อัยย่ะ… มีรองเจ้าคณะอำเภอเป็นนายทุนปล่อยเงินกู้ด้วย

0
139

อัยย่ะ… มีรองเจ้าคณะอำเภอเป็นนายทุนปล่อยเงินกู้ด้วย
๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙

250559-บทความ-อัยย่ะ...-มีรองเจ้าคณะอำเภอเป็นนายทุนปล่อยเงินกู้ด้วย
บุกค้นวัดดัง!! อึ้งรถแต่งซิ่งกว่า 10 คัน มือถือ-โน้ตบุ๊กอื้อซุกโบสถ์ พระครูรับจำนำ
ข่าวสด วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11:16 น.

เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมนตรี จารุธำรง ผบ.ร้อย อส.จ.นพ.ที่ 1 เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา พ.อ.ปราโมทย์ นาคจันทึก รอง ผบ.มทบ. 210 ระดมเจ้าหน้าที่ชุด ฉก.ร้อย อส.จ.นพ. ที่ 1 และทหารชุด ฉก.มทบ.210 นครพนม นายวิสุทธิ์ ทองหนู กำนัน ต.บ้านเสียว อ.นาหว้า จ.นครพนม เดินทางเข้าตรวจสอบภายในวัดโพธิ์เครือ บ.เสียว หมู่ 10 ต.บ้านเสียว อ.นาหว้า จ.นครพนม หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า มีรถจักรยานยนต์จำนวนมากซุกซ่อนอยู่ เกรงว่าจะเป็นแหล่งพักของแก๊งโจรกรรมค้ารถเถื่อนข้ามชาติ

เมื่อไปถึงวัดดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้พบกับพระครูโพธิธรรมาภิรัต วัย 72 ปี รองเจ้าคณะอำเภอนาหว้า และเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เครือ จึงนำพาไปตรวจสอบภายในโรงครัว พบรถจักรยานยนต์ดัดแปลงแต่งซิ่ง มีทั้งสภาพเก่าและใหม่หลายยี่ห้อจำนวน 13 คัน มีติดป้ายทะเบียน จำนวนนี้ 6 คัน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตรวจสอบไม่มีเอกสารหลักฐานการครอบครองรถมาแสดง ภายในอุโบสถของวัด ยังพบเครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ โทรทัศน์ เครื่องเสียง ลำโพงโน้ตบุ๊ก และโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าจำนวนมาก กองเรียงรายกระจัดกระจาย เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เพื่อตรวจสอบหาที่มาว่าเชื่อมโยงไปยังขบวนการโจรกรรมหรือไม่

จากการสอบถามพระครูโพธิธรรมาภิรัต กล่าวว่า รถจักรยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าได้มาจากการรับจำนำจากญาติโยม เพราะสงสารชาวบ้าน จึงสงเคราะห์ช่วยเหลือ ซึ่งใช้เงินส่วนตัวมารับจำนำ โดยรถจักรยานยนต์รับจำนำคันละ 1,000-3,000 บาท ตามสภาพ ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้ารับจำนำ 100-1,000 บาท ดอกเบี้ยไม่กำหนดแน่นอน ตามกำลังศรัทธาของญาติโยม โดยทำมาประมาณ 1-2 ปีแล้ว ยืนยันว่าไม่มีใครอยู่เบื้องหลังหรือเจตนาเป็นอย่างอื่น แต่รถจักรยานยนต์ ที่รับจำนำมาไม่มีเอกสารหลักฐาน ในการรับจำนำไม่ได้มีการจัดทำบัญชีแต่อย่างใด

นายมนตรี ระบุว่า เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดไว้เพื่อตรวจสอบหาที่มา เชื่อว่าจะเชื่อมโยงไปยังขบวนการโจรกรรม และเป็นแหล่งที่พักของแก๊งโจรกรรมที่อาจใช้วัดบังหน้า เนื่องจากวัด ไม่เหมาะเป็นสถานที่ในการเก็บรักษาสิ่งของที่ได้มาจากการจำนำ หรือซื้อขายแลกเปลี่ยน ซึ่งที่ไม่ใช่กิจของสงฆ์ ซึ่งจะได้ตรวจสอบเอกสารหาที่มาโดยละเอียด พร้อมเรียกผู้ครอบครองรถมาสอบถาม หากเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย หรือเป็นการรับซื้อของโจร ทางเจ้าหน้าที่จะได้มีการดำเนินคดีตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด เพื่อเป็นการตัดวงจรของกลุ่มขบวนการโจรกรรมรถจักรยานยนต์ข้ามชาติ
[ที่มา : ข่าวสด https://www.khaosodonline.com/view_newsonline.php…]
—————————————————–
ชิตังเม โป้ง รวย! โป้ง รวย!
เท่าที่รู้ชาวบ้านจน แต่คนที่รวยคือนักบวชผู้ละโมบ
อ่านข่าวนี้แล้ว ทำให้นึกถึงพระชาดกเรื่อง พูดดีได้เงินได้ทอง
—————————————————–
อรรถกถา กุหกชาดก
ว่าด้วย พูดดีได้เงินได้ทอง
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุผู้มักหลอกลวงรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า วาจาว กิร เต อาสิ ดังนี้.
เรื่องการหลอกลวงจักปรากฏแจ้งใน อุททาลกชาดก.
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี
ชฎิลโกงผู้หนึ่งเป็นดาบสหลอกลวง อาศัยอยู่ในหมู่บ้านตำบลหนึ่ง.
กุฎุมพีคนหนึ่งช่วยสร้างศาลาในป่าให้ดาบสนั้น ให้ดาบสอยู่ในบรรณศาลา
ปรนนิบัติด้วยอาหารอันประณีต ในเรือนของตน
เขาเชื่อว่าดาบสโกงนั้นเป็นผู้มีศีล จึงนำเอาทองพันแท่งไปยังบรรณศาลาที่อยู่ของดาบสแล้ว ฝังไว้ในแผ่นดิน เพราะกลัวโจร พร้อมกล่าวว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ พระคุณเจ้าพึงดูแลทองนี้ด้วย.
ครั้งนั้น ดาบสกล่าวกะเขาว่า คุณ! การพูดแบบนี้แก่พวกที่ได้นามว่าบรรพชิต ไม่สมควรเลย
ขึ้นชื่อว่าความโลภในสิ่งของของผู้อื่น ของพวกเราไม่มีเลย.
เขากล่าวว่า ดีละ พระคุณเจ้าผู้เจริญ เชื่อถ้อยคำของดาบส แล้วหลีกไป.
ดาบสชั่วคิดว่า เราอาจเลี้ยงชีพด้วยทรัพย์มีประมาณเท่านี้ได้
ล่วงไปได้สอง-สามวัน ก็ยักยอกเอาทองนั้นไป แล้วนำไปซ่อน ณ ที่หนึ่งระหว่างทาง แล้วจึงย้อนมาเข้าไปยังบรรณศาลา ทำทีเป็นทอไม่รู้ร้อน
พอวันรุ่งขึ้นทำภัตกิจในเรือนของกุฎุมพีแล้ว กล่าวอย่างนี้ว่า
ผู้มีอายุ พวกเราอาศัยท่านอยู่นานแล้ว ความพัวพันกันกับพวกมนุษย์ย่อมมี
ก็ธรรมดาว่า ความพัวพันเป็นมลทินของบรรพชิต เพราะฉะนั้น อาตมาจะขอลาไป.
แม้กุฏุมพีจะอ้อนวอนแล้วๆ เล่าๆ ก็ไม่ปรารถนาจะกลับ
ครั้งนั้น กุฎุมพีจึงกล่าวกะดาบสว่า
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็นิมนต์ไปเถิด พระคุณเจ้าข้า ดังนี้แล้ว ตามไปส่งจนถึงประตูบ้านแล้วจึงกลับ
ดาบสเดินไปได้หน่อยหนึ่งจึงคิดทำอุบายว่า ลวงกุฎุมพีนั้นด้วยการก็เอาหญ้าวางไว้ระหว่างชฎา แล้วจึงย้อนกลับไป.
กุฏุมพีถามว่า พระคุณเจ้าผู้เจริญ พระคุณเจ้ากลับมาทำไม ขอรับ?
ตอบว่า ผู้มีอายุ หญ้าเส้นหนึ่งเกี่ยวชฎาของฉันไปจากชายคาเรือนของพวกท่าน
ขึ้นชื่อว่าอทินนาทาน ไม่สมควรแก่บรรพชิต อาตมาจึงรีบนำมันกลับมาคืนให้
กุฎุมพีกล่าวขึ้นด้วยความเลื่อมใสว่า จงทิ้งมันเสียเถิดพระคุณท่าน แล้วนิมนต์ไปยังที่ๆ ท่านชอบเถิดครับ
จึงลำพึงแก่ตนเองว่า พระดาบสนี้ไม่ถือเอาสิ่งของๆ ผู้อื่น แม้จะเป็นเพียงหญ้าเส้นเดียว
โอ พระคุณเจ้าของเราช่างเคร่งครัดจริงๆ
ดังนี้กราบแล้ว ส่งพระดาบสไป.
ในครั้งนั้นพระโพธิสัตว์ไปยังชนบทชายแดนเพื่อต้องการสิ่งของ จึงเดินทางเข้ามาอาศัยพักแรมในบ้านกุฎุมพี
ท่านฟังเรื่องราวของดาบสแล้วคิดว่า ดาบสร้ายผู้นี้จักต้องถือเอาอะไรๆ ของกุฎุมพีนี้ไปเป็นแน่ จึงถามกุฎุมพีว่า
ดูก่อนสหาย ท่านได้ฝากฝังอะไรๆ ไว้ในสำนักของดาบสนั้น มีหรือไม่?
กุฎุมพีตอบว่า มีอยู่สหาย เราฝากฝังทองไว้ ๑๐๐ แท่ง.
พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ถ้าเช่นนั้น ท่านจงรีบไปตรวจตราดูทองนั้นเถิด.
เขาไปบรรณศาลาไม่เห็นทองนั้น รีบกลับมาบอกว่า ทองไม่มี สหาย.
พระโพธิสัตว์บอกว่า ทองของท่านผู้อื่นไม่ได้เอาไปดอก ดาบสร้ายนั้นคนเดียวเอาไป มาเถิด เรามาช่วยกันติดตามจับดาบสนั้น
แล้วรีบตามไป จับดาบสขี้โกงได้ ณ ชายป่า กุฎุมพีนั้นจึงได้ทุบบ้าง เตะบ้าง บังคับให้ดาบสร้ายนำเอาทองมาคืน แล้วจับตัวไว้.
พระโพธิสัตว์เห็นทองแล้วกล่าวว่า ดาบส นี่ขโมยทอง ๑๐๐ แท่งแต่กลับไม่ละอาย
ทั้งยังเสแสร้งล่อลวงให้ผู้อื่นเชื่อว่า แม้เพียงหญ้าต้นเดียวก็ต้องนำมาคืน
เมื่อจะติเตียนดาบสนั้น กล่าวคาถานี้ ความว่า :-
“น้อยหรือถ้อยคำของเจ้า ช่างสละสลวย
พูดจาน่านับถือจริงๆ ทำเป็นแสร้งละอายใจในวัตถุเพียงเส้นหญ้า
แต่กล้าขโมยทองร้อยแท่งไปโดยไม่รู้สึกละอายเลย” ดังนี้.
กล่าวคำอ่อนหวานน่านับถือ แสร้งทำตนเป็นผู้เคร่งครัด แม้เพียงหญ้าเส้นเดียวก็นำมาคืน
พระโพธิสัตว์ ครั้นติเตียนดาบสนั้นด้วยประการฉะนี้แล้ว ก็ให้โอวาทแก่ดาบสว่า ดูก่อนชฎิลโกง ท่านอย่าได้ทำกรรมเห็นปานนี้ต่อไปอีก ดังนี้แล้วก็ไปตามยถากรรมของท่านเถิด.
พระศาสดาทรงแสดงพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้นที่ภิกษุนี้เป็นผู้หลอกลวง แม้ในกาลก่อนก็ได้เป็นผู้หลอกลวงมาแล้วเหมือนกัน ดังนี้แล้ว ทรงประชุมชาดกว่า
ดาบสโกงในครั้งนั้น ได้มาเป็น ภิกษุหลอกลวง ในครั้งนี้
ส่วนบุรุษผู้เป็นบัณฑิตได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.
—————————————————–
เอ้า… พวกสาวกอลัชชีผู้โกงเงินวัด โกงที่ดินวัด โกงทรัพย์สินชาวบ้าน โกงเงินสหกรณ์ ลองอ่านดูแล้วคิดว่า
พฤติกรรมเจ้าลัทธิของตนเหมือนดังดาบสขี้โกงหรือไม่
พุทธะอิสระ