหน้าที่ก็ได้
การให้พักจากตำแหน่งหน้าที่นั้น ให้พักตลอดเวลาที่พิจารณาหรือสอบสวน เมื่อพิจารณาสอบสวนเสร็จแล้ว ถ้าปรากฏว่าพระสังฆาธิการที่ถูกสั่งพักนั้นไม่มีความผิดและไม่มีมลทินความผิดเลย ผู้บังคับบัญชาผู้สั่งให้พักต้องสั่งให้พระสังฆาธิการรูปนั้นกลับดำรงตำแหน่งเดิม
เมื่อได้สั่งพักจากตำแหน่งหน้าที่นั้น หรือสั่งให้กลับดำรงตำแหน่งเดิมแล้ว ให้รายงานโดยลำดับจนถึงผู้มีอำนาจแต่งตั้ง และแจ้งให้กรมการศาสนาทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันสั่ง
แต่ถ้าปรากฏว่าถึงแม้การพิจารณาหรือสอบสวนจะไม่ได้ความสัตย์ว่าได้กระทำผิด แต่มีมลทินหรือมัวหมอง ให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งพิจารณา ถ้าเห็นว่าจะให้กลับเข้ารับหน้าที่อีกอาจเสียหายแก่การคณะสงฆ์ ก็สั่งปลดจากตำแหน่งหน้าที่ได้ ***
————————————-
ไม่รู้ว่า ท่านรองฯ แกจะเคยอ่าน กฎมหาเถรสมาคม หรือไม่
แหม…แหม…ทีตอนนี้ทำเป็นรอบรู้ อธิบายแก้ต่างได้เป็นฉากๆ
นักข่าวเขาถามว่า เมื่อพระธัมมชโย (ทั้งที่มันไม่ได้เป็นพระมานานแล้ว) ถูกออกหมายจับ จะมีความผิดทางกฎหมายสงฆ์หรือไม่
ท่านรอง ผอ. สำนักพุทธฯ บอกว่า ไม่เกี่ยวกัน การโดนหมายจับของพระธัมมชโยเหมือนบุคคลทั่วไป
เอา…ทีนี้ ท่านรองฯ เพิ่งจะรู้หรือว่า นายธัมมชโย เป็นแค่บุคคลทั่วไป ชาวบ้านเขารู้กันไปทั่วประเทศนานแล้ว
แล้วที่ท่านรองฯ ไปเรียกเขาว่า พระธัมมชโย นี่ก็ใช้เรียกบุคคลทั่วไปด้วยใช่ไหมท่านรองฯ
แถมยังบอกว่า ดีเอสไอ มีหลักฐานพอที่จะแจ้งจับตามข้อกล่าวหาเท่านั้น ยังไม่ถือว่ามีความผิด
แม้ชั้นศาลแล้วก็ยังไม่ถือว่ามีความผิด ถือว่าพระธัมมชโยยังบริสุทธิ์อยู่
แล้ว กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ หมวด ๔ จริยาพระสังฆาธิการ มาตรา ๕๖ หล่ะท่านรองฯ มันใช้ไม่ได้กับนายธัมมชโย ใช่ไหม
เอา ดีเอสไอ ช่วยตอบท่านรอง ผอ. สำนักพุทธฯ แกหน่อย ว่ามีหลักฐานหมัดเด็ดอะไรบ้าง
แต่เท่าที่สังคมเขารับรู้ ก็คือ พวกวัดพระธรรมกาย โดยเจ้าอาวาสธัมมชโย ปฏิเสธมาตลอดว่า ไม่ได้เคยรู้จักหรือสนิทสนมกับนักโทษศุภชัย ศรีศุภอักษร ประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และไวยาวัจกรวัดพระธรรมกาย ผู้ได้รับยกย่องให้เป็น อัครมหาอุบาสก แห่งวัดพระธรรมกาย
ซึ่งจากคำสารภาพของนายศุภชัย กลับบอกว่า เขารู้จักสนิทสนมกับ ธัมมชโย มา ๑๕ ปี ถึงขนาดเรียกขานกันด้วยชื่อเล่นที่รู้กันเฉพาะ ๒ คน
แล้วอย่างนี้ ท่านรอง ผอ.ฯ จะว่าอย่างไร
ศีล ๕ ยังไม่ครบ แล้ว ๒๒๗ จะเหลืออะไร
วันนี้ท่านรองฯ บอกไม่ผิดพระธรรมวินัย แต่ท่านรัฐมนตรีฯ สุวพันธุ์ ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้เกี่ยวทั้งกฎหมาย และทางพระธรรมวินัย
รวมความแล้ว หน่วยงานนี้เขาจะยึดเอาอะไรเป็นหลักคิดกันหล่ะจ๊ะ งง จ้ะ
พุทธะอิสระ