เอ้า ว่าอย่างไรกันล่ะ ท่านมหาเถรฯ ที่เคารพ

0
97

เอ้า ว่าอย่างไรกันล่ะ ท่านมหาเถรฯ ที่เคารพ
๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙

160559-บทความ-เอ้า-ว่าอย่างไรกันล่ะ-ท่านมหาเถรฯ-ที่เคารพ
จับสึกยกวัด! เจ้าอาวาสชั้นพระครูยันลูกวัดมั่วสุมเสพยา-แถมรับมาขายต่อให้วัยรุ่นอำนาจเจริญ
วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 13:22 น.
ชาวบ้านสุดทนแจ้ง ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองกว่า 20 นาย บุกจับเจ้าอาวาสวัดดังจังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมพระลูกวัด ทั้งหมด หลังใช้วัดเป็นแหล่งซ่องสุมเสพยาเสพติด มั่วสีกา ทั้งค้ายาบ้าให้กับวัยรุ่นในชุมชน
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 15 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.อ.จักรพงษ์ จันทร์สุทธิประภา ผบ.กกล.รส.จว.อำนาจเจริญ ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า ที่วัดโพธิ์ศิลา ต.โนนโพธิ์ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ เจ้าอาวาสวัด และฆราวาส ได้ใช้วัดเป็นแหล่งซ่องสุมเสพยาเสพติดภายในกุฎิวัดมานานแล้ว และมีสีกาแวะเวียนไปหาอยู่เป็นประจำ พร้อมทั้งยังมีการขายยาบ้าให้กับวัยรุ่นในชุมชน พ.อ.จักรพงษ์ จันทร์สุทธิประภา จึงให้ พ.อ.สุรกิจ กาฬเนตร เสธ.กกล.รส.จว.อำนาจเจริญ สั่งการ พ.ท.เกียรติศักดิ์ จารุวัตร ผบ.ชปพท.ร 6 พัน.2 นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร สนธิกำลังร่วมกับ พ.ต.ท.ไมตรี บุญมาศ รอง ผกก.สส.ภ.จว.อำนาจเจริญ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง รวม 20 นาย เดินทางไปตรวจสอบที่วัดดังกล่าว
เมื่อกำลังเจ้าหน้าที่ไปถึง ได้กระจายกันเข้าตรวจค้นกุฏิต่างๆ ภายในวัดทันที่ ที่กุฏิเจ้าอาวาสพบพระครูทองคำ มโนรี อายุ 52 ปี เจ้าอาวาสพยามหลบซ่อนตัวด้านหลังกุฏิ จึงได้นิมนต์นำมาตรวจค้นภายในกุฏิ พบอุปกรณ์การเสพยาบ้า 1 ชุด ถุงยางอนามัยที่ยังไม่ใช้ 3 อัน ยาบำรุงร่างกายตราพญานาค 3 ขวด ซึ่งพระครูทองคำ มโนรี เจ้าวาอาสวัดดังกล่าว ยอมรับสารภาพว่า เพิ่งเสพยาบ้าเมื่อสักครู่นี้เอง เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจปัสสาวะของเจ้าอาวาส พบว่ามีสารเสพติดจริง
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่อีกชุดยังตรวจค้นกุฏิทั้งหมดอีก 6 หลัง และนิมนต์ลูกวัดทั้งหมดอีก 8 รูป พร้อมด้วยวัยรุ่นอีก 2 คน มาทำการตรวจปัสสาวะ ซึ่งผลการตรวจปัสสาวะพบว่าพระลูกวัดทั้งหมด 8 รูป มีฉี่สีม่วง และวัยรุ่นอีก 2 คน ก็มีฉี่สีม่วงเช่นเดียวกัน โดยพระลูกวัดทั้ง 8 รูป และวัยรุ่นอีก 2 คน ให้การรับสารภาพว่า เพิ่งพากันเสพยาบ้ามาก่อนหน้าที่ทางเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ จะเข้ามาทำการตรวจค้นไม่กี่นาที
ร.ท.กิตติ คำเสนาะ เปิดเผยว่า การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องจาก มีชาวบ้านได้แจ้งมายังเจ้าหน้าที่ทหารถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส และพระลูกวัด ที่ทำตัวไม่เหมาะสม ใช้วัดดังกล่าวเป็นสถานที่มั่วสุมเสพยาเสพติด และมีสีกาเข้ามาแวะเวียนอยู่ภายในกุฏิเป็นประจำ ทั้งยังมีการนำยาเสพติดมาจำหน่ายให้กับวัยรุ่นในชุมชนในหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้สนธิกำลังกันเข้าปิดล้อมตรวจค้นและจับกุมในที่สุด จากนั้น เจ้าหน้าที่จึบงได้ควบคุมตัว พระครูทองคำ มโนรี พร้อมด้วยพระลูกวัดอีก 8 รูป ไปทำการสึก ก่อนที่จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด และของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอำนาจเจริญ ต่อไป
[ที่มา : https://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php…]
—————————————-
เจ้าคณะปกครองตามลำดับชั้นควรจะมีส่วนรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ด้วย
หากทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายอย่างซื่อตรง เพื่อปกป้องพระธรรมวินัยและสังฆมณฑล มีหรือจะมีนักบวชอลัชชียกวัดขนาดนี้
แต่ที่เป็นเช่นก็เพราะปล่อยปละละเลยจนชาวบ้านเขาทนไม่ไหว ต้องเข้ามาจัดการเอง
ถามว่าแล้วเจ้าคณะตำบล อำเภอ จังหวัด ภาค หน มหาเถร ทำอะไรกันอยู่
พอมีผู้มาชี้บอกก็ดันส่งลูกน้องออกมาโพนทะนากล่าวหาว่า ทำลายสงฆ์ ทำลายพระพุทธศาสนา เป็นคนไม่ดี คนชั่ว
แล้วไอ้ที่พี้ยายกวัดนี่ล่ะ มันเป็นคนดีมีศีลหรือไง
อลัชชีพี้ยา เล่นการพนัน กินเหล้า กินข้าวเย็น เสพเมถุน สะสมทรัพย์ มันไม่ได้มีแค่นี้หรอก
หากวันนี้มหาเถร สำนักพุทธ ยังเฉยเมย ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ไม่ยอมทำหน้าที่
อีกหน่อยก็ยกตำบล ยกอำเภอ ยกจังหวัด และก็ยกประเทศ ให้พวกอลัชชีปกครองกันไปเลย
ก็ขนาดวัด ยังยกให้มันปกครองได้ สาอะไรกับตำบล อำเภอ จังหวัด
เมื่อไหร่ที่ชาวบ้านเขาเอือมระอา จะได้เลิกไหว้ เลิกนับถือ
พระสงฆ์ที่ดีๆ คงต้องหลบหนีเข้าป่า เพราะไม่กล้า ไม่หน้าด้านที่จะอยู่ร่วมกับอลัชชีมีอำนาจ
พุทธะอิสระ ขอเรียกร้องภิกษุสงฆ์ผู้ทรงไตรสิกขา ผู้มีสติปัญญา
ได้โปรดกรุณาลุกขึ้นมาเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง ปฏิรูป นำเอาการปกครองระบบสังฆสภา ดัง พ.ร.บ.ปกครองคณะสงฆ์ ๒๔๘๔ กลับมาใช้ปกครองสงฆ์
ขืนปล่อยให้บุคคลปกครอง สุดท้ายเราก็จะได้ขี้ยาทั้งวัดอย่างที่เห็น
หากใช้ระบบสังฆสภามาปกครองในแต่ละจังหวัด แต่ละภาค แต่ละมณฑล กระบวนการกลั่นกรองบุคคลผู้เข้ามาบวชก็จะมีประสิทธิภาพมากกว่านี้
ปัจจุบันนี้สังฆมณฑลเน้นแต่ปริมาณ กลัวว่าวัดจะล้าง
มหาลัยสงฆ์ก็กลัวว่าจะไม่มีนักเรียน นักศึกษา ถึงขนาดจ้างคนเข้ามาบวช ปล่อยให้โจร ให้ขี้ยาเข้ามาบวชกันเต็มวัด โดยไม่มีการกลั่นกรองตามขั้นตอนของพระธรรมวินัย
ตัวอย่างเมื่อไม่กี่วันมานี้ อุปัชฌาย์ของวัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพได้บวชให้แก่ผู้ต้องหาคดีขับรถหรูชนรถอื่นจนไฟลุกไหม้ คลอกเผาคนตายทั้งคัน ต่อมาได้ประกันตัว
ทั้งที่ตามกฎในการอนุญาตให้บวช พระอุปัชฌาย์ต้องถามอัตรายิกธรรมก่อนบวช
หนึ่งในอันตรายิกธรรมที่ต้องถามกันต่อหน้าหมู่สงฆ์ในพระอุโบสถคือ
ภุชิสโสสิ๊ ? (เธอเป็นไทแก่ตัวเอง ไม่มีคดีติดตัวมาใช่หรือไม่)
เมื่ออุปัชฌาย์ถามอย่างนี้ ผู้บวชจะต้องตอบว่า อามะภันเต ใช่ครับกระผม
ถามว่าอุปัชฌาย์รู้เรื่องที่เขาต้องคดีทำให้คนตายไหม แล้วทำไมยังบวชให้แก่ผู้ต้องหาได้ ผิดทั้งวินัย ผิดทั้งกฎหมาย
—————————————
กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๓๖)
ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระอุปัชฌาย์ หมวด ๓ หน้าที่พระอุปัชฌาย์
ข้อ ๑๔ พระอุปัชฌาย์ต้องงดเว้นการให้บรรพชาอุปสมบทแก่คนต้องห้ามเหล่านี้
(๑) คนทำความผิดหลบหนีอาญาแผ่นดิน
(๒) คนหลบหนีราชการ
(๓) คนต้องหาในคดีอาญา
(๔) คนเคยถูกตัดสินจำคุกโดยฐานเป็นผู้ร้ายสำคัญ
(๕) คนถูกห้ามอุปสมบทเด็ดขาดทางพระศาสนา
(๖) คนมีโรคติดต่อเป็นที่น่ารังเกียจ เช่น วัณโรคในระยะอันตราย
(๗) คนมีอวัยวะพิการจนไม่สามารถปฏิบัติกิจพระศาสนาได้
—————————————
นี่คือความผิดพลาดของนักบวชยุคนี้ ที่มีกฎเอาไว้ให้ละเมิด ไม่ใช่เอาไว้ให้ปฏิบัติ
เหมือนดังลัทธิอลัชชีธรรมกาย ทั้งที่เจ้าสำนักต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นภิกษุ แต่ก็เป็นอุปัชฌาย์ให้บวชสาวกเต็มวัด
เมื่ออุปัชฌาย์ไม่เป็นภิกษุ ผู้บวชก็เป็นได้แค่ลูกหรือผัวชาวบ้าน โกนหัวห่มเหลืองปลอมบวชเท่านั้น
เรื่องเหล่านี้มันเกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน และยังคงเกิดอยู่ในทุกวันนี้อีกต่อไป
ตราบใดที่อำนาจการปกครองยังอยู่กับบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่ไม่ละอาย ไร้สำนึก ขาดความรับผิดชอบ
หากรัฐบาลยังมองไม่เห็นปัญหา ไม่คิดจะทำอะไรเพื่อหยุดยั้งเหล่าอลัชชีที่เข้ามาเกาะกินพระธรรมวินัย
อีกหน่อยก็มีอลัชชีพากันมีลูกมีเมียกันยกวัด
ที่เขียนมาเช่นนี้ไม่ใช่ให้ร้ายเว่อร์เกินความจริง เพราะเวลานี้ บางวัดอุปัชฌาย์หรือสมภารก็เริ่มที่จะมีเมียมีลูกกันแล้ว
ถ้าจะรอเวลาให้มหาเถรแก้ปัญหาเหล่านี้ ก็ต้องรอให้น้ำท่วมหลังเป็ดนั่นแหละ

พุทธะอิสระ