ขออนุญาตแชร์นะจ๊ะ
ธัมมี่เสี่ยงมรณภาพ ลูกศิษย์อ้างวิบากกรรมหมอห้ามไปไหน 3 เดือน / จับไต๋ชิ่งดีเอสไอ
๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙
โดย ไทยโพสต์วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2559
เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ห้องประชุมสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย และ ผศ.นพ.ธนาคม เปรมประภา แพทย์ผู้ตรวจอาการพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) เปิดแถลงข่าวชี้แจงอาการอาพาธของพระเทพญาณมหามุนี ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีหมายเรียกไปพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ที่สำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2559 เวลา 09.00 น.
พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส แจงว่า เนื่องจากพระเทพญาณมหามุนีได้มีอาการป่วย ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการที่ต้องฝืนลงประกอบพิธีในวันที่ 22 เมษายน 2559 เป็นเวลานาน จึงทำให้อาการป่วยที่เป็นอยู่ทรุดหนักลง และตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม ขาซ้ายได้บวมมากขึ้น และปวดมาก แพทย์ผู้ดูแลจึงได้เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีวินิจฉัยมาทำการตรวจด้วยอัลตราซาวด์ และเชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยศาสตร์หลอดเลือด และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยา มาทำการตรวจวินิจฉัยและรักษา ปรากฏผลการตรวจ ดังนี้
1. พระเทพญาณมหามุนีมีอาการป่วยเรื้อรังมาแต่เดิมด้วยโรคหลอดเลือดดำใหญ่ส่วนลึกในช่องท้องข้างซ้ายอุดตัน อันเกิดจากการถูกทับด้วยเส้นเลือดแดงใหญ่ ทำให้เลือดไม่สามารถไหลจากขาซ้ายกลับสู่หัวใจได้ ร่างกายจึงปรับตัวโดยหลอดเลือดดำสายรองขยายขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อเป็นช่องทางให้เลือดไหลกลับสู่หัวใจ ปรากฏชัดตามภาพถ่ายหลอดเลือด MRV
2. อาการปวดบวมที่ขาเฉียบพลันที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เกิดเนื่องจากหลอดเลือดดำสายรองที่ขยายใหญ่เป็นช่องทางให้เลือดกลับสู่หัวใจเกิดการอุดตันเฉียบพลัน ปรากฏชัดตามผลการตรวจอัลตราซาวด์ ทำให้เลือดไม่สามารถไหลกลับเข้าสู่หัวใจ เลือดจึงคั่งอยู่ที่ขา ทำให้เกิดอาการบวมและปวดอย่างมาก เพราะความดันของช่องเนื้อเยื่อบริเวณรอบขาสูงขึ้น และมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เนื้อเยื่อบริเวณขาขาดเลือดเฉียบพลันและสูญเสียขาได้ เสี่ยงตายได้
3. การที่หลอดเลือดดำสายรองเกิดการอุดตันเฉียบพลันในผู้ป่วยที่มีหลอดเลือดดำส่วนลึกอุดตันที่ยังไม่สามารถรักษาสาเหตุให้หายได้ มีความเสี่ยงที่ลิ่มเลือดจากหลอดเลือดดำส่วนลึกที่มีการอุดตันมีโอกาสเคลื่อนหลุดไปตามกระแสเลือดและไปอุดตันที่หลอดเลือดใหญ่ในปอด อันจะทำให้เสียชีวิตได้ทันที จะต้องหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวร่างกายและภาวะที่จะทำให้ร่างกายมีการสั่นสะเทือนโดยเฉพาะที่บริเวณขาซ้าย
4. เรื่องแผลเรื้อรังที่ข้อเท้า เกิดจากความดันในหลอดเลือดดำสูงขึ้น ทำให้การไหลเวียนเลือดของเนื้อเยื่อบริเวณข้อเท้าผิดปกติ จึงเกิดแผลเรื้อรังขึ้น ประกอบกับผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวานร่วมด้วย แผลจึงมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อเฉียบพลันสูง คณะแพทย์จึงได้รักษาโดยการให้ยาและสั่งห้ามนั่งห้อยขา ให้นอนยกขาสูงกว่าระดับของหัวใจเพื่อให้เลือดไหลกลับเข้าสู่หัวใจได้ดีขึ้น และลงความเห็นว่า ไม่ให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวร่างกาย ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2-3 เดือน เพราะจะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของร่างกายและเพิ่มภาวะความเสี่ยงที่จะทำให้ลิ่มเลือดไปอุดตันที่ปอดทำให้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ทันที และให้ตรวจประเมินอาการซ้ำอย่างใกล้ชิดและสม่ำเสมอร่วมกับเฝ้าระวังการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
ด้วยเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าว เป็นเหตุให้พระเทพญาณมหามุนีไม่สามารถเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษตามกำหนดนัดหมายได้ ตัวแทนคณะสงฆ์วัดพระธรรมกายจึงขอความกรุณาไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โปรดมอบหมายให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษเดินทางมาพบพระเทพญาณมหามุนี ณ วัดพระธรรมกาย ในเวลา 14.00 น. ของวันที่ 16 พฤษภาคม 2559 ตามวันที่นัดหมายไว้เดิม
อนึ่ง พระเทพญาณมหามุนีมิได้มีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงหรือประวิงเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษแต่อย่างใด ทั้งนี้ เพื่อเป็นการยืนยันข้อเท็จจริง รวมทั้งรับทราบถึงเหตุผลความจำเป็นดังกล่าว ทางคณะสงฆ์ยินดีที่จะส่งคณะแพทย์ผู้ตรวจรักษาไปให้ถ้อยคำเพิ่มเติม หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษจะเชิญแพทย์จากหน่วยงานที่เป็นกลาง ให้เดินทางมาตรวจอาการก่อนถึงกำหนดนัดหมายก็ได้
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีพระธัมมชโยขอให้เปลี่ยนแปลงสถานที่แจ้งข้อกล่าวหาจากสำนักงานดีเอสไอไปเป็นที่วัดพระธรรมกายว่า ไม่ได้เป็นการแจ้งข้อกล่าวหา แต่เป็นการเรียกมาที่วัดเพื่อสอบปากคำ ซึ่งเรื่องนี้รอให้พนักงานสอบสวนร่วมกับอัยการในวันจันทร์ที่ 16 พ.ค.นี้ก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะตนไม่สามารถสั่งการอะไรได้ พนักงานสอบสวนจะไปสอบปากคำที่วัดตามข้อเรียกร้องของพระธัมมชโยหรือไม่ ตนไม่ทราบ เนื่องจากไม่ใช่พนักงานสอบสวน ปล่อยให้ดีเอสไอทำงานไป ถ้าตนเข้าไปยุ่งกับเรื่องมากเกินไป เดี๋ยวจะหาว่าตนไปสั่งการอย่างนั้นอย่างนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ขอให้ทำตามระบบ ส่วนการที่พระธัมมชโยเฉไฉไปมาไม่ยอมมาตามกำหนดของดีเอสไอนั้น ตนคิดว่าสังคมจะพิสูจน์เอง
[ที่มา : https://www.thaipost.net]
——————————-
คนตระกูลนี้มันขี้เท็จกันทั้งก๊กหรือยังไง ไม่ว่านักบวชหรือฆราวาส
โกหกออกมาได้ว่า เจ้าลัทธิอลัชชีไม่มีเจตนาจะหลีกเลี่ยงหรือประวิงเวลาไปให้ปากคำ
แล้วหลักฐานเหล่านี้ล่ะจะอธิบายจะยังไง
——————————–
๔ ต.ค. ๔๒ อัยการสูงสุดนัดธัมมชโย จะตัดสินสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องด้านทนายวัดธรรมกายอ้างธัมมชโยป่วยและขอเลื่อนออกไป หากอัยการไม่เชื่อก็ต้องรับตัวมาจากวัด และบอกว่าถ้าพาตัวมาอาจถึงขั้นช็อค
๒๘ ต.ค. ๔๒ ทนายธัมมชโยอ้างใบรับรองแพทย์ระบุโรคเบาหวานกำเริบและก็เป็นภูมิแพ้ เสียงก็แหบแห้งไม่มีเสียงจะมาพูด ให้งดใช้เสียง จึงขอเลื่อนออกไป
แต่ใบรับรองแพทย์ของโรงพยาบาลเกษมราษฎรออกโดย น.พ.สมนึก ตรัยไชยาภรณ์ ระบุว่านายไชยบูลย์มีอาการสายเสียงอักเสบแต่อาการดีขึ้นแล้ว
ทำให้ธัมมชโยไม่สามารถขอเลื่อนออกไปได้ ด้านนายไชยบูลย์ได้ปฏิเสธข้อหาและขอให้การในชั้นศาล และใช้หลักทรัพย์ประกันตัวไปเป็นเงิน ๓ ล้านบาท
๒๐ มี.ค. ๔๓ “ไชยบูลย์” เบี้ยวนัดฟังข้อกล่าวหากฎนิคหกรรมตามคาด เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เดือดปุดปุดถูกตบหัวแล้วลูบหลัง ไม่มาแล้วยังไม่ยอมแจ้งล่วงหน้า เผยทนายวัดธรรมกาย ได้ไปยื่นคำฟ้องศาล หวังให้ช่วยเพิกถอนการพิจารณาเพราะเชื่อขัดต่อกฎหมาย ล่าสุดร่อนแถลงการณ์ออกมา จะฟ้องร้องพระสงฆ์ได้ ต้องเป็นผู้บรรลุพระโสดาบันตามพระไตรปิฎกกำหนดเท่านั้น
๓ มี.ค. ๕๘ ดีเอสไอออกหมายเรียกพระธัมมชโย แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ
๒๖ มี.ค. ๕๘ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความธัมมชโยกล่าวก่อนการให้คำปากคำ ว่า ตนจะปรึกษากับพนักงานสอบสวนว่า ยังจำเป็นต้องให้พระธัมมชโยเดินทางมาให้ปากคำด้วยตนเองอีกหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา พระธัมมชโย ยืนยันว่า ไม่เคยเห็นและรับเช็ค ซึ่งเมื่อมีคนมาทำบุญ บริจาค ทางพระมหาบุญชัยจะเป็นผู้ดำเนินการ นำเช็คไปเข้าบัญชีต่างๆ เอง ทั้งนี้ การที่พระธัมมชโยไม่เดินทางมาให้ปากคำด้วยตนเองนั้น เนื่องจากยังมีอาการป่วย
๖ พ.ค. ๕๘ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล หัวหน้าชุดติดตามร่องรอยทางการเงินวัดพระธรรมกาย ดีเอสไอ กล่าวว่า หลังจากที่ดีเอสไอออกหมายเรียกพระธัมมชโยมาแล้ว ๑ ครั้ง เมื่อวันที่ ๓ มีนาคมที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ นอกจากนี้ดีเอสไอยังประสานพระธัมมชโยไปอีกหลายครั้ง แต่ได้รับการคำตอบขอเลื่อนมาโดยตลอด ครั้งนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าพระธัมมชโยจะเข้าให้ปากคำเมื่อใด
นายสัมพันธุ์ เสริมชีพ ทนายความส่วนตัวพระธัมมชโย เปิดเผยว่า หลังจากดีเอสไ ได้ออกหมายเรียกให้พระธัมมชโย เข้าให้ปากคำเบื้องต้นยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเข้าให้ปากคำวันไหน และสถานที่ใด ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าทางพระธัมมชโย จะเป็นผู้ให้ปากคำด้วยตัวเองอย่างแน่นอน
๑๙ พ.ค. ๕๘ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ ๓ เปิดเผยว่า แพทย์ผู้ออกใบรับรองแพทย์ให้กับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว โดยให้การยืนยันว่า พระธัมมชโยป่วยจริง มีอาการเส้นเลือดดำที่โคนขาอุดตัน เบาหวาน และมีแผลติดเชื้อได้ง่าย ทั้งนี้ พระธัมมชโย พร้อมให้ความร่วมมือในการเข้าให้ปากคำ แต่ไม่สะดวกเดินทางปฏิบัติภารกิจออกนอกสถานที่ ดังนั้น พนักงานสอบสวนจะนำคำให้การของแพทย์ไปหารือกับคณะพนักงานสอบสวนชุดใหญ่ เพื่อให้มีมติในการกำหนดสถานที่สอบปากคำพระธัมมชโย
๓ มิ.ย. ๕๘ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ในฐานะหัวหน้าชุดตรวจสอบเส้นทางการเงินจากเช็ค ๘๗๘ ฉบับของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด กล่าวถึงกรณีออกหมายเรียกรอบ ๒ ให้พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เข้าให้ปากคำในฐานะพยาน หลังมีชื่อรับเช็คบริจาค ว่า พระธัมมชโยไม่ได้มาตามนัด แต่ได้มอบอำนาจให้ทนายความเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อขอให้พนักงานสอบสวนเดินทางไปสอบปากคำพระธัมมชโยที่วัดพระธรรมกาย เนื่องจากพระธัมมชโยมีอาการอาพาธ ขาบวมจากภาวะเส้นเลือดดำอุดตันที่โคนขาซ้าย และโรคเบาหวาน เดินทางไม่สะดวก
ปี ๒๕๕๙กรมสอบสวนคดีพิเศษ ออกหมายเรียกธัมมชโยรับทราบข้อล่าวหา “กระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร” ในวันที่ ๘ เม.ย. ๕๙ ทางทนายธัมมชโย ขอเลื่อนไปเป็นวันที่ ๖ พฤษภาคม โดยอ้างว่าติดงานวันเกิด
ทางที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวน เห็นว่านานไป จึงได้มีมติออกหมายเรียกให้ธัมมชโยมารับทราบข้อกล่าวหาครั้งที่ ๒ ในวันที่ ๒๕ เม.ย. ๕๙
๒๕ เม.ย. ๕๙ นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายธัมมชโยได้นำใบรับรองแพทย์มาขอเลื่อนนัด ระบุอาพาธเรื้อรังจากโรคเบาหวาน เส้นเลือดอุดตันโคนขาซ้าย
ต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษจึงออกหมายเรียกให้ธัมมชโยมารับทราบข้อกล่าวหาอีกเป็นครั้งที่ ๓ วันที่ ๑๖ พ.ค. ๕๙
๑๔ พ.ค. ๕๙ วัดธรรมกายได้แถลงการณ์ ระบุว่าธัมมชโย มีอาการอาพาธทรุดหนักจึงขอเปลี่ยนสถานที่นัดพบพนักงานสอบสวนเป็นที่วัดพระธรรมกายแทน
————————————–
เอ้าๆ… สาวกทาสขี้เท็จจะอธิบายต่อเหตุการณ์ที่ผ่านมานี้อย่างไร
ครั้งนี้มันก็เหมือนเดิมอีกล่ะ มุกเดิมๆ ข้ออ้างเดิมๆ แหกตา ลวงโลก เช่นเดิม
ช่างน่าสมเพชสิ้นดี พวกอย่างหนาหน้าด้านเอ๋ย
เลิกแถเสียทีเถิด ไม่รู้จักอับอายขายขี้หน้าชาวโลกเขาบ้างหรือไง
พุทธะอิสระ