เป็นคนไทยหรือเปล่า
๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙
ทางด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล เมื่อ 14 พ.ค.ว่า ต้องยอมรับความจริงกันว่าหลายเรื่องยังปฏิบัติแบบมือถือสากปากถือศีล คือการกระทำไม่สอดคล้องกับคำพูด บางเรื่องพูดแบบพระแต่ปฏิบัติเยี่ยงโจร และรัฐบาลยังใช้ปฏิบัติการทางข่าว หรือไอโอ จนเสพติดไอโอแบบทำอย่าง พูดอย่าง ดังนั้น การรับข้อเสนอในการประชุมยูพีอาร์ นั้น เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาเลย และจะไม่มีวันเกิดขึ้นถ้าเปรียบเทียบกับการกระทำที่ผ่านมา
นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า นายดิศญุตม์ เมืองสุข บุตรชายของตน รับปริญญาที่มหาวิทยาลัยประเทศสหรัฐฯ ไปเมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา แต่ตนไปร่วมแสดงความยินดีไม่ได้ เพราะถูกคำสั่ง คสช. ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ นี่เป็นหนึ่งในหลักฐานของการละเมิดสิทธิมนุษยชนของ คสช. ที่ประชาคมโลกประณามประเทศไทยในการประชุมคณะทำงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชน ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UPR) ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รู้สึกดีใจกับนายกฯ ที่ได้ชี้แจงกับทูตสวีเดนว่ารัฐบาลจะไม่ทำอะไรที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวียที่มีความห่วงใยและกังวลเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทยเราเป็นอย่างมาก เพราะอย่างน้อยเวลาคนไทยเดินทางไปต่างประเทศ ก็จะได้ไม่ต้องแอบหรือหลบซ่อน ว่าเป็นคนไทย เพราะโดนดูถูกว่ามาจากบ้านป่าเมืองเถื่อน
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการซักถามตัวแทนไทยถึงสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทย (ยูพีอาร์) ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่า การซักถามจากประเทศต่างๆ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าประเทศไทยมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง จับกุมคุมขังคนตามอำเภอใจ ทหารมีอำนาจเหมือนหรือมากกว่าตำรวจ ในการจับกุมคุมขัง การสอบสวน ที่ไม่เป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา จำกัดสิทธิผู้ต้องสงสัยหรือผู้ที่ถูกกล่าวหา การจำกัดสิทธิการเดินทางไปต่างประเทศ รวมทั้งการใช้มาตรการที่อ้างว่า จัดการกับผู้มีอิทธิพล ที่ใช้เป็นเครื่องมือจัดการฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างไม่เป็นธรรม การดำเนินคดีในศาลทหาร ที่ประเทศต่างๆ เห็นว่าไม่เป็นอิสระ ไม่เป็นกลาง และคดีจำนวนมาก จำเลยไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ ฎีกา
นายจาตุรนต์กล่าวว่า ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าการชี้แจงผู้แทนไทยนั้น ประเทศต่างๆ ไม่รับฟัง เป็นการชี้แจงตรงกันข้ามกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น รวมทั้งระหว่างการชี้แจงยังมีการกระทำในสิ่งที่เป็นข้อห่วงใยจากประเทศต่างๆ จึงพูดถึงประเทศไทยแบบเป็นตัวตลก และน่าละอาย เรื่องนี้จะส่งผลเสียต่อประเทศไทย ต่อระบบการบังคับใช้กฎหมาย ระบบยุติธรรม การเคารพและปฏิบัติตามตามพันธกรณีระหว่างประเทศไทย และส่งผลเสียต่อการคบค้าสมาคมกับประเทศต่างๆ รวมถึงการหาทางแก้ไขปัญหาที่ประเทศไทยกำลังประสบอยู่ ที่ต้องอาศัยการเจรจาหารือกับประเทศต่างๆ
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้อกังวลที่ประเทศต่างๆ แสดงออกในหลายวาระ ตนเห็นว่าเป็นเรื่องปกติของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เราเองเคยแสดงความห่วงกังวลถึงประเทศต่างๆ ในหลายเวที เพื่อรักษาผลประโยชน์ของเรา แต่ขณะเดียวกัน เราเลือกวิธีแสดงความห่วงกังวล ในลักษณะการทูตแบบกัลยาณมิตรที่มีเกียรติและมีศักดิ์ศรี
“ แต่เราคนไทย เราต้องอยู่เพื่อตัวของเราเอง เราสุขหรือทุกข์ ไม่มีใครมาสุขและทุกข์กับเราด้วย ใครต่อใครอาจไม่สนใจรับรู้ด้วยซ้ำว่าเรากำลังเผชิญกับอะไร แต่สำหรับเราคนไทย เราต้องอยู่กับชีวิตและอนาคตของพวกเรากันเอง จะอยู่อย่างมีความสุขหรือจะเผชิญกับทุกข์แสนสาหัส อยู่ในมือของพวกเราเองทั้งสิ้น ผมเห็นว่าเราต้องอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี มีเกียรติ เคารพตัวเราเองที่เกิดมาเป็นคนไทย” นายสุวพันธุ์ กล่าว
[ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยโพสต์]
———————————————
แหม ตั้งแต่คุณสุวพันธ์ มาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ๒ ปีมานี้ พึ่งจะมีวันนี้แหละที่พูดถูกใจ ถึงใจคนไทยผู้รักชาติ
อยู่มา ๒ ปี พึ่งจะรู้นะว่าคุณก็มีกึ๋นกับเขาเหมือนกัน
หากจะให้กึ๋นของคุณจับต้องได้จริง ช่วยกรุณาทำ ๒ เรื่อง
๑. ปฏิรูปการปกครองคณะสงฆ์และกำจัดอลัชชีที่ย่ำยีพระธรรมวินัยให้หมดสิ้นไปเสียที
๒. ทำหนังสือประท้วงและอธิบายความให้สถานทูตสหรัฐและสถานทูตอื่นๆ ได้เข้าใจและยอมรับในเกียรติยศศักดิ์ศรีของชนชาติไทย
หากคุณสุวพันธุ์ทำได้อย่างใดอย่างหนึ่งในสองอย่าง คนไทยคงได้ชื่นใจกันทั้งแผ่นดินแน่
เหมือนดังที่คนทั้งแผ่นดินเขาชื่นชมรัฐบาลคสช. และท่านนายก ที่กล้าตัดสินใจสั่งยกเลิกสัมปทานเหมืองทอง ที่สร้างปัญหามลภาวะและสุขภาพให้แก่ประชาชนต้องเจ็บป่วย
เช่นนี้แหละคือรัฐบาลของประชาชน ไม่ใช่รัฐบาลของนายทุนหรือกลุ่มทุน
สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบในการถูกเลิกจ้างงาน รัฐบาลก็ต้องหาทางออกให้ผู้เดือดร้อนเหล่านั้นอย่างทั่วถึง เป็นธรรม
ส่วนบทความของแต่ละคนที่ไม่รู้ว่าเป็นคนไทยหรือเปล่า ท่านทั้งหลายก็วิจารณ์กันเอาเองแล้วกัน
พุทธะอิสระ