ชิตังคุก ชิตังคุก… โป้ง คุก! โป้ง คุก! ซวย…ซวย!
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙
ศาลออกหมายจับธัมมชโย ให้เวลา 7 วันรับทราบข้อหา | เดลินิวส์
ศาลออกหมายจับธัมมชโย ให้เวลา 7 วันรับทราบข้อหา ศาลอาญาอนุมัติหมายจับ “พระธัมมชโย” ครั้งที่ 2 หลังดีเอสไอยื่นคำร้องขอหมายจับข้อหาสมคบกันฟอกเงิน-รับของโจรจาก “ศุภชัย” ยังไม่ใช้อำนาจตามหมายจับ ให้เวลาธัมมชโย 7 วัน ตัดสินใจเข้ารับทราบข้อหา ชี้ลดการปะทะ-เข้าใจอาพาธ ไม่มาตามกำหนดพร้อมใช้อำนาจตามหมายจับ
วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม 2559 เวลา 18:29 น.
เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 13.30 น. พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ เดินทางมายังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อยื่นเอกสารขออนุมัติออกหมายจับ พระเทพญาณมหามุนี หรือ “พระธัมมชโย” เป็นครั้งที่ 2 ในข้อหาสมคบกันฟอกเงินและรับของโจร
เนื่องจากเป็นผู้มีชื่อได้รับเช็คบริจาคจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด ภายหลังทนายวัดพระธรรมกายได้นำเอกสารขอเลื่อนแจ้งข้อพระธัมมชโย กับทางดีเอสไอ โดยระบุแพ้ยารุนแรงต้องพักฟื้นอีก 2 เดือน โดยทางดีเอสไอได้ตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าเอกสารยังไม่ครบถ้วน
เนื่องจากผู้รับรองอาการไม่สอดรับกับความจริงที่ปรากฏ เพราะออกโดยสหคลินิครัตนเวช ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณวัดพระธรรมกาย ทำให้ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ขณะเดียวกันนายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความวัดพระธรรมกาย ได้เดินทางเข้ายื่นคัดค้านการออกหมายจับทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังรับคำร้องของดีเอสไอ และคำคัดค้านของทนายความแล้ว ศาลได้เรียกพ.ต.ท.ปกรณ์ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับพยานหลักฐานในคำร้อง จนกระทั่งเวลา 18.15 น .ศาลจึงมีคำสั่งอนุมัติหมายจับตามที่พนักงานสอบสวน ดีเอสไอ ร้องขอ
จากนั้น นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษ ฝ่ายคดีสอบสวน 3 สำนักการสอบสวน กล่าวว่า ศาลพิจารณาหลักฐานที่คณะทำงานเสนอไปแล้ว มีคำสั่งอนุมัติหมายจับทุกข้อหาที่ขอไป ส่วนเรื่องการปฏิบัติตามหมายจับ ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะต้องแจ้งเรื่องให้อธิบดีดีเอสไอ รวมทั้งคณะทำงานทราบก่อน เพื่อจะดำเนินการต่อไปว่าจะมีการประชุมร่วมกันอีกเมื่อใด รวมถึงแนวทางการดำเนินการจะใช้วิธีอย่างไร
ขณะที่นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความวัดธัมมชโย กล่าวว่า จากนี้ไปก็ต้องแจ้งคำสั่งศาลให้พระธัมมชโยทราบ ซึ่งขณะนี้ท่านมีอาการอาพาธอยู่ที่วัด ส่วนจะดำเนินการอย่างไรก็ต้องขอปรึกษากันอีกครั้ง
ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เปิดเผยภายหลังศาลอนมุติหมายจับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในคดีฟอกเงินและรับของโจรว่า เบื้องต้นจะให้เวลาพระธัมมชโยเข้ารับทราบข้อกล่าวหาภายใน 7 วัน โดยจะส่งหนังสือถึงพระธัมมชโยให้เดินทางเข้ารับทราบข้อหาตามกำหนดนัด ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะและเข้าใจถึงอาการอาพาธ จึงจะให้โอกาสและเวลาตามสมควร หากภายใน 7 วันไม่เข้ารับทราบข้อกล่าวหาพนักงานสอบสวนจะดำเนินการตามหมายจับต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โพสต์นี้ไม่สามารถโพสต์ในเฟสบุ๊กได้ เนื่องจากมีผู้ที่มีส่วนได้เสียกับการเสนอข่าวนี้ เข้ามารายงานและข่าวถูกลบข่าวออก..
[ขอบคุณข้อมูลจากเดลินิวส์]
—————————————
กมฺมุนา วตฺตติ โลโก
สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม
กมฺมํ สตฺเต วิภชติ ยทิทํ หีนปฺปณีตตาย
กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้ดีชั่ว เลว หยาบ
บุคคลทำกรรมเป็นเช่นไร ย่อมรับผลแห่งกรรมนั้น
สิ่งที่เกิดกับเจ้าลัทธิอลัชชีธรรมกาย คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่านี่คือผลแห่งกรรมที่เขาได้กระทำเอาไว้
ไม่มีสัตว์บุคคลใดๆ จะหนีพ้นกฎแห่งกรรมที่ตนกระทำเอาไว้ได้ วิบากกรรมจะตามให้ผลทั้งปัจจุบันและอนาคต
อยากบอกบรรดาสาวกผู้งมงายของเจ้าลัทธิอลัชชีธรรมกาย ว่าอย่ามัวเอาแต่โทษใคร
ควรจะโทษความโง่ ความหลง ความเห็นผิด ของเจ้าลัทธิเอง
หากเขาเป็นผู้รู้ ผู้วิเศษจริง คงจะไม่สร้างกรรมใดๆ ที่ให้ผลอย่างเผ็ดร้อนขนาดนี้
ยอมรับความจริงกันบ้างเถอะ
อย่าเอาแต่ตะแบง ปฏิเสธความจริง แล้วเที่ยวไล่ขวิด คนโน้นคนนี้โดยไม่ดูที่ต้นเหตุ
หากไม่ผิดจริงแล้วทำไมอัครมหาอุบาสก ผู้เป็นไวยาวัจกรของวัดอย่างนายศุภชัย ศรีศุภอักษร จึงต้องถูกศาลพิพากษาให้ติดคุกถึง ๓๒ ปีล่ะ
เป็นถึงอัครมหาอุบาสกทีเดียวนะจ๊ะ
แล้วเจ้าลัทธิจะรอดหรือ
ไอ้ที่โกหกแหกตาว่าไม่เคยรู้จัก ไม่เคยสนิทสนมกับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร
แล้วใครเป็นคนแต่งตั้งให้เขาเป็นไวยาวัจกรและเหรัญยิกของสำนักธรรมกายล่ะ
หากเจ้าอาวาสไม่ได้เซ็นชื่อแต่งตั้งแล้วใครจะกล้า เพราะมันเป็นอำนาจของเจ้าอาวาส
แถมด้วยตำแหน่งอันทรงเกียรติคืออัครมหาอุบาสก
หากไม่ใช่เจ้าสำนักใครจะกล้าตั้ง
เลิกโกหกกันเสียทีเถิด
ตั้งใจจะโกหกกันทั้งสำนักเลยใช่ไหม
ไหนว่ามีศีลมีธรรม บริจาคทานกันอยู่ประจำไง
แล้วทำไมถึงได้ลวงโลกกันแบบหน้าด้านๆ
เอาเป็นว่าหมายจับครั้งนี้ดีเอสไอคงจะได้ตัวเจ้าลัทธิอลัชชีมาดำเนินคดีนะจ๊ะ
คงไม่ขึ้นจานบินหนีไปอยู่อายตนะนิพพานเสียก่อนล่ะ เป็นห่วง
พุทธะอิสระ