ขออนุญาตแชร์นะจ๊ะ
พฤษภาที่ต่างออกไป
17 พฤษภาคม 2559
เงิน
วานนี้ (๑๖ พฤษภาคม) เปิดเทอมวันแรก ฝนเทกระหน่ำกรุง อุณหภูมิลดฮวบ ชุ่มฉ่ำกันไป ก็คงเข้าหน้าฝนอย่างเป็นทางการแล้วล่ะครับ
จากร้อนตับแตก ต่อไปคงได้เรื่องใหม่มาบ่นกัน น้ำท่วม รถติด ฯลฯ ก็วนเวียนกันไปตามฤดูกาล ตามที่ธรรมชาติบัญชามา
๑๗ พฤษภาคม วันเริ่มต้นเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ก็เวียนวนมาให้รำลึกอีกครั้งเช่นกัน
เดือนพฤษภาคมปี ๒๕๓๕ นี่ก็ผ่านมา ๒๔ ปีแล้ว ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ยังมีคำถามที่คาใจ กับเผด็จการทหารว่า
เข่นฆ่าประชาชนทำไม?
เป็นความรู้สึกร่วมในประวัติศาสตร์เดียวกันของคนไทยทั้งชาติ
ไม่มีขั้วไม่มีแตกแถว!
รัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ มีผลงานไม่น้อย จะเข็นประเทศไทยเป็นเสือตัวที่ ๕ ขึ้นไปทาบรัศมี เกาหลีใต้ ฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน
การคอร์รัปชันก็ไม่น้อยเช่นกัน คงจำ “บุฟเฟต์คาบิเนต” กันได้นะครับ!
แต่ทำไม ณ เวลานั้น ประชาชน มีความรู้สึกร่วมกันว่า รัฐประหาร ไม่ใช่ทางออกของประเทศ
รัฐประหารไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาคอร์รัปชัน มีแต่จะทำลายประชาธิปไตย
เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ได้หลอกหลอนคนไทย และพยายามกันทหารให้ออกห่างจากการเมือง เพราะเกรง รัฐประหาร จะเกิดขึ้นอีก
๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ บิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ทำรัฐประหาร แต่ก็มีคนไทยจำนวนไม่น้อย ไม่ติดใจ แม้สุดท้ายหาผลงานที่เป็นโล้เป็นพายแทบไม่ได้ก็ตาม
นั่นเพราะการรัฐประหารได้ยุติรัฐบาลระบอบทักษิณที่ได้ชื่อว่าโกงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยใช่หรือไม่?
ในระบอบประชาธิปไตย การทำรัฐประหาร คือสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ แต่ก็แปลกจากที่เคยกลัวรัฐประหารเมื่อปี ๒๕๓๔ คนไทยบางส่วนกลับยอมรับการทำรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ และ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗
เพราะอะไร?
เพราะปัญหาใหญ่ที่สุดของประเทศไทยคือคอร์รัปชันโดยนักการเมืองใช่หรือเปล่า?
แต่อย่าลืมนะครับยังมีคนไทยอีกจำนวนหนึ่ง ไม่เคยเข็ดกับรัฐบาลคอร์รัปชัน เพราะเป็นรัฐบาลที่ให้ผลประโยชน์มากกว่า
นั่นนำไปสู่ความเชื่อที่ทำลายประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง การเลือกตั้ง เป็นเรื่องของผลประโยชน์เฉพาะหน้า กลายเป็นเรื่อง ใครแจกเลือกคนนั้น
นโยบายประชานิยม ได้ทำลายรากเหง้าประชาธิปไตยของไทยไปอย่างสิ้นเชิง
ประชาธิปไตยในวันนี้จึงเป็นแค่เปลือก ที่ห่อหุ้มเอาความอัปยศ ซึ่งสร้างขึ้นโดยระบอบทักษิณเอาไว้ภายใน
ครับ….ประชาธิปไตยไทย ต้องสร้างกันใหม่หมด
แต่จะสร้างอย่างไร?
เหตุการณ์พฤษภาทมิฬคือประวัติศาสตร์ร่วม แต่หลังมีความขัดแย้งระหว่างคนในชาติ แบ่งขั้วการเมือง แบ่งสี คนไทยไม่มีประวัติศาสตร์การเมืองร่วมกันอีกเลย
มวลชนที่จงรักภักดีระบอบทักษิณ มีประวัติศาสตร์ของตัวเอง โกงไม่เป็นไรขอให้แบ่งกัน คือสำนึกทางการเมืองที่สร้างขึ้นมา เพื่อรวมหัวกันรุมทึ้งทรัพยากรของชาติ
สวาปามกันมื้อนี้โดยไม่สนใจว่ามื้อหน้าจะมีอะไรเหลือให้กินหรือไม่!
เวลาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์จึงหมดไปกับการหาวิธีนิรโทษกรรมให้ทักษิณ และหลอกล่อด้วยนโยบายประชานิยมสุดขั้ว สอดแทรกด้วยการคอร์รัปชัน
เพื่อรักษาฐานเสียงทางการเมือง
พฤษภาทมิฬไม่ได้ต่อสู้กับการคอร์รัปชัน แต่เป็นการลุกขึ้นมาต่อต้านเผด็จการทหาร
แล้ววันนี้เราสู้อยู่กับอะไร?
คอร์รัปชัน?
หรือเผด็จการทหาร?
ถ้าคนไทยทั้งชาติตอบตรงกัน การแก้ปัญหาอะไรต่อมิอะไรในประเทศนี้คงง่ายกว่านี้ แต่ความจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น
คนโกงไม่เคยยอมรับว่าตัวเองคอร์รัปชัน เมื่อเริ่มต้นแบบนี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปก็มีแต่หายนะ
รัฐบาลคอร์รัปชัน ใครเดือดร้อน?
เราๆ นี่แหละครับที่เดือดเนื้อร้อนใจ ยกเว้นคนที่คิดจะโกง หรือพวกไม่สนใจอะไรนอกจากคิดแต่เรื่องที่ว่า ตัวเองได้อะไรหรือไม่
และพวกนี้กำลังบอกกับชาวโลกว่า กำลังสู้กับเผด็จการทหาร
สู้กับการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก
สู้กับกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒
สู้กับการใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มาตรา ๔๔
และสู้กับคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ ๑๓/๒๕๕๘
ทั้งที่ความจริงแล้ว ไม่มีใครตายเพราะการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องของรัฐบาล คสช.
แต่กลับพบว่ามีความพยายามอ้างเสรีภาพในการแสดงออกเพื่อช่วยคนโกงกลับเข้าสู่อำนาจ
การต่อสู้ที่อ้างว่าเพื่อเสรีภาพใน พ.ศ.นี้ จึงมิได้เป็นการต่อสู้ร่วมกันของคนทั้งชาติ ไม่มีอะไรเทียบชั้นการต่อสู้ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๓๕ ได้เลย
ก่อนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ไม่มีใครรู้จักนโยบายประชานิยม การต่อสู้กับอำนาจเผด็จการทหารเป็นพลังบริสุทธิ์ของประชาชน
เจตนารมณ์ของประชาชนจึงไร้ข้อกังขา ไม่มีการทำเพื่อนักการเมืองขี้โกงหน้าไหน
แต่นโยบายประชานิยมได้เปลี่ยนสังคมไทยจากหน้ามือเป็นหลังเท้า
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อธิบายความแตกต่างระหว่างนโยบายประชานิยม กับนโยบายประชารัฐ เอาไว้น่าสนใจ
เป็นความคิดที่เขียนในบทความ ซึ่งตีพิมพ์เป็น จดหมายข่าวรัฐบาล ฉบับวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ดังนี้ครับ
…ประชารัฐ คือการแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีต ถ้าประชานิยม คือปุ๋ยอนินทรีย์ ปุ๋ยเคมี ที่ไม่บำรุงดิน ทิ้งสารพิษตกค้าง และมีราคาแพงแล้ว ประชารัฐคือปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวภาพ ที่ปรับโครงสร้างดิน เพิ่มธาตุอาหารในดิน รักษาสมดุลทางธรรมชาติ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ประชานิยมคือการแก้ไขปัญหาที่ฉาบฉวย เพราะชาวนายังคงทำนาที่ดินของนายทุนและนายทุนกลับทำนาบนหลังคน
ประชารัฐคือการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนตามหลักของเศรษฐกิจพอเพียง เพราะงบประมาณรัฐไม่ถูกใช้เพียงเพื่อสร้างรอยยิ้มบนคราบน้ำตา เวลาผ่านไปไม่นานก็ต้องมานั่งกอดเข่า กุมขมับกันอีก แต่ถูกบริหารอย่างเป็นระบบเพื่อสร้างความสุขที่ยั่งยืนและสร้างความเข้มแข็งให้ยืนบนลำแข้งของตัวเอง….
ที่จริงหลายคนยังแยก ประชานิยม กับ ประชารัฐ ไม่ออก เพราะเห็นแจกเหมือนกัน
ใช่ครับแจกเหมือนกัน แต่ต่างกัน อย่างน้อย ประชารัฐ แก้จุดอ่อนของประชานิยม ไม่สร้างปัญหาในภายหลัง
แต่ทั้งหมดอยู่ที่เจตนารมณ์ของรัฐบาลครับ
รัฐบาลระบอบทักษิณแจกเพื่อฉกฉวยเพิ่ม แจกเพื่อสร้างฐานอำนาจเผด็จการรัฐสภา สุดท้ายนำไปสู่แจกเพื่อเปลี่ยนความคิดของผู้คนในสังคม จนกลายเป็น โกงไม่เป็นไรขอให้แบ่งกัน
วันนี้ยังไม่เห็นว่ารัฐบาล คสช.แจกเพื่อต่อยอดจากสังคมแบมือขอเป็นสังคมนอนขอแบบพะงาบๆ
เป็นการแจกเพื่อให้ลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองได้
แต่จะลุกขึ้นได้หรือไม่ อยู่ที่ฝีมือของรัฐบาลหลังจากนี้ครับ
เพิ่มเติมอีกนิดกับตัวเลข จีดีพีไตรมาสแรกปี ๒๕๕๙ ขยายตัวร้อยละ ๓.๒ ดูไปไม่ขี้เหร่ เพราะเป็นอัตราการเติบโตสูงที่สุดในรอบ ๓ ปี
ครับ..อย่างน้อย รัฐบาล คสช.ไม่ต้องหมกมุ่นแก้ปัญหาให้ตัวเองแบบวัวสันหลังหวะ เหมือนรัฐบาลก่อนที่บ้าคลั่งกับการหาวิธีนิรโทษกรรมให้คนโกง.
ผักกาดหอม