ชอบ…..ชอบ……ชอบ ถูกใจ
๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙
“จะเอายังไงกันก็ได้ ถ้าต้องการ?”
เปลวสีเงิน
วันศุกร์ที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙
“รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย เริ่มนับจาก “พล.อ.อ.สิทธิ เศวตศิลา” ที่มีบทบาทอยู่ในตำแหน่ง ๑๐ ปี ตั้งแต่ “๒๕๒๓-๒๕๓๓” แล้ว
จากวันนั้น ถึงวันนี้ ราว ๆ ๒๖ ปี……….
เราใช้รัฐมนตรีต่างประเทศสิ้นเปลืองเข้าข่าย “สูญเปล่า” ไปประมาณ ๒๒-๒๓ คน!
“ดอน ปรมัตถ์วินัย” วันนี้ เป็นคนที่ ๒๔
ยุค พล.อ.อ.สิทธิ”………….
ไทยกระแอม “สังคมโลกต้องเงี่ยหูฟัง ซึ่งไม่เพียงทำให้การเมืองระหว่างประเทศโดยบทบาทไทยมีน้ำหนักเท่านั้น
ยังเป็น “น้ำหนัก” กลุ่มอาเซียนด้วย!
น้ำหนักไทย โดยบทบาทรัฐมนตรีต่างประเทศ “เสื่อมถอย” ในสายตาชาวโลกต่อเนื่องลงไปเรื่อยๆ จนถึงยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์…ต่ำจมดิน
ถ้า “ข้าราชการต่างประเทศ” ส่วนใหญ่ ไม่ดำรงศักดิ์แห่งสถาบันบัวแก้วยอมไปเป็น “บัวเต่าถุย” ให้กับการเมือง “กินเมือง” ไปทั้งหมดละก็
วันนี้ คงเหลือแต่ “กระทรวงการขายประเทศ” แทนกระทรวงต่างประเทศเต็มตัวไปแล้ว!
มายุคนี้ โดยรัฐมนตรีดอนคนนี้แหละ ค่อยทำให้ไทยในสายตาชาวโลก รวมทั้งชาวไทยด้วยกันเงยหน้าได้
เสนาบดีดอน……..
เป็นขุนนางศักดินา “ลูกทุ่งสามัญชน” และชนทุกคน-ทุกชาติ ที่ล้ำแดนบูรณภาพแห่งไทย
“ถึงลูก-ถึงคน-ทันใจ-ชัดเจน”
“ผลประโยชน์ชาติ-อำนาจประเทศ-เดชะและศักดิ์สถาบัน” นั่นคือหน้าที่พิทักษ์!
เมื่อวาน (๑๒ พ.ค.๕๙) รัฐมนตรีดอน เชิญทูตสหรัฐประจำไทย “กลิน ทาวน์เซนด์ เดวีส์” มานั่งจิบน้ำชากันยามบ่าย
นอกจากคุยเรื่อง “ร้อนตับแตก” แล้ว………
ผมเข้าใจว่า คงดับร้อนด้วย “เสวนาเสมอภาค” ต่อกัน กรณีสื่อเทศ-สื่อไทย กระทอกข่าวกันเป็นทอดๆ ว่า
ที่ไทยจับแก๊งทักษิณด้วยความผิดตามมาตรา ๑๑๒ นั้น
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ “เครียด” ออกแถลงการณ์ “ประณามไทย” ว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน
ความจริง เขาก็ไม่ได้พูดถึงขั้นประณาม แต่ก็เถอะ คุยครั้งนี้คง “ปรับทัศนคติ” ตรงกันแล้ว ในฐานะไม่ใช่คนเพิ่งคุ้น หากแต่ไทย-สหรัฐ คบกันมานานเป็นร้อยปี
อเมริกันก็ศิวิไลซ์ น่าจะเข้าใจความเป็นไทย เว้นแต่ “แกล้งไม่เข้าใจ” ด้วยเหตุผลบางอย่าง
คือควรต้องเข้าใจว่า ประเทศไทย ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
พระมหากษัตริย์ไทยนั้น……
ทรงแต่พระคุณไพศาล แผ่ร่มเย็นต่อสังคมชาติและประชาชน ไม่เว้นกระทั่งคนต่างด้าว-ท้าวต่างแดน ที่เข้ามาอาศัยเงาแผ่นดินไทยอยู่
พระมหากษัตริย์ไม่ทรงใช้พระเดชกับใคร
อีกอย่าง พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ใต้กฎหมาย ดังนั้น พระองค์ก็ทรงมีสิทธิเสรีภาพด้วยเช่นกัน
และนั่น…การจ้วงจาบพระมหากษัตริย์ ก็เท่ากับพระมหากษัตริย์ทรงถูกบุคคลอื่น “ละเมิดสิทธิเสรีภาพ” โดยตรง
แต่พระมหากษัตริย์ ไม่เคยตอบโต้ใคร และไม่ทรงอยู่ในฐานะจะทรงตอบโต้ด้วย!
จะว่าไปแล้ว ในหลักการว่า คนทุกคน “ทัดเทียมกันทางกฎหมาย” แต่กฎหมาย “ตัดสิทธิ” พระมหากษัตริย์ ไม่ให้ฟ้องร้อง หรือกล่าวโทษใครได้ทั้งนั้น
ในขณะที่พระมหากษัตริย์ปกป้องตัวเองไม่ได้ทางกฎหมาย และไม่เคย “ให้ร้าย” กับใคร
ในทางตรงกันข้าม….
ประชาชนกลับมีสิทธิ์ปกป้องตัวเองทางกฎหมายได้เต็มที่ เต็มจนล้น อย่างที่บางพวก-บางคน จ้องจำเพาะจ้วงจาบต่อสถาบัน ด้วยหวังผลซ่อนเร้นบางประการ
ก็ขอถามตามหลักการประชาธิปไตยว่า…
อย่างที่แก๊งกวนตีนระบอบทักษิณทำในข่ายมาตรา ๑๑๒ นั่นคือการละเมิด “สิทธิเสรีภาพ” ใช่มั้ย?
แล้วรัฐบาลเขาจับ…จับตามตัวบทกฎหมาย
เมื่อถูกจับ ทั้งนักกฎหมาย นักกวนตีน นักวิชาการ นักสิทธิมนุษยชน นักกินเมือง ใครต่อใครผู้เลื่อมใสระบอบทักษิณ
ตะโกนกันใหญ่….
ใช้มาตรา ๑๑๒ ละเมิดสิทธิมนุษยชน!?
แต่ที่เหล่าท่านละเมิดสถาบัน “พระมหากษัตริย์” ซึ่งก็คือละเมิดสิทธิมนุษยชนเช่นกัน
ทั้งแอมเนสตี้ ฮิวแมนไรต์วอตช์ องค์กรนิติศาสตร์สากล ฟอรั่มเอเชีย ยูเอ็น กระทั่ง “สหรัฐอเมริกา” ผู้เป็นตั้วเฮีย
บอกว่า…เป็นสิทธิเสรีภาพ!?
มันน่าเอา “บั้นท้ายเท้า” ยัดปากซะจริงๆ!
ท่านรัฐมนตรีดอนครับ ท่านพูดภาษาฝรั่งเก่ง ส่วนผมนั้น…หมู่นี้ปวดฟัน พูดไม่ค่อยถนัด
ท่านบันทึกช่วยจำถึงกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ผ่านท่านทูตกลิน เดวีส์ ทีซิครับ ถามว่า…….
– ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์
๑.ตั้งแต่ ๑๗ เมษา.๕๗ จนถึงขณะนี้ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ ผู้นำกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย ที่แก่งกระจาน เพชรบุรี หายตัวไป
ทำไมสหรัฐจึงเงียบ
ทำไมองค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนทั้งไทย-เทศ อมลิ้น-อมดุ้น เงียบ?
– ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์
๒.เมื่อ ๖ มิถุนา.๕๖ นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจเจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ เพราะไปเห็นอะไรที่ชั้น ๗ โฟร์ซีซั่นมิทราบ
จึงถูกอุ้มฆ่า “ฆ่าแล้วสารภาพตัดตอน” แบบมีปริศนา
ทำไมสหรัฐจึงเงียบ
ทำไมองค์กรเพื่อมนุษยชนทั้งไทย-เทศ อมลิ้น-อมดุ้น เงียบ?
– ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์
๓.เมื่อ ๓๐ พฤศจิกา ๕๖ นปช.ระบอบทักษิณ ปิดล้อมมหาวิทยาลัยรามฯ ไล่ยิง-ไล่ฆ่า-ปาระเบิด ใส่นักศึกษา ทั้งเจ็บ-ทั้งตาย จนทหารต้องเข้าไปช่วย นศ.นับพัน จึงสามารถออกจากมหาวิทยาลัยได้
ทำไมสหรัฐจึงเงียบ
ทำไมองค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนทั้งไทย-เทศ อมลิ้น-อมดุ้น-เงียบ?
สหรัฐ-ยูเอ็น และองค์กรบริวารด้านสิทธิทั้งหลาย บอกทีซิว่า
อะไรคือมาตรฐานของพวกคุณในการชี้ชัดว่า……..
แบบไหน ถือว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน
และแบบไหน เป็นสิทธิเสรีภาพ ไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน?
แบบจ้วงจาบสถาบันพระมหากษัตริย์ ถือเป็นสิทธิเสรีภาพ ทำได้…ไม่เป็นการละเมิดอย่างนั้นหรือ?
ตั้งแต่ คสช.เข้ามาควบคุมอำนาจปกครองประเทศ ช่วง “ช่องว่าง” รอยต่อระบอบทักษิณ เมื่อ ๒๒ พ.ค.๕๗
ไม่มีใครตาย-ใครเจ็บ-ใครหายซักคน?
มีแต่คนระบอบทักษิณ ทำร้ายประเทศ จ้องทำลายสถาบัน พอถูกจับ ศาลให้ประกัน ก็พาหนีไปเลี้ยงดูกันอยู่ต่างประเทศบ้าง หนีไปก่อนถูกจับบ้าง
แล้วก็ไปซุกรองเท้าสหรัฐ-ยูเอ็น “รวมหัวเห่า” เขย่าประเทศและสถาบัน!
สหรัฐนั่นแหละตัวดี……..
ระวังเถอะ กรรมกำลังจะสนอง ทรัมป์ ที่ผมบอกว่าชูวิทย์อเมริกัน ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีวันไหน
วันนั้น แล้วจะรู้ซึ้งว่า “ทรัมป์” อเมริกัน กับ “ทักษิณ” ไทย
เมื่อมีอำนาจ…….
จะใช้อำนาจ “นอกระบอบ” สร้างความฉิบหายให้ส่วนรวม เพื่อความมั่งคั่งส่วนตัวและพวกพ้อง ถึงขั้นไม่รู้จะไปแหกปากร้อง…เฮ้ย นี่ละเมิดสิทธิมนุษยชนเอากับใคร ที่ไหน?
ยุคสิทธิมนุษยชนทักษิณ “ฆ่าตัดตอน” ในสงครามปราบยาเสพติดไปกี่พันศพ?
ที่กรือเซะ-ตากใบ สิทธิมนุษยชนทักษิณ ฆ่าหมู่พี่น้องไทยมุสลิมไปกี่ร้อยศพ?
เหมือนที่ประธานาธิบดีบุชไปปล้นประเทศอิรักเอาน้ำมัน แล้วอ้างสถาปนาประชาธิปไตย
เหมือนที่โอบามาใช้คำว่า “สปริง” ไปยุยงให้หลายประเทศก่อจลาจล ฆ่ากันเอง จนโลกใกล้สงครามล้างโลกขณะนี้
ด้วยเป้าหมายของคุณ ด้วยพวกคุณ ด้วยประโยชน์ที่แลกเปลี่ยนลงตัวกันของพวกคุณ
ทำอะไร มันก็เป็นประชาธิปไตย เปี่ยมล้นด้วยสิทธิเสรีภาพ และชอบธรรมด้วยสิทธิมนุษยชนไปเสียทั้งหมด!
เพราะที่จะ “สมประโยชน์” ด้วยกันทั้งหมด จากความเป็นประเทศไทย “หกหมด-อดแดก” นั่นตะหาก
รัฐบาล คสช.แค่จะรักษาประเทศ-พิทักษ์สถาบัน ก็กลายเป็น “ละเมิดสิทธิมนุษยชน” ไปเสียทุกเรื่องเสียแล้ว
นี่ บอกตรงๆ….กูเคืองมึงแล้วนะ.
……………………………………
สงสัยต้องจัดให้ทูตสหรัฐฯอีกซักดอกหนึ่งแล้วหละ
แต่ที่ยังไม่จัดให้ตอนนี้ ก็เพราะยังไม่เห็นคนของสถานทูตสหรัฐฯออกมาทำผิดมารยาททูต
คงเกรงว่าพวกเราจะไปเยี่ยมอีก
เลยให้ลิ่วล้อทาสทั้งไทยและเทศออกมาเห่าหอนสั่นคลอนประเทศไทย
สรุปง่าย ๆ ว่า หากทูตสหรัฐ หรือคนของสถานทูตออกมาวิพากษ์วิจารณ์กรณีมาตรา ๑๑๒ อีก
พวกเราคนไทยหัวใจรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จะไปนั่งกินข้าวเพลหน้าสถานทูตก็แล้วกัน โอนะ
พุทธะอิสระ